ชาวจีนรุมชื้อevบริสัดล้มละลายลาคาสุดคุ้ม

กระทู้คำถาม


เผยสาเหตุ ทำไมคนจีนกลุ่มนี้ถึงแย่งกันซื้อรถอีวี ‘ค้างสต๊อก’
.
ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา แบรนด์รถไฟฟ้าจีนอย่าง Neta (哪吒), JiYue(极越), HiPhi (高合) ทยอยล้มละลายจนต้องหยุดการผลิต รถที่ผลิตมาแล้วบางส่วนจึงกลายสภาพเป็น “รถค้างสต๊อก” ที่หลายคนไม่กล้าซื้อ แต่ทว่ากลับมีลูกค้าอยู่ส่วนหนึ่งที่มองว่าเป็นโอกาสทอง เพราะตนสามารถซื้อรถในราคา 148,000 หยวน (ราว 666,000 บาท) จากราคาเต็ม 369,000 หยวน (ราว 1.66 ล้านบาท) ขับสองถึงสามปีก็คืนทุนแล้ว แถมกินไฟเฉลี่ยประมาณ 1 เหมา (0.45 บาท) ต่อ 1 กิโลเมตรเท่านั้น
.
ลูกค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายอายุตั้งแต่ 20-40 ปี รายได้ไม่ค่อยสูง มีข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่าย จึงต้องวางแผนศึกษาและกว้านหารถค้างสต็อกทั่วประเทศเพื่อซื้อในราคาถูกแต่ยังรักษาความมีระดับ
.
โจวอวิ๋นเจ๋อ วัย 44 ปี ทำงานตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้าน IT เปิดเผยว่า รายได้ของเขาลดลงถึงครึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จึงเล็งรถ HiPhi Y ในตลาดรถมือสองที่เมืองเฉิงตูไว้อยู่ 4-5 คันก่อนจะตัดสินใจซื้อคันที่ได้ราคาสุดคุ้ม โดยหลังจากบริษัทผู้ผลิตประกาศหยุดดำเนินงานและหยุดผลิตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน ส่งผลให้ราคามือสองร่วงลงกว่าครึ่งทันที เหลือเพียงศูนย์บริการบางแห่งที่ยังรับซ่อมบำรุง
.
ประจวบกับที่รถน้ำมันคันเก่าของและใช้มานานกว่า 10 ปี เขาจึงเริ่มมองหารถใหม่ที่ประหยัดกว่า
รายงานข่าวจาก China Newsweek ระบุว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จีนมีผู้ผลิตรถพลังงานไฟฟ้าที่ล้มละลายกว่า 400 ราย ทำให้ต้องทิ้งรถค้างสต๊อกจำนวนหลายล้านคัน ราคาที่ลดลงเหลือครึ่งราคา ทำให้ลูกค้ารุ่นใหม่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก บางรุ่นสามารถซื้อได้เพียง 4-5 หมื่นหยวน (180,000-225,000 บาท) ซึ่งถูกกว่าค่าเช่าที่จอดรถรายปีเสียอีก คำนวณแล้วขับสองสามปีก็แทบคุ้มทุน
.
อีกตัวอย่างคือเจียงเสี่ยวฮ่วน ชาวอันฮุยวัย 28 ปี ติดตามข่าวของ Neta  มานานถึง 1 ปี จนในที่สุดก็ได้ซื้อรถNeta SUV รุ่นสเปคสูงสุด หลังจากที่บริษัทผู้ผลิตล้มละลาย ปัจจัยสำคัญคือราคาที่น่าดึงดูดใจและคุ้มค่า
.
นอกจากนี้ เขายังคำนวณค่าใช้จ่ายการขับรถไฟฟ้าแล้วพบว่า รถจะใช้ไฟประมาณ 16 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. กินไฟ 0.5 หยวน (ราว 2.25 บาท) ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้ค่าไฟเฉลี่ยต่อ 100 กม. อยู่ที่ 8 หยวน (ราว 36 บาท) เท่านั้น หรือประมาณกิโลเมตรละ 0.11 หยวน (ราว 0.49 บาท) เขาบอกว่าแม้บริษัทผู้ของผลิตจะล้มละลายแต่ค่าใช้จ่ายครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่า
.
“รถค้างสต๊อก” ครอบคลุมตั้งแต่รุ่นราคาประหยัดไปจนถึงรุ่นหรู ราคาที่แตกต่างทำให้กลุ่มลูกค้าก็แตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการความคุ้มค่า นอกจากกลุ่มวัยรุ่นที่มองหารถราคาถูกแล้ว กลุ่มวัยกลางคนที่รายได้ลดลงก็ใช้รถประเภทนี้เพื่อรักษาระดับคุณภาพชีวิต
.
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงก็มีไม่น้อยคนที่ซื้อรถค้างสต๊อกรุ่นแรกๆ เจอปัญหาหลังการขายอย่างหนัก เช่น ไม่มีอะไหล่ซ่อมรถ เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตปิดกิจการแล้ว นอกจากนี้เเจ้าของอู่ซ่อมรถในเฉิงตูบอกว่า อะไหล่ของรถค้างสต๊อกมีราคาแพงกว่าอะไหล่รถทั่วไปประมาณ 10% แม้ว่าจะสามารถเปลี่ยนอะไหล่แท้ที่ร้าน 4S ได้ แต่ก็ต้องรอนาน
.
.
📧 ติดต่อเรา Email: info@jeenthainews.com
.
#รถยนต์ไฟฟ้า #Neta #JiYue #HiPhi

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่