Empty subject และ Dummy pronoun (หัวข้อแกรมมาร์ระดับ intermediate)

พูดถึงหัวข้อแกรมมาร์ระดับ intermediate เรื่อง “Empty subject” (การใช้ it และ there เป็นประธานของประโยค) ที่นักเรียนหลายคนอาจจะยังไม่แม่น 100%

Empty subject หรือที่เราเรียกอีกชื่อว่า “Dummy pronoun” คือสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค แต่ไม่ได้ถือความหมายใดเป็นพิเศษ (มีอยู่เพื่อให้โครงสร้างประโยคมันสมบูรณ์เท่านั้น)

Empty = ว่างเปล่า
Empty subject = ประธานที่ว่างเปล่า (ไม่ได้ถือความหมายที่สำคัญต่อประโยค)

Dummy = หุ่นเชิด
Dummy pronoun = สรรพนามที่เป็นแค่หุ่นเชิด (ไม่ได้มีบทบาทสำคัญต่อความหมาย)

โอเค พอกับชื่อหัวข้อมันไว้เท่านี้ มาเข้าเรื่องเลยดีกว่าจะได้เห็นภาพ
_______________

เรากำลังพูดการใช้ “it” และ “there” ในประโยคเหล่านี้... (ลองมาวิเคราะห์การแปลดู)

“It” as an empty subject…
👉🏻 It is hot in here.
👉🏻 It is said that he will resign soon.
👉🏻 It is believed that dogs are loyal animals.

ประโยคแรกตรงตัวแปลว่า “มันร้อน(ใน)ที่นี่” (ที่นี่ร้อน)
ประโยคที่สอง “มันถูกพูดว่าเขาจะลาออกเร็ว ๆ นี้” (ว่ากันว่าเขาจะลาออกเร็ว ๆ นี้)
ประโยคที่สาม “มันถูกเชื่อว่าสุนัขเป็นสัตว์ที่ซื่อสัตย์” (เราเชื่อว่าสุนัขมีความซื่อสัตย์)

“There” as an empty subject…
👉🏻 There are many students in this classroom.
👉🏻 There is a problem with that computer.
👉🏻 There will be peace sooner or later.

ประโยคแรกตรงตัวแปลว่า “ตรงนั้นคือเหล่านักเรียนจำนวนมากในห้องเรียน” (มีนักเรียนหลายคนในห้อง)
ประโยคที่สอง “ที่นั่นเป็นปัญหากับคอมพิวเตอร์” (คอมพิวเตอร์มีปัญหา)
ประโยคที่สาม “ที่นั่นจะเป็นสันติสุขไม่ช้าก็เร็ว” (จะมีความสงบสุขในเร็ววัน)

สังเกตว่าในบทแปลแบบตรงตัว (literal translation) ที่แปลออกมานี้ มันมีคำที่ไม่จำเป็นอยู่ครับ คือคำว่า “มัน” ในประโยค “It (is)... และคำว่า “ที่นั่น” “ตรงนั้น” ในประโยค “There (is, are, will be)...” ในวงเล็บด้านเลยแปลใหม่โดยตัดคำไม่จำเป็นเหล่านี้ออก
_______________

เวลาต้องการจะบอกถึง “การมีอยู่” ของคนหรือสิ่งของบางอย่าง เราจะใช้โครงสร้าง There + be (is, am, are, was, were)

แปลเป็นภาษาไทยง่าย ๆ ว่า “มี...”
👉🏻 There is a cat on the roof. (มีแมวอยู่บนหลังคา)
👉🏻 There are dogs all over the streets. (มีสุนัขอยู่เต็มท้องถนน)
👉🏻 There was only one teacher at this school. (เมื่อก่อนมีคุณครูสอนแค่คนเดียวที่โรงเรียนนี้)
👉🏻 There were many people at the concert last night. (มีคนเยอะมากที่คอนเสิร์ตเมื่อคืน)

บางครั้งอาจมีกริยาช่วย (auxiliary verb เช่น has, will, should, can) มาในโครงสร้าง there + (auxiliary verb) + be
👉🏻 There has been an increase in sales this quarter. (มียอดขายเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้)
👉🏻 There will be a meeting at 3 p.m. tomorrow. (จะมีการประชุมเวลาบ่ายสามวันพรุ่งนี้)
👉🏻 There should be enough seats for everyone. (ควรจะมีเก้าอี้พอสำหรับทุกคนนะ)
👉🏻 There could be potential risks involved in this project. (อาจจะมีความเสี่ยงหลายจุดในการทำโปรเจกต์นี้)

หรือใช้กับคำว่า used to ก็ได้ (โครงสร้างคือ there + used to + be แปลว่า เคยมี...ที่นั้น/ที่นี่)
👉🏻 There used to be a bookshop on this street. (เคยมีร้านหนังสือบนถนนเส้นนี้)
👉🏻 There used to be a lot of kids running around in this part of town. (สมัยก่อนเคยมีเด็ก ๆ วิ่งเล่นอยู่ในย่านนี้เป็นประจำ)

ในงานเขียนแบบทางการ อาจจะเจอ there คู่กับกริยาปกติเช่น appear, seem, turn out เป็นต้น (โครงสร้างคือ there + verb)
👉🏻 There seems to be a problem with the software. (ดูเหมือนจะมีปัญหากับซอฟต์แวร์)
👉🏻 There appears to be a misunderstanding between them. (ดูเหมือนพวกเขาจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน)
👉🏻 There turned out to be more guests at the party than we expected. (มีแขกมาร่วมงานมากกว่าที่เราคาดไว้)

การใช้ there หลัก ๆ ก็ประมาณนี้ครับ มันมักจะเกี่ยวข้องกับคอนเซปต์ “การมีอยู่” (the existence of something) ของบางสิ่งบางอย่าง
_______________

ลองมาดูการใช้งาน it กันซักหน่อยดีกว่า เราจะใช้ it เป็น empty subject ในโครงสร้าง it + be หรือ it + (auxiliary) + be เมื่อพูดถึงสี่หัวข้อคือ...  

เวลา (time)
👉🏻 It is half past three. ((ตอนนี้)เวลาบ่ายสามครึ่ง) 
👉🏻 It will be a while before we get to see each other again. (คงอีกสักพักกว่าเราจะได้เจอกัน)

ระยะทาง (distance) 
👉🏻 It is a long way from here. (ระยะทางมันไกลจากที่นี่)
👉🏻 It is only a 100-metre walk. (ก็แค่เดินไป 100 เมตรเอง)

สภาพแวดล้อม (the environment)
👉🏻 It was a beautiful sunset. (พระอาทิตย์ตกสวยมาก)
👉🏻 It will be a bit crowded in the mall. (ในห้างอาจจะแออัดนิดหน่อย)

อากาศ (the weather)
👉🏻 It is hot. / It is cold. / It is humid. / It is (hot and) stuffy. (ร้อน / หนาว / ชื้น / อบอ้าว)
👉🏻 It is going to rain soon. (อีกไม่นานฝนจะตก)

ในการพูดทั่วไป เราจะหลีกเลี่ยงการเอา to-infinitive เช่น “To love someone" is not easy. (การรักใครสักคนนั้นไม่ง่าย)  หรือ clause เช่น “That you helped me" was so nice. (ที่คุณช่วยผมนั้นมันดีเหลือเกิน) มาเป็นประธานของประโยคแบบนี้ เพราะมันฟังดูทางการเกินไปครับ

เราจะพูดโดยใช้โครงสร้าง it + be แทน....
👉🏻 It is not easy to love someone. (มันไม่ง่ายที่จะรักใคร)
👉🏻 It was so nice that you helped me. (ดีจังเลยที่ได้คุณช่วย)

และอีกจุดที่คล้ายกับ there (ในเรื่องโครงสร้าง) คือเราสามารถใช้ it กับกริยาเช่น appear, seem, turn out ได้เหมือนกันครับ
👉🏻 It seems the car has broken down. (ดูเหมือนรถจะพังไปแล้ว)
👉🏻 It appears that she has made up her mind.(ดูเหมือนเธอจะตัดสินใจได้แล้ว)
👉🏻 It turned out that he was right all along. (กลายเป็นว่าเขาพูดถูกมาตลอด)
_______________

สรุปตรงนี้ครับ...

✅ Empty subject คือประธานของประโยคที่ไม่ได้มีความหมายอะไร แต่มีไว้เพื่อให้ครบโครงสร้างประโยค (s + v + (o))

✅ มีอยู่สองคำที่เป็น empty subject คือ "it…" และ "there…"

📌 "There + be" (และโครงสร้างอื่น ๆ) จะใช้เพื่อบอกว่าบางอย่าง “มีอยู่”

📌 "It + be" (และโครงสร้างอื่น ๆ) จะใช้เมื่อพูดถึง "เวลา" "ระยะทาง" "สภาพแวดล้อม" และ "สภาพอากาศ"
________________

รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน
JGC.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่