ถ้าจะแปลให้มันดีงามครบถ้วนแบบถูกใจวัยสรุ่นอ่านแล้วก็ถึงบาวอ้อได้ทันทีมันต้องแปลว่า..
1 เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏ (คือคนเราเกิดมาพร้อมกับความโง่นั่นแหละ ไม่มีใครเกิดมาเป็นพระพุทธเจ้าแรกเกิดทันที)
2 ในกาลก่อนแต่นี้ อวิชชายังไม่มี (ใครรู้จัก)
3 แต่ภายหลังจึงมีคนรู้จัก (ได้แก่พระพุทธเจ้านั่นเอง)..
ถ้าแปลหรือให้ความหมายอย่างนี้ก็จะไม่ตีความให้มันปวดหัว หรือบางกลุ่มบางคนถึงกับงงงวยว่ามันมีไม่มียังไงทำไมต้องเป็นอย่างนั้น
แต่ถ้าแปลอย่างผม แบบนี้แหละ ทีเดียว จบบบบ....
ตามนั้นแหนะ
.....
เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏ ในกาลก่อนแต่นี้ อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี
1 เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏ (คือคนเราเกิดมาพร้อมกับความโง่นั่นแหละ ไม่มีใครเกิดมาเป็นพระพุทธเจ้าแรกเกิดทันที)
2 ในกาลก่อนแต่นี้ อวิชชายังไม่มี (ใครรู้จัก)
3 แต่ภายหลังจึงมีคนรู้จัก (ได้แก่พระพุทธเจ้านั่นเอง)..
ถ้าแปลหรือให้ความหมายอย่างนี้ก็จะไม่ตีความให้มันปวดหัว หรือบางกลุ่มบางคนถึงกับงงงวยว่ามันมีไม่มียังไงทำไมต้องเป็นอย่างนั้น
แต่ถ้าแปลอย่างผม แบบนี้แหละ ทีเดียว จบบบบ....
ตามนั้นแหนะ
.....