ตอนที่ 11 ปฏิวัติอุตสาหกรรม ค.ศ.1780-1829

นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์
ทางเศรษฐกิจ ผลของมันจะทำให้วิถีชีวิตของมนุษย์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

นับตั้งแต่ที่มนุษย์กำเนิดมาบนโลกเป็นเวลากว่า 200,000 ปี กำลังการผลิตโดยรวมนั้นขึ้นอยู่กับ “ปริมาณแรงงาน” ของมนุษย์หรือสัตว์ในครอบครอง คูณด้วยกับ “เวลา” ทำงานเท่านั้น

แต่การถือกำเนิดของ “เครื่องจักร” จะนำมาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ

ผ้า 1 ผืน จากที่เคยใช้เวลาทอหลายวัน จะเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง

การเดินทางจากเมือง 2 เมือง ที่เคยใช้เวลาเป็นสัปดาห์ จะเหลือเวลาเพียงไม่กี่วัน การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้ถูกเรียกว่า “การปฏิวัติอุตสาหกรรม”
ซึ่งมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่ประเทศอังกฤษและด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกว่าใคร จะทำให้ประเทศที่เป็นเกาะเล็กๆ แห่งนี้ลุกขึ้นมากลายเป็นจักรวรรดิยิ่งใหญ่ ที่ครอบคลุมไปทุกเขตเวลา

แล้วทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมต้องมีจุดเริ่มต้นที่อังกฤษ?

อังกฤษในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 มีความพร้อมหลายๆ อย่างที่ประเทศอื่นในยุโรปไม่มี

ความพร้อมที่ 1 คือ ทุนทางความรู้

อังกฤษมีการปฏิวัติวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 และมีกฎหมายเกี่ยวข้องกับสิทธิบัตร (The Statute of Monopolies) มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1624
โดยให้สิทธิพิเศษสำหรับผู้ประดิษฐ์คิดค้นสินค้าใหม่ในการที่จะผลิตสิ่งนั้นได้ระยะเวลาหนึ่ง

การมีกฎหมายเช่นนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาและต่อยอดสิ่งประดิษฐ์อย่างต่อเนื่อง

ความพร้อมที่ 2 คือ วัตถุดิบและตลาด

ดินแดนอาณานิคมของอังกฤษ ทั้งในอเมริกาและอินเดีย เป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญ โดยเฉพาะ ฝ้าย ที่จะถูกส่งมาทำสิ่งทอที่อังกฤษ ในขณะเดียวกันก็เป็นตลาดรับซื้อสินค้าสำเร็จรูปจากอังกฤษด้วย
ในขณะที่เกาะอังกฤษเองก็มีแหล่งถ่านหินหลายแห่ง ซึ่งจะกลายเป็นพลังงานที่ขับเคลื่อนโรงงานอุตสาหกรรมในช่วงแรก

ความพร้อมที่ 3 คือ การขนส่งทางเรือ

ในศตวรรษที่ 18 และ 19 กองเรือสินค้าของอังกฤษมีจำนวนมากที่สุดในโลกสามารถขนส่งทั้งวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปไปได้ทั่วโลก

ความพร้อมที่ 4 คือ การเมืองที่มั่นคง

นับตั้งแต่การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ในปี ค.ศ. 1688 ทำให้กษัตริย์อังกฤษอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ระบอบการเมืองที่มั่นคงทำให้ความขัดแย้งมีน้อยมาก
จึงไม่มีอุปสรรคที่ขัดขวางการค้าภายในประเทศ

เมื่อปัจจัยทุกอย่างพร้อมประกอบกับการเพิ่มขึ้นของประชากรชาวอังกฤษจาก 5 ล้านคนในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 กลายเป็น 10 ล้านคนในช่วงต้น
ศตวรรษที่ 19 ทำให้ “สิ่งทอ” ไม่เพียงพอต่อความต้องการการประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำ โดยเจมส์ วัตต์ ในปี ค.ศ. 1776 โดยมีหลักการคือ การใช้ถ่านหินให้ความร้อนแก่น้ำ จนกลายเป็นไอ แล้วใช้ไอน้ำมาเป็นพลังงานขับเคลื่อนเครื่องจักร

เมื่อมีจุดเริ่มต้น นวัตกรรมก็จะถูกต่อยอดไปเรื่อยๆ
การขาดแคลนสิ่งทอนำมาสู่การประดิษฐ์เครื่องทอผ้า (Power Loom) ในปีค.ศ. 1785 จากเครื่องทอผ้า นำมาสู่การประดิษฐ์เครื่องคัดเมล็ดฝ้ายจากฝ้ายดิบ (Cotton Gin)

เมื่อมีเครื่องจักร ทำให้ต้องพัฒนาคุณภาพของเหล็กให้ดีขึ้น ไม่เปราะง่าย องค์ความรู้ด้านเคมี นำมาสู่การปรับปรุงวิธีการหลอมเหล็ก จนได้เหล็กกล้าที่แข็งแรง

เมื่อมีเหล็กกล้านำมาสร้างเป็นราง จอร์จ สตีเฟนสัน ได้พัฒนาเครื่องจักรไอน้ำ ด้วยการเพิ่มลูกสูบ และปล่องไฟ กลายเป็น “The Rocket” รถจักรไอน้ำที่
ถูกขับเคลื่อนไปตามราง เชื่อมเส้นทางระหว่างเมือง แมนเชสเตอร์ และลิเวอร์พูล ในปี ค.ศ. 1829
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เรียกว่า “รถไฟ”

รถไฟกลายเป็นระบบขนส่งทางบกที่เร็วกว่า มีความน่าเชื่อถือมากกว่าระบบใดๆ ทำให้ผู้คนเดินทางไปได้ไกลกว่าที่เป็นมา และการขนส่งทางรถไฟ กลายเป็นพลังขับเคลื่อนอนาคตของอังกฤษ ในขณะที่อังกฤษกำลังไปข้างหน้า แต่ดินแดนส่วนใหญ่ในยุโรป กำลังเจอปัญหาที่เกิดจากคนหนึ่ง ที่มีชื่อว่า
“นโปเลียน”..

ท่ามกลางความวุ่นวายภายในจากการปฏิวัติฝรั่งเศส การล้มระบบกษัตริย์และการปกครองประเทศรูปแบบใหม่ ของสมัชชาแห่งชาติที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน

บรรดาประเทศเพื่อนบ้านที่ยังใช้ระบอบกษัตริย์เกรงกลัวว่าการปฏิวัติฝรั่งเศสจะแพร่ไปยังประเทศของตน จึงประกาศสงครามกับฝรั่งเศส
นายทหารคนหนึ่ง นามว่า นโปเลียน โบนาปาร์ต ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการรบกับเพื่อนบ้าน และทำศึกชนะครั้งแล้วครั้งเล่า

และในที่สุด นโปเลียน ก็ได้ทำการรัฐประหารยึดอำนาจเป็นผลสำเร็จ และได้ขึ้นเป็นจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 มาจนถึงตอนนี้ นโปเลียน มีจุดมุ่งหมายใหม่ คือการทำให้จักรวรรดิฝรั่งเศสมีอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่เหมือนจักรวรรดิโรมันในอดีต

จักรพรรดินโปเลียนจึงเปิดสงครามขยายเขตแดนของฝรั่งเศสไปทั่วยุโรป รบชนะทั้งออสเตรีย รัฐต่างๆ ในดินแดนเยอรมัน คาบสมุทรอิตาลีตอนเหนือ สวิตเซอร์แลนด์ สเปน และโปรตุเกส
แต่สุดท้ายความรุ่งเรืองก็ต้องมีวันดับ

นโปเลียนได้ยกทัพไปถึงรัสเซีย อาณาจักรใหญ่ทางตะวันออกของยุโรป แต่พบกับความพ่ายแพ้ด้วยการวางแผนของทัพรัสเซียและสภาพอากาศที่หนาวจัด ความฝันอันยิ่งใหญ่ของนโปเลียนพังทลายลง..เมื่อฝ่ายพันธมิตรนำโดยอังกฤษ ได้รวมกองทัพเพื่อปราบ นโปเลียน กองทัพอันยิ่งใหญ่จึงถึงคราวพ่ายแพ้ที่สมรภูมิวอเตอร์ลู นโปเลียนถูกเนรเทศ และจบชีวิตลงที่เกาะเซนต์เฮเลนา ในปี ค.ศ.1821

ผลจากสงคราม ทำให้ยุโรปมีการจัดระเบียบดินแดนใหม่หลายประเทศถือกำเนิดขึ้นมา ทั้งเบลเยียม และรัฐในเยอรมันที่รวมตัวกันเป็น
สมาพันธรัฐเยอรมัน (German Confederation) ในปี ค.ศ. 1815 ภายนอกทวีปยุโรป การหมดอำนาจลงของสเปน ทำให้อาณานิคมในทวีป
อเมริกาต่างทำสงครามประกาศเอกราช นำมาสู่การก่อตั้งประเทศ เช่น เม็กซิโกและเวเนซุเอลาในปี ค.ศ. 1821, เปรูและโบลิเวียในปี ค.ศ. 1824
มาจนถึงตอนนี้มหาอำนาจในยุโรป ต่างสูญเสียดินแดนส่วนใหญ่ของทวีปอเมริกาไปหมดแล้ว..

การปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จในอังกฤษ ทำให้ประเทศในยุโรปต่างดำเนินรอยตาม เริ่มจากเบลเยียม ตามมาด้วยเนเธอร์แลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส และข้ามฝั่งไปถึงสหรัฐอเมริกา

ผลจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ทำให้เทคโนโลยีได้เข้ามาสู่อุตสาหกรรมทางทหาร อาวุธถูกพัฒนามากขึ้น เกิดปืนไรเฟิลที่มีความแม่นยำสูง ในขณะที่เครื่องจักรไอน้ำก็ทำให้เกิดเรือกลไฟที่ใช้พลังไอน้ำในการขับเคลื่อนแทนการใช้ผ้าใบและแรงลม เรือกลไฟ ทำให้เรือมีขนาดใหญ่กว่าเดิม และไป
ได้เร็วกว่าเดิม

เมื่ออาวุธพร้อม เรือพร้อม บัดนี้ ทรัพยากรที่สำคัญสำหรับประเทศที่พัฒนาอุตสาหกรรม ไม่ใช่แรงงาน
มนุษย์อีกต่อไป แต่มันคือ “ทรัพยากรธรรมชาติ” เช่น ไม้ ถ่านหิน เหล็ก แร่ธาตุต่างๆ เหยื่อได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นทวีปที่ใหญ่กว่า และเต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ แม้จะมีอารยธรรมเก่าแก่นับพันปี แต่ก็มีอาวุธที่ล้าหลังกว่า

นั่นก็คือ “ทวีปเอเชีย”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่