bangkokbiznews #ไฟเบอร์ จะมาแรงแซงโปรตีน ต้อนรับ #กะหล่ำปลี พระเอกใหม่ ขึ้นแท่นซูเปอร์สตาร์โต๊ะอาหาร ผักราคาประหยัดติดครัว ดีต่อสุขภาพ เข้าถึงได้จริง
รายงาน Pinterest Predicts 2026 ระบุว่า การตอบสนองของผู้บริโภคต่อโลกที่เร่งรีบและเต็มไปด้วยความกดดันไม่ใช่การวิ่งให้เร็วขึ้น แต่คือการ "ชะลอ" เพื่อแสวงหาความสบายใจ เลือกมองโลกด้วยความหวังแบบติดดิน (grounded optimism) และลดเสียงรบกวนรอบตัวลง โดย
Pinterest อ้างอัตราความแม่นยำของการคาดการณ์สูงถึง
88% ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา หากแนวโน้มนี้ยังคงอยู่ ปี 2026เราอาจได้เห็นผู้คนหันกลับมาเขียนจดหมาย กินอาหารเรียบง่ายอย่างกะหล่ำปลี และตกแต่งบ้านด้วยกลิ่นอายVintage Circus มากขึ้น
ทำไมต้องเป็นกะหล่ำปลี
ร็อบ ฮอบสัน (Rob Hobson) นักโภชนาการและผู้เขียน
The Low Appetite Cookbook อธิบายว่า ผู้บริโภคกำลังมองหาอาหารที่ตอบโจทย์หลายมิติพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มไฟเบอร์ สนับสนุนสุขภาพลำไส้ กินพืชให้มากขึ้น และ ยังต้องคุมงบประมาณได้จริง ในชีวิตประจำวันเขากล่าว่า "ในโลกที่กระแส fiber-maxxing และอาหารหมักเต็มฟีดโซเชียล การที่กะหล่ำปลีกำลังมาแรงจึงสมเหตุ
สมผลอย่างยิ่ง"
เขามองว่า ในปี 2026 ไฟเบอร์ อาจมาแรงแซงโปรตีนขึ้นมาบนสารอาหารทถูกพูดถงมากที่สุด หลังจากหลายปีขัาระแสโปรตินครองพินทีสขภาพและโภชนาการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ เมื่อผู้คนเริ่มให้ความสำคัญกับสุขภาพลำไส้ การควบคุมระดับน้ำตาล และฮอร์โมนความอิ่มอย่าง
GLP-1 มากขึ้น
กระแสนี้สะท้อนชัดในรายงาน Pinterest Predicts 2026 ที่
ตั้งสโลแกนปีหน้าไว้ว่า "Live, laugh, leaf" พร้อมชี้ว่า กลุ่ม
3aby Boomer และ Gen X กำลังโบกมือลาเทรนด์กะหล่ำดอก แล้วยกให้ กะหล่ำปลีเป็น Kitchen MVP ตัวใหม่ ด้วย จุดเด่นเรื่องเนื้อสัมผัสที่กรอบ ปรุงได้หลากหลาย และเข้า กับทั้งเมนูคลีน เมนูโฮมคุกกิ้ง ไปจนถึงอาหารฟิวชันสมัยใหม่
•
ตัวเลขการค้นหายิ่งตอกย้ำว่ากะหล่ำปลีไม่ได้มาเล่นๆ เมื่อคำค้น "cabbage dumplings" เพิ่มขึ้นถึง 110% ส่วน
"cabbage alfredo" เมนูซอสพาสต้าเวอร์ชันคาร์บต่ำ เพิ่ม
ขึ้น 45%
ทั้งหมดนี้ทำให้กะหล่ำปลีถูกมองใหม่ ไม่ใช่แค่ผักราคา
ประหยัดติดครัว แต่เป็นวัตถุดิบที่สะท้อนทิศทางการกินของ
ปี 2026 ได้อย่างชัดเจน ที่ทั้งเรียบง่าย, ดีต่อสุขภาพ, ยืดหยุ่น และเข้าถึงได้จริง
อ้างอิง BkkBiz
Kitchen MVP คือ
คำว่า "Kitchen MVP" หรือ "MVP ในธุรกิจอาหาร" มาจากแนวคิด Minimum Viable Product (ผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้ขั้นต้น) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกลุ่ม Startup แต่ถูกนำมาปรับใช้กับร้านอาหารหรือธุรกิจฟู้ดโปรดักส์
สรุปง่ายๆ คือ "การสร้างอาหารหรือร้านอาหารในเวอร์ชันที่เรียบง่ายที่สุด เพื่อนำไปทดสอบตลาดจริง โดยใช้เงินและเวลาน้อยที่สุด" ก่อนจะตัดสินใจลงทุนเปิดร้านใหญ่หรือผลิตสินค้าจำนวนมาก
ทำไมต้องทำ Kitchen MVP?
การเปิดร้านอาหารมีค่าใช้จ่ายสูง (ค่าเช่า, ค่าแต่งร้าน, ค่าจ้างพนักงาน) หากเราเปิดร้านเต็มตัวแล้วรสชาติไม่ถูกปาก หรือกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่ ความเสี่ยงที่จะขาดทุนจึงสูงมาก MVP จะเข้ามาช่วยตอบคำถามสำคัญ:
1. อาหารเราอร่อยจริงไหม?
2. คนยินดีจ่ายในราคานี้หรือไม่?
3. มีคนกลุ่มไหนบ้างที่ชอบกิน?
รูปแบบของ Kitchen MVP ที่นิยมใช้
หากคุณมีไอเดียอยากทำธุรกิจอาหาร แทนที่จะเปิดร้านทันที ให้ลองทำแบบนี้ก่อน:
• Ghost Kitchen / Cloud Kitchen: เช่าพื้นที่ครัวเล็กๆ เพื่อทำอาหารส่ง Delivery อย่างเดียว เพื่อดูยอดสั่งซื้อและคำติชม
• Pop-up Store / Event Booth: ไปเช่าที่ตามตลาดนัดหรือ Event สั้นๆ 2-3 วัน เพื่อสังเกตปฏิกิริยาของลูกค้าหน้าตู้
• Dinner Party / Private Table: เชิญคนรู้จัก (หรือคนแปลกหน้าที่ยอมจ่ายเงิน) มาทานที่บ้าน เพื่อทดสอบรสชาติและบริการแบบจำกัดจำนวน
• Limited Menu: หากมีร้านอยู่แล้ว แต่จะออกเมนูใหม่ ให้ลองทำแค่ 1-2 อย่างขายเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนบรรจุลงเมนูถาวร
• Pre-order via Social Media: โพสต์รูปและรับออเดอร์ล่วงหน้าผ่าน Facebook/Instagram เพื่อเช็คว่ามีคนสนใจกี่คนก่อนจะเริ่มซื้อวัตถุดิบจริง
กะหล่ำปลี 🥬🥦🥒ขึ้นแท่นซุปเปอร์สตาร์บนโต๊ะอาหาร
รายงาน Pinterest Predicts 2026 ระบุว่า การตอบสนองของผู้บริโภคต่อโลกที่เร่งรีบและเต็มไปด้วยความกดดันไม่ใช่การวิ่งให้เร็วขึ้น แต่คือการ "ชะลอ" เพื่อแสวงหาความสบายใจ เลือกมองโลกด้วยความหวังแบบติดดิน (grounded optimism) และลดเสียงรบกวนรอบตัวลง โดย
Pinterest อ้างอัตราความแม่นยำของการคาดการณ์สูงถึง
88% ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา หากแนวโน้มนี้ยังคงอยู่ ปี 2026เราอาจได้เห็นผู้คนหันกลับมาเขียนจดหมาย กินอาหารเรียบง่ายอย่างกะหล่ำปลี และตกแต่งบ้านด้วยกลิ่นอายVintage Circus มากขึ้น
ทำไมต้องเป็นกะหล่ำปลี
ร็อบ ฮอบสัน (Rob Hobson) นักโภชนาการและผู้เขียน
The Low Appetite Cookbook อธิบายว่า ผู้บริโภคกำลังมองหาอาหารที่ตอบโจทย์หลายมิติพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มไฟเบอร์ สนับสนุนสุขภาพลำไส้ กินพืชให้มากขึ้น และ ยังต้องคุมงบประมาณได้จริง ในชีวิตประจำวันเขากล่าว่า "ในโลกที่กระแส fiber-maxxing และอาหารหมักเต็มฟีดโซเชียล การที่กะหล่ำปลีกำลังมาแรงจึงสมเหตุ
สมผลอย่างยิ่ง"
เขามองว่า ในปี 2026 ไฟเบอร์ อาจมาแรงแซงโปรตีนขึ้นมาบนสารอาหารทถูกพูดถงมากที่สุด หลังจากหลายปีขัาระแสโปรตินครองพินทีสขภาพและโภชนาการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ เมื่อผู้คนเริ่มให้ความสำคัญกับสุขภาพลำไส้ การควบคุมระดับน้ำตาล และฮอร์โมนความอิ่มอย่าง
GLP-1 มากขึ้น
กระแสนี้สะท้อนชัดในรายงาน Pinterest Predicts 2026 ที่
ตั้งสโลแกนปีหน้าไว้ว่า "Live, laugh, leaf" พร้อมชี้ว่า กลุ่ม
3aby Boomer และ Gen X กำลังโบกมือลาเทรนด์กะหล่ำดอก แล้วยกให้ กะหล่ำปลีเป็น Kitchen MVP ตัวใหม่ ด้วย จุดเด่นเรื่องเนื้อสัมผัสที่กรอบ ปรุงได้หลากหลาย และเข้า กับทั้งเมนูคลีน เมนูโฮมคุกกิ้ง ไปจนถึงอาหารฟิวชันสมัยใหม่
•
ตัวเลขการค้นหายิ่งตอกย้ำว่ากะหล่ำปลีไม่ได้มาเล่นๆ เมื่อคำค้น "cabbage dumplings" เพิ่มขึ้นถึง 110% ส่วน
"cabbage alfredo" เมนูซอสพาสต้าเวอร์ชันคาร์บต่ำ เพิ่ม
ขึ้น 45%
ทั้งหมดนี้ทำให้กะหล่ำปลีถูกมองใหม่ ไม่ใช่แค่ผักราคา
ประหยัดติดครัว แต่เป็นวัตถุดิบที่สะท้อนทิศทางการกินของ
ปี 2026 ได้อย่างชัดเจน ที่ทั้งเรียบง่าย, ดีต่อสุขภาพ, ยืดหยุ่น และเข้าถึงได้จริง
อ้างอิง BkkBiz
Kitchen MVP คือ
คำว่า "Kitchen MVP" หรือ "MVP ในธุรกิจอาหาร" มาจากแนวคิด Minimum Viable Product (ผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้ขั้นต้น) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกลุ่ม Startup แต่ถูกนำมาปรับใช้กับร้านอาหารหรือธุรกิจฟู้ดโปรดักส์
สรุปง่ายๆ คือ "การสร้างอาหารหรือร้านอาหารในเวอร์ชันที่เรียบง่ายที่สุด เพื่อนำไปทดสอบตลาดจริง โดยใช้เงินและเวลาน้อยที่สุด" ก่อนจะตัดสินใจลงทุนเปิดร้านใหญ่หรือผลิตสินค้าจำนวนมาก
ทำไมต้องทำ Kitchen MVP?
การเปิดร้านอาหารมีค่าใช้จ่ายสูง (ค่าเช่า, ค่าแต่งร้าน, ค่าจ้างพนักงาน) หากเราเปิดร้านเต็มตัวแล้วรสชาติไม่ถูกปาก หรือกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่ ความเสี่ยงที่จะขาดทุนจึงสูงมาก MVP จะเข้ามาช่วยตอบคำถามสำคัญ:
1. อาหารเราอร่อยจริงไหม?
2. คนยินดีจ่ายในราคานี้หรือไม่?
3. มีคนกลุ่มไหนบ้างที่ชอบกิน?
รูปแบบของ Kitchen MVP ที่นิยมใช้
หากคุณมีไอเดียอยากทำธุรกิจอาหาร แทนที่จะเปิดร้านทันที ให้ลองทำแบบนี้ก่อน:
• Ghost Kitchen / Cloud Kitchen: เช่าพื้นที่ครัวเล็กๆ เพื่อทำอาหารส่ง Delivery อย่างเดียว เพื่อดูยอดสั่งซื้อและคำติชม
• Pop-up Store / Event Booth: ไปเช่าที่ตามตลาดนัดหรือ Event สั้นๆ 2-3 วัน เพื่อสังเกตปฏิกิริยาของลูกค้าหน้าตู้
• Dinner Party / Private Table: เชิญคนรู้จัก (หรือคนแปลกหน้าที่ยอมจ่ายเงิน) มาทานที่บ้าน เพื่อทดสอบรสชาติและบริการแบบจำกัดจำนวน
• Limited Menu: หากมีร้านอยู่แล้ว แต่จะออกเมนูใหม่ ให้ลองทำแค่ 1-2 อย่างขายเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนบรรจุลงเมนูถาวร
• Pre-order via Social Media: โพสต์รูปและรับออเดอร์ล่วงหน้าผ่าน Facebook/Instagram เพื่อเช็คว่ามีคนสนใจกี่คนก่อนจะเริ่มซื้อวัตถุดิบจริง