ความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม หมายถึง "ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว" มีปรากฏอยู่ในทุกศาสนา
หมายความว่ามนุษย์ไม่ได้ดำเนินชีวิตด้วยความบังเอิญ แต่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่มาควบคุมมนุษย์
โดยจะตอบแทนมนุษย์ตามความคิด การกระทำ และคำพูด อย่างยุติธรรม
ซึ่งจะตอบแทนเร็วหรือช้าก็ได้ แต่จะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน
ความดีและความชั่วไม่สามารถหักล้างกันได้
ทำความดีก็ได้รับผลดีตอบแทน
แล้วจะส่งผลให้มีความสุข
ทำความชั่วก็ได้รับผลชั่วตอบแทน
แล้วจะส่งผลให้มีความทุกข์
มนุษย์ทุกคนจึงต้องพบทั้งความสุขและความทุกข์คละเคล้ากันไป
ในทางปฏิบัติ เมื่อทำความดีแล้ว ผลดีก็อาจยังมาไม่ถึง
แต่ผลชั่วหรือผลบาปที่เคยทำมาในอดีต ก็มาตอบสนองพอดี
ในทำนองเดียวกันเมื่อทำบาปแล้ว ผลบาปก็อาจยังมาไม่ถึง
แต่ผลดีที่เคยทำมาในอดีต ก็มาตอบสนองพอดี
จึงทำให้หลายคนเข้าใจผิด คิดว่ากฎแห่งกรรมไม่มีจริง
การพิจารณาเรื่องกฎแห่งกรรม
จำเป็นจะต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน
และมีข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน จึงจะพบว่ากฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ
สำหรับศาสนาคริสต์ ก็เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมด้วยเช่นกัน
เพียงแต่คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บันทึกโดยตรงว่ามีกฎแห่งกรรม
แต่ได้บันทึกเป็นความนัย ซึ่งจะตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย
พระเจ้าผู้ประเสริฐได้สร้าง "
กฎแห่งกรรม" สำหรับมนุษย์ คือ "
ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว"
โดยพระเจ้าจะตอบแทนมนุษย์ ตามการกระทำของทุกคนอย่างเหมาะสมและครบถ้วน
หากผู้ใดได้รับผลกรรมที่ตนเองได้ทำมา ยังไม่ครบถ้วนทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว
ผู้นั้นจะยังไม่ตาย จนกว่าจะได้รับผลกรรมจนครบถ้วน
อ้างอิงจากคัมภีร์ไบเบิล
เยเรมีย์ 17:10 "เราคือพระเจ้า จะตอบแทนมนุษย์ตามความคิดของมนุษย์ และตามการกระทำของมนุษย์"
=> เราคือพระเจ้าตรวจค้นดูใจ และทดสอบดูจิต เพื่อให้แก่ทุกคนตามพฤติการณ์ของเขา
ตามผลแห่งการกระทำของเขา : THSV 1971
=> I the LORD search the heart, I try the reins, even to give every man according to his ways,
and according to the fruit of his doings." : King Jame
วิธีพิสูจน์
ให้เราศึกษาชีวิตจริงจากญาติพี่น้องที่เราสนิทอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเขาตาย
แล้วเราจะพบความจริงด้วยตนเองว่า "ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว"
จุดที่สังเกตได้ชัดเจนก็คือ
หากทำความดีมามากจะตายสบาย แต่หากทำความชั่วมามากจะตายทรมาน
ส่วนชีวิตของผู้อื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมานี้ จะนำมาพิจารณาไม่ได้ เนื่องจากเรารู้ข้อมูลเขาไม่ครบถ้วน
จึงเชื่อถือไม่ได้
ความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม
หมายความว่ามนุษย์ไม่ได้ดำเนินชีวิตด้วยความบังเอิญ แต่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่มาควบคุมมนุษย์
โดยจะตอบแทนมนุษย์ตามความคิด การกระทำ และคำพูด อย่างยุติธรรม
ซึ่งจะตอบแทนเร็วหรือช้าก็ได้ แต่จะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน
ความดีและความชั่วไม่สามารถหักล้างกันได้
ทำความดีก็ได้รับผลดีตอบแทน แล้วจะส่งผลให้มีความสุข
ทำความชั่วก็ได้รับผลชั่วตอบแทน แล้วจะส่งผลให้มีความทุกข์
มนุษย์ทุกคนจึงต้องพบทั้งความสุขและความทุกข์คละเคล้ากันไป
ในทางปฏิบัติ เมื่อทำความดีแล้ว ผลดีก็อาจยังมาไม่ถึง
แต่ผลชั่วหรือผลบาปที่เคยทำมาในอดีต ก็มาตอบสนองพอดี
ในทำนองเดียวกันเมื่อทำบาปแล้ว ผลบาปก็อาจยังมาไม่ถึง
แต่ผลดีที่เคยทำมาในอดีต ก็มาตอบสนองพอดี
จึงทำให้หลายคนเข้าใจผิด คิดว่ากฎแห่งกรรมไม่มีจริง
การพิจารณาเรื่องกฎแห่งกรรม จำเป็นจะต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน
และมีข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน จึงจะพบว่ากฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ
สำหรับศาสนาคริสต์ ก็เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมด้วยเช่นกัน
เพียงแต่คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บันทึกโดยตรงว่ามีกฎแห่งกรรม
แต่ได้บันทึกเป็นความนัย ซึ่งจะตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย
พระเจ้าผู้ประเสริฐได้สร้าง "กฎแห่งกรรม" สำหรับมนุษย์ คือ "ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว"
โดยพระเจ้าจะตอบแทนมนุษย์ ตามการกระทำของทุกคนอย่างเหมาะสมและครบถ้วน
หากผู้ใดได้รับผลกรรมที่ตนเองได้ทำมา ยังไม่ครบถ้วนทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว
ผู้นั้นจะยังไม่ตาย จนกว่าจะได้รับผลกรรมจนครบถ้วน
อ้างอิงจากคัมภีร์ไบเบิล
เยเรมีย์ 17:10 "เราคือพระเจ้า จะตอบแทนมนุษย์ตามความคิดของมนุษย์ และตามการกระทำของมนุษย์"
=> เราคือพระเจ้าตรวจค้นดูใจ และทดสอบดูจิต เพื่อให้แก่ทุกคนตามพฤติการณ์ของเขา
ตามผลแห่งการกระทำของเขา : THSV 1971
=> I the LORD search the heart, I try the reins, even to give every man according to his ways,
and according to the fruit of his doings." : King Jame
วิธีพิสูจน์
ให้เราศึกษาชีวิตจริงจากญาติพี่น้องที่เราสนิทอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเขาตาย
แล้วเราจะพบความจริงด้วยตนเองว่า "ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว"
จุดที่สังเกตได้ชัดเจนก็คือ หากทำความดีมามากจะตายสบาย แต่หากทำความชั่วมามากจะตายทรมาน
ส่วนชีวิตของผู้อื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมานี้ จะนำมาพิจารณาไม่ได้ เนื่องจากเรารู้ข้อมูลเขาไม่ครบถ้วน
จึงเชื่อถือไม่ได้