อาโปกสิณหรือกสิณน้ำ
ผู้ปฏิบัติที่ต้องการเจริญอาโปกสิณ ให้จัดท่านั่งให้สบายเช่นเดียวกับการเจริญปฐวีกสิณ แล้วกำหนดนิมิตที่เป็นน้ำเป็นอารมณ์ของสมาธิ วิธีการและรายละเอียดทั่วไป เช่น นิมิตที่จัดทำขึ้นเองหรือไม่ได้จัดทำขึ้น สามารถเข้าใจและปฏิบัติตามแนวเดียวกับที่อธิบายไว้ในปฐวีกสิณได้ ในกสิณอื่น ๆ ก็ใช้หลักเดียวกัน ต่อจากนี้จึงจะกล่าวเฉพาะส่วนที่แตกต่างออกไปเท่านั้น
สำหรับอาโปกสิณ นิมิตที่เป็นน้ำตามธรรมชาติซึ่งไม่ได้จัดแต่งขึ้น เช่น น้ำในสระ น้ำในบึง น้ำในทะเล หรือมหาสมุทร สามารถเกิดเป็นนิมิตได้แก่ผู้ปฏิบัติที่เคยสั่งสมบารมีและอธิการมาแล้วในอดีต ดังเช่นพระจูฬสิวเถระ ท่านละลาภสักการะ ตั้งใจอยู่ในที่สงัด เดินทางโดยเรือจากท่ามหาติตถะไปชมพูทวีป เมื่อมองดูน้ำในมหาสมุทรระหว่างทาง นิมิตแห่งอาโปกสิณก็เกิดขึ้นโดยอาศัยน้ำทะเลนั้นเป็นอารมณ์
ส่วนผู้ปฏิบัติที่ยังไม่ได้สั่งสมอธิการมาก่อน ควรหลีกเลี่ยงน้ำที่มีสีเขียว เหลือง แดง หรือขาวอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะเป็นกสิณโทษ วิธีที่เหมาะสมคือใช้น้ำฝนที่ยังไม่ตกถึงพื้นดิน โดยรองรับไว้ด้วยผ้าสะอาด หรือใช้น้ำใสสะอาดชนิดอื่นก็ได้ นำน้ำนั้นใส่ให้เต็มบาตรหรือหม้อน้ำจนเสมอปากภาชนะ แล้วนำไปตั้งไว้ในที่ว่างที่เหมาะสม นั่งให้สบาย ไม่ต้องพิจารณาสีของน้ำ และไม่ต้องใส่ใจลักษณะพิเศษใด ๆ ของมัน
ให้กำหนดน้ำเพียงในฐานะที่เป็นน้ำอย่างเดียว ทำจิตให้เห็นว่าน้ำกับภาชนะที่รองรับนั้นเป็นสิ่งเดียวกันในความหมายของบัญญัติธรรม แล้วภาวนาว่า อาโป อาโป โดยยึดคำว่าน้ำเป็นหลัก ไม่ว่าจะเรียกว่า น้ำ อุทกะ วารี หรือชื่อใดก็ตาม
เมื่อภาวนาเช่นนี้ไปตามลำดับ อุคคหนิมิตและปฏิภาคนิมิตจะเกิดขึ้น อุคคหนิมิตในอาโปกสิณมักปรากฏเหมือนน้ำยังเคลื่อนไหวอยู่ หากน้ำที่ใช้มีฟองหรือมีตะกอน นิมิตก็จะปรากฏในลักษณะนั้นเช่นกัน ซึ่งเรียกว่าเป็นกสิณโทษ
เมื่อปฏิภาคนิมิตเกิดขึ้น จะปรากฏเป็นดวงใส นิ่ง สว่าง ชัดเจน เปรียบเหมือนพัดใบตาลแก้วที่ลอยอยู่ในอากาศ หรือเหมือนวงแว่นแก้วใส เมื่อปฏิภาคนิมิตปรากฏเช่นนี้ ผู้ปฏิบัติย่อมบรรลุอุปจารสมาธิ และสามารถเข้าถึงฌานสี่หรือฌานห้าได้ตามลำดับ
สรุปอาโปกสิณ พร้อมข้อแนะนำสำหรับการปฏิบัติ
๑ ความหมายของอาโปกสิณ
อาโปกสิณ คือ การใช้ “น้ำ” เป็นอารมณ์ของสมาธิ เพื่อพัฒนาจิตให้ตั้งมั่นจนเกิดสมาธิระดับสูงและฌาน
๒ การเตรียมตัวปฏิบัติ
นั่งในท่าที่สบาย ไม่เกร็ง ไม่อึดอัด จัดสถานที่ให้สงบ โล่ง ไม่มีสิ่งรบกวน
๓ การเลือกนิมิตน้ำ
ผู้ที่มีบารมีเก่าสามารถใช้น้ำตามธรรมชาติ เช่น น้ำในสระ บึง ทะเล หรือมหาสมุทรเป็นนิมิตได้
ผู้ที่ยังไม่เคยฝึกมาก่อน ควรใช้น้ำใสสะอาด เช่น น้ำฝนที่รองด้วยผ้าสะอาด หรือ น้ำสะอาดทั่วไป ใส่ภาชนะให้เต็มเสมอปากภาชนะ
๔ สิ่งที่ไม่ควรทำ
ไม่เลือกน้ำที่มีสีเด่น เช่น เขียว เหลือง แดง ขาว
ไม่เพ่งสี ไม่พิจารณาลักษณะของน้ำ
ไม่วิเคราะห์ ไม่คิด ไม่เปรียบเทียบ
๕ วิธีภาวนา
กำหนดว่าน้ำเป็นเพียง “น้ำ” เท่านั้น
ตั้งจิตอยู่ที่บัญญัติธรรม ใช้คำภาวนาว่า “อาโป อาโป”
ไม่ต้องสนใจชื่อเรียกอื่นของน้ำ เพียงยึดความหมายว่าน้ำ
๖ การเกิดของนิมิต
ระยะแรกจะเกิดอุคคหนิมิต ซึ่งมักดูเหมือนน้ำไหว เคลื่อนไหว หรือมีฟอง
ถ้านิมิตยังไหวหรือขุ่น ถือว่ายังมีกสิณโทษ
๗ ปฏิภาคนิมิต
ปฏิภาคนิมิตจะปรากฏเป็นดวงใส นิ่ง สว่าง ชัด
เปรียบเหมือนแก้วใสหรือวงแว่นแก้วที่ลอยอยู่ในอากาศ
๘ ผลของการปฏิบัติ
เมื่อปฏิภาคนิมิตปรากฏ จิตจะเข้าสู่อุปจารสมาธิ
จากนั้นสามารถพัฒนาเข้าสู่ฌานสี่หรือฌานห้าได้ตามกำลังสมาธิ
อาโปฌาน ๑ (ปฐมฌานในอาโปกสิณ)
อาโปฌาน ๑ คือ ฌานขั้นแรกที่จิตยังต้องอาศัยการประคองอารมณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
จิตยังต้อง “เพ่ง” และ “ตรึก” อยู่กับอารมณ์อาโป
ลักษณะสำคัญของจิตในอาโปฌาน ๑
จิตตั้งอยู่กับปฏิภาคนิมิตของน้ำอย่างต่อเนื่อง
ยังมีวิตก คือ การยกจิตเข้าไปสู่อารมณ์น้ำ
ยังมีวิจาร คือ การคลอจิตอยู่กับอารมณ์น้ำ
เกิดปีติ คือ ความอิ่มเอิบ ซาบซ่าน เบา โปร่ง
เกิดสุข คือ ความสบายใจ ละเอียดกว่าปีติ
จิตเริ่มรวมเป็นหนึ่ง แต่ยังรู้สึกว่าต้อง “ประคอง” อยู่
เปรียบเหมือน
การถือถ้วยน้ำไว้ด้วยสองมือ ต้องคอยระวังไม่ให้หก
อาโปฌาน ๒ (ทุติยฌาน)
อาโปฌาน ๒ คือ ฌานที่จิตเริ่มมั่นคงขึ้น ไม่ต้องตรึกตรองอีกต่อไป
จิต “เกาะ” อารมณ์น้ำได้เอง
ลักษณะสำคัญของจิตในอาโปฌาน ๒
วิตกและวิจารดับไป
เหลือแต่ปีติ สุข และเอกัคคตา
จิตนิ่ง แนบแน่นกับอารมณ์น้ำ
ความฟุ้ง ความคิด ความตั้งใจเพ่งหายไป
ความอิ่มเอิบชัดเจนมาก
เปรียบเหมือน
วางถ้วยน้ำบนโต๊ะได้มั่นคง ไม่ต้องใช้มือจับ
อาโปฌาน ๓ (ตติยฌาน)
อาโปฌาน ๓ คือ ฌานที่จิตละเอียดขึ้นอีก
ปีติซึ่งเป็นความอิ่มเอิบแรง ๆ ถูกละไป
ลักษณะสำคัญของจิตในอาโปฌาน ๓
ปีติดับ เหลือแต่สุขและเอกัคคตา
จิตสงบ ละเอียด หนักแน่น
ไม่มีความตื่นเต้น ไม่มีความซาบซ่าน
มีสติชัด รู้สึกตัวทั่วพร้อม
ความสุขเป็นสุขสงบ ลึก นุ่ม
เปรียบเหมือน
น้ำที่หยุดกระเพื่อม กลายเป็นผิวน้ำเรียบสงบ
อาโปฌาน ๔ (จตุตถฌาน)
อาโปฌาน ๔ คือ ฌานขั้นสูงสุดในระบบฌาน ๔
จิตบริสุทธิ์จากสุขและทุกข์
ลักษณะสำคัญของจิตในอาโปฌาน ๔
สุขดับ เหลือแต่อุเบกขาและเอกัคคตา
จิตนิ่ง สะอาด บริสุทธิ์
ไม่มีความเอนเอียง ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย
สติบริบูรณ์ ผ่องใส มั่นคงมาก
อารมณ์น้ำเป็นเพียงฐานให้จิตตั้งมั่น ไม่ถูกรบกวน
เปรียบเหมือน
น้ำใสบริสุทธิ์ นิ่งสนิท ไม่มีคลื่น ไม่มีไหว
สรุปลำดับการละองค์ฌานในอาโปฌาน
อาโปฌาน ๑
มี วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
อาโปฌาน ๒
ละ วิตก วิจาร
เหลือ ปีติ สุข เอกัคคตา
อาโปฌาน ๓
ละ ปีติ
เหลือ สุข เอกัคคตา
อาโปฌาน ๔
ละ สุข
เหลือ อุเบกขา เอกัคคตา
ข้อแนะนำในการปฏิบัติอาโปฌาน
อย่าพยายาม “ข้ามฌาน”
ให้ปล่อยให้จิตละเอียดเองตามธรรมชาติ
หากยังมีความสุขหรือปีติอยู่ แสดงว่ายังไม่ถึงฌานที่สูงกว่า
เมื่อจิตพร้อม องค์ฌานจะดับไปเอง
อาโปฌานเป็นฐานที่ดีมากสำหรับการเจริญอภิญญาและวิปัสสนา
อาโปกสิณหรือกสิณน้ำ
ผู้ปฏิบัติที่ต้องการเจริญอาโปกสิณ ให้จัดท่านั่งให้สบายเช่นเดียวกับการเจริญปฐวีกสิณ แล้วกำหนดนิมิตที่เป็นน้ำเป็นอารมณ์ของสมาธิ วิธีการและรายละเอียดทั่วไป เช่น นิมิตที่จัดทำขึ้นเองหรือไม่ได้จัดทำขึ้น สามารถเข้าใจและปฏิบัติตามแนวเดียวกับที่อธิบายไว้ในปฐวีกสิณได้ ในกสิณอื่น ๆ ก็ใช้หลักเดียวกัน ต่อจากนี้จึงจะกล่าวเฉพาะส่วนที่แตกต่างออกไปเท่านั้น
สำหรับอาโปกสิณ นิมิตที่เป็นน้ำตามธรรมชาติซึ่งไม่ได้จัดแต่งขึ้น เช่น น้ำในสระ น้ำในบึง น้ำในทะเล หรือมหาสมุทร สามารถเกิดเป็นนิมิตได้แก่ผู้ปฏิบัติที่เคยสั่งสมบารมีและอธิการมาแล้วในอดีต ดังเช่นพระจูฬสิวเถระ ท่านละลาภสักการะ ตั้งใจอยู่ในที่สงัด เดินทางโดยเรือจากท่ามหาติตถะไปชมพูทวีป เมื่อมองดูน้ำในมหาสมุทรระหว่างทาง นิมิตแห่งอาโปกสิณก็เกิดขึ้นโดยอาศัยน้ำทะเลนั้นเป็นอารมณ์
ส่วนผู้ปฏิบัติที่ยังไม่ได้สั่งสมอธิการมาก่อน ควรหลีกเลี่ยงน้ำที่มีสีเขียว เหลือง แดง หรือขาวอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะเป็นกสิณโทษ วิธีที่เหมาะสมคือใช้น้ำฝนที่ยังไม่ตกถึงพื้นดิน โดยรองรับไว้ด้วยผ้าสะอาด หรือใช้น้ำใสสะอาดชนิดอื่นก็ได้ นำน้ำนั้นใส่ให้เต็มบาตรหรือหม้อน้ำจนเสมอปากภาชนะ แล้วนำไปตั้งไว้ในที่ว่างที่เหมาะสม นั่งให้สบาย ไม่ต้องพิจารณาสีของน้ำ และไม่ต้องใส่ใจลักษณะพิเศษใด ๆ ของมัน
ให้กำหนดน้ำเพียงในฐานะที่เป็นน้ำอย่างเดียว ทำจิตให้เห็นว่าน้ำกับภาชนะที่รองรับนั้นเป็นสิ่งเดียวกันในความหมายของบัญญัติธรรม แล้วภาวนาว่า อาโป อาโป โดยยึดคำว่าน้ำเป็นหลัก ไม่ว่าจะเรียกว่า น้ำ อุทกะ วารี หรือชื่อใดก็ตาม
เมื่อภาวนาเช่นนี้ไปตามลำดับ อุคคหนิมิตและปฏิภาคนิมิตจะเกิดขึ้น อุคคหนิมิตในอาโปกสิณมักปรากฏเหมือนน้ำยังเคลื่อนไหวอยู่ หากน้ำที่ใช้มีฟองหรือมีตะกอน นิมิตก็จะปรากฏในลักษณะนั้นเช่นกัน ซึ่งเรียกว่าเป็นกสิณโทษ
เมื่อปฏิภาคนิมิตเกิดขึ้น จะปรากฏเป็นดวงใส นิ่ง สว่าง ชัดเจน เปรียบเหมือนพัดใบตาลแก้วที่ลอยอยู่ในอากาศ หรือเหมือนวงแว่นแก้วใส เมื่อปฏิภาคนิมิตปรากฏเช่นนี้ ผู้ปฏิบัติย่อมบรรลุอุปจารสมาธิ และสามารถเข้าถึงฌานสี่หรือฌานห้าได้ตามลำดับ
สรุปอาโปกสิณ พร้อมข้อแนะนำสำหรับการปฏิบัติ
๑ ความหมายของอาโปกสิณ
อาโปกสิณ คือ การใช้ “น้ำ” เป็นอารมณ์ของสมาธิ เพื่อพัฒนาจิตให้ตั้งมั่นจนเกิดสมาธิระดับสูงและฌาน
๒ การเตรียมตัวปฏิบัติ
นั่งในท่าที่สบาย ไม่เกร็ง ไม่อึดอัด จัดสถานที่ให้สงบ โล่ง ไม่มีสิ่งรบกวน
๓ การเลือกนิมิตน้ำ
ผู้ที่มีบารมีเก่าสามารถใช้น้ำตามธรรมชาติ เช่น น้ำในสระ บึง ทะเล หรือมหาสมุทรเป็นนิมิตได้
ผู้ที่ยังไม่เคยฝึกมาก่อน ควรใช้น้ำใสสะอาด เช่น น้ำฝนที่รองด้วยผ้าสะอาด หรือ น้ำสะอาดทั่วไป ใส่ภาชนะให้เต็มเสมอปากภาชนะ
๔ สิ่งที่ไม่ควรทำ
ไม่เลือกน้ำที่มีสีเด่น เช่น เขียว เหลือง แดง ขาว
ไม่เพ่งสี ไม่พิจารณาลักษณะของน้ำ
ไม่วิเคราะห์ ไม่คิด ไม่เปรียบเทียบ
๕ วิธีภาวนา
กำหนดว่าน้ำเป็นเพียง “น้ำ” เท่านั้น
ตั้งจิตอยู่ที่บัญญัติธรรม ใช้คำภาวนาว่า “อาโป อาโป”
ไม่ต้องสนใจชื่อเรียกอื่นของน้ำ เพียงยึดความหมายว่าน้ำ
๖ การเกิดของนิมิต
ระยะแรกจะเกิดอุคคหนิมิต ซึ่งมักดูเหมือนน้ำไหว เคลื่อนไหว หรือมีฟอง
ถ้านิมิตยังไหวหรือขุ่น ถือว่ายังมีกสิณโทษ
๗ ปฏิภาคนิมิต
ปฏิภาคนิมิตจะปรากฏเป็นดวงใส นิ่ง สว่าง ชัด
เปรียบเหมือนแก้วใสหรือวงแว่นแก้วที่ลอยอยู่ในอากาศ
๘ ผลของการปฏิบัติ
เมื่อปฏิภาคนิมิตปรากฏ จิตจะเข้าสู่อุปจารสมาธิ
จากนั้นสามารถพัฒนาเข้าสู่ฌานสี่หรือฌานห้าได้ตามกำลังสมาธิ
อาโปฌาน ๑ (ปฐมฌานในอาโปกสิณ)
อาโปฌาน ๑ คือ ฌานขั้นแรกที่จิตยังต้องอาศัยการประคองอารมณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
จิตยังต้อง “เพ่ง” และ “ตรึก” อยู่กับอารมณ์อาโป
ลักษณะสำคัญของจิตในอาโปฌาน ๑
จิตตั้งอยู่กับปฏิภาคนิมิตของน้ำอย่างต่อเนื่อง
ยังมีวิตก คือ การยกจิตเข้าไปสู่อารมณ์น้ำ
ยังมีวิจาร คือ การคลอจิตอยู่กับอารมณ์น้ำ
เกิดปีติ คือ ความอิ่มเอิบ ซาบซ่าน เบา โปร่ง
เกิดสุข คือ ความสบายใจ ละเอียดกว่าปีติ
จิตเริ่มรวมเป็นหนึ่ง แต่ยังรู้สึกว่าต้อง “ประคอง” อยู่
เปรียบเหมือน
การถือถ้วยน้ำไว้ด้วยสองมือ ต้องคอยระวังไม่ให้หก
อาโปฌาน ๒ (ทุติยฌาน)
อาโปฌาน ๒ คือ ฌานที่จิตเริ่มมั่นคงขึ้น ไม่ต้องตรึกตรองอีกต่อไป
จิต “เกาะ” อารมณ์น้ำได้เอง
ลักษณะสำคัญของจิตในอาโปฌาน ๒
วิตกและวิจารดับไป
เหลือแต่ปีติ สุข และเอกัคคตา
จิตนิ่ง แนบแน่นกับอารมณ์น้ำ
ความฟุ้ง ความคิด ความตั้งใจเพ่งหายไป
ความอิ่มเอิบชัดเจนมาก
เปรียบเหมือน
วางถ้วยน้ำบนโต๊ะได้มั่นคง ไม่ต้องใช้มือจับ
อาโปฌาน ๓ (ตติยฌาน)
อาโปฌาน ๓ คือ ฌานที่จิตละเอียดขึ้นอีก
ปีติซึ่งเป็นความอิ่มเอิบแรง ๆ ถูกละไป
ลักษณะสำคัญของจิตในอาโปฌาน ๓
ปีติดับ เหลือแต่สุขและเอกัคคตา
จิตสงบ ละเอียด หนักแน่น
ไม่มีความตื่นเต้น ไม่มีความซาบซ่าน
มีสติชัด รู้สึกตัวทั่วพร้อม
ความสุขเป็นสุขสงบ ลึก นุ่ม
เปรียบเหมือน
น้ำที่หยุดกระเพื่อม กลายเป็นผิวน้ำเรียบสงบ
อาโปฌาน ๔ (จตุตถฌาน)
อาโปฌาน ๔ คือ ฌานขั้นสูงสุดในระบบฌาน ๔
จิตบริสุทธิ์จากสุขและทุกข์
ลักษณะสำคัญของจิตในอาโปฌาน ๔
สุขดับ เหลือแต่อุเบกขาและเอกัคคตา
จิตนิ่ง สะอาด บริสุทธิ์
ไม่มีความเอนเอียง ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย
สติบริบูรณ์ ผ่องใส มั่นคงมาก
อารมณ์น้ำเป็นเพียงฐานให้จิตตั้งมั่น ไม่ถูกรบกวน
เปรียบเหมือน
น้ำใสบริสุทธิ์ นิ่งสนิท ไม่มีคลื่น ไม่มีไหว
สรุปลำดับการละองค์ฌานในอาโปฌาน
อาโปฌาน ๑
มี วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
อาโปฌาน ๒
ละ วิตก วิจาร
เหลือ ปีติ สุข เอกัคคตา
อาโปฌาน ๓
ละ ปีติ
เหลือ สุข เอกัคคตา
อาโปฌาน ๔
ละ สุข
เหลือ อุเบกขา เอกัคคตา
ข้อแนะนำในการปฏิบัติอาโปฌาน
อย่าพยายาม “ข้ามฌาน”
ให้ปล่อยให้จิตละเอียดเองตามธรรมชาติ
หากยังมีความสุขหรือปีติอยู่ แสดงว่ายังไม่ถึงฌานที่สูงกว่า
เมื่อจิตพร้อม องค์ฌานจะดับไปเอง
อาโปฌานเป็นฐานที่ดีมากสำหรับการเจริญอภิญญาและวิปัสสนา