สวัสดีรบกวนสอบถามค่ะ จากคำตัดสินดังนี้
2.โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๗ เวลากลางวัน จำเลยไม่ได้ รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ขับรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน ...... ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น โดยตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดได้ ๑๒๐ มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีปริมาณเกินกว่า ๒๐ มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ที่กำหนดไว้ ในกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๖ พ.ศ. ๒๕๓๗ แก้ไขโดยกฎกระทรวง ฉลับที่ ๒๑ พ.ศ. ๒๕๖๐ ออกตามความพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๒ ข้อ ๓ มีนายไกรลาส เกตุภู นไปตามถนนเพชรเกษมอันเป็นทางแ นั่งโดยสารมาด้วย แล่นไปตามถนนเพชรเกษมอันเป็นทางเดินรถสาธารณะจากทาง ยุทธรณ์ภ ด้านอำเภอหัวหินมุ่งหน้าไปทิศทางด้านจังหวัดเพชรบุรี ถนนสายดังกล่าวแบ่งเป็นสองช่องเดินรถ มีไหล่ทางทั้งสองข้างให้รถแล่นสวนกันได้ เมื่อจำเลยขับรถยนต์มาถึงที่เกิดเหตุ สภาพถนน เป็นพื้นยางแอสฟัลต์ผิวเรียบ เป็นทางตรงต่อเนื่องจากทางโค้ง ขณะนั้นมีรถจักรยานยนต์ไม่ติด
3.แผ่นป้ายทะเบียน ขับ..... โดยมี....... นั่งซ้อนท้ายมาด้วย แล่นในทิศทางสวน ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยจัก ต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ จำเลยจะต้องไม่ขับรถในขณะที่มีอาการมึนเมา หรือหย่อน ความสามารถในการขับรถได้ตามปกติ โดยจำเลยจะต้องพักผ่อนร่างกายให้หายจากอาการมึนเมา และให้สภาพร่างกายเป็นปกติดีเสียก่อน แล้วจึงค่อยขับรถต่อไปได้ โดยเมื่อถึงที่เกิดเหตุจำเลย จะต้องใช้ความเร็วของรถและควบคุมรถไม่ให้แล่นล้ำเข้าไปภายในไหล่ทาง หรือช่องเดินรถอื่น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่จำเลยหา อุทธรณ์ภ ได้ใช้ให้เพียงพอไม่ โดยจำเลยขับรถยนต์มาด้วยความเร็วสูงและไม่ชลอความเร็วให้ช้าลง ขับรถในขณะมีอาการเมาสุราทำให้หย่อนความสามารถในการควบคุมบังคับรถ ด้วย ความประมาทปราศจากความระมัดระวังของจำเลยดังกล่าว เป็นเหตุให้รถยนต์ที่จำเลย
4.ขับเสียการควบคุม แล่นไถลข้ามช่องเดินรถไปยังอีกฝั่งพุ่งเฉียวชนรถจักรยานยนต์ที่นายสุทัศขับขี่ มาในทิศทางตรงข้ามอย่างแรง ทำให้รถจักรยานยนต์ที่นายสุทัศน์ขับขี่เสียหลักไถลครูดไปกับพื้นถนน และกระเด็นไปติดอยู่ใต้ท้องรถของจำเลย ส่วนรถที่จำเลยขับได้เสียหลักพุ่งเข้าไปชนกับเสาไฟฟ้า ข้างถนน ทำให้รถทั้งสองคันได้รับความเสียหาย เป็นเหตุให้.....กระเด็นตกลงจาก รถจักรยานยนต์ ร่างกายกระแทกกับพื้นถนนถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุทันที และ...... ซึ่งนั่งโดยสารมากับรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บบริเวณช่องอกและช่องท้อง ได้รับอันตรายสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดที่ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อุทธรณ์ภ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๓ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔. ๔๓, ๑๖๐ ตรี, ๑๖๐ ตรี/๒
จำเลยให้การรับสารภาพ
5.ระหว่าง........ มารดา...... ผู้ตาย ยื่นคำร้องขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทน ๑,๐๘๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันที่จำเลยกระทำความผิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง และยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าร่วมเป็นโจทก์เฉพาะข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่น ถึงแก่ความตาย ส่วนข้อหาอื่นไม่อนุญาต
ในคดีส่วนแพ่ง โจทก์ร่วมและจำเลยตกลงกันได้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ฉบับลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๔ ๒๕อุทธรณ์ภาค ๗
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๓ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ (๒), ๑๖๐ ตรี วรรคสี่, ๑๖๐ ตรี/๒ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษ
6.ฐานขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก 5 ปี ๘ เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๓ ปี ๔ เดือน ในคดีส่วนแพ่ง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จ เด็ดขาดตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัย อุทธรณ์ตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ที่ศาลชั้นต้นไม่เพิ่มโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๖๐ ตรี/๒ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้น ไม่เพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๖๐ ตรี/๒
7.เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย นั้น เห็นว่า จำเลยขับขี่รถยนต์ในขณะเมาสุราโดยไม่มีใบอนุญาต ให้ขับรถเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงได้รับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ (๒) ต้องลงโทษตามพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๖๐ ตรี วรรคสี่ ประกอบมาตรา ๑๖๒ ตรี/๒ วรรคสอง ที่ศาลชั้นต้นไม่ปรับบทมาตรา ๑๖๒ ตรี/๒ วรรคสอง มาเป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ เห็นควรแก้ไขให้ถูกต้อง เมื่อการกระทำของจำเลยต้องด้วย มาตรา ๑๖๐ ตรี/๒ วรรคสอง ซึ่งโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตราดังกล่าวไว้แล้ว ศาลชั้นต้นชอบจะพิพากษาเพิ่มโทษ อุทธรณ์ก ที่จะลงแก่จำเลยอีกกึ่งหนึ่งของโทษที่ศาลกำหนดสำหรับความผิดนั้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษา โดยไม่เพิ่มโทษจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ เห็นควรแก้ไขโดยการเพิ่มโทษจำเลย ตามบทบัญญัติดังกล่าวให้ถูกต้องอุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจรจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
8.
มาตรา ๑๖๐ ตรี/๒ วรรคสอง ความผิดฐานขับรถยนต์โดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ในขณะเมาสุรา เป็นเหตุให้อื่นถึงแก่ความตาย ที่ศาลชั้นต้นวางโทษไว้ จำคุก 5 ปี ๘ เดือน เพิ่มโทษกึ่งหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๖๐ ตรี/๒ วรรคสอง แล้ว เป็นจำคุก ๙ ปี ๑๒ เดือน ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุก ๔ ปี ๑๒ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คำถาม คือ จากการตัดสินของศาลเจาจะจำคุกจริงกี่ปีคะ รอบแรกศาลตัดสิน3ปี ทางอัยการยื่นอุทธรณ์วันนี้ศาลเพิ่มโทษเป็น4ปี12เดือน
ปล.1 ในส่วนแพ่งเรายังไม่ได้รับการเยียวยาใดจากวันที่ได้ทำสัญญา
ปล.2 เราสามารถคัดค้านการขออภัยโทษได้หรือมั้ย เเละเราจะทราบได้อย่างไรว่าเขาจะขออภัยโทษ
ศาลตัดติด4ปี12เดือน จำคุกจริงกี่ปีคะเราคัดค้านการขออภัยโทษได้หรือไม่
2.โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๗ เวลากลางวัน จำเลยไม่ได้ รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ขับรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน ...... ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น โดยตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดได้ ๑๒๐ มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีปริมาณเกินกว่า ๒๐ มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ที่กำหนดไว้ ในกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๖ พ.ศ. ๒๕๓๗ แก้ไขโดยกฎกระทรวง ฉลับที่ ๒๑ พ.ศ. ๒๕๖๐ ออกตามความพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๒ ข้อ ๓ มีนายไกรลาส เกตุภู นไปตามถนนเพชรเกษมอันเป็นทางแ นั่งโดยสารมาด้วย แล่นไปตามถนนเพชรเกษมอันเป็นทางเดินรถสาธารณะจากทาง ยุทธรณ์ภ ด้านอำเภอหัวหินมุ่งหน้าไปทิศทางด้านจังหวัดเพชรบุรี ถนนสายดังกล่าวแบ่งเป็นสองช่องเดินรถ มีไหล่ทางทั้งสองข้างให้รถแล่นสวนกันได้ เมื่อจำเลยขับรถยนต์มาถึงที่เกิดเหตุ สภาพถนน เป็นพื้นยางแอสฟัลต์ผิวเรียบ เป็นทางตรงต่อเนื่องจากทางโค้ง ขณะนั้นมีรถจักรยานยนต์ไม่ติด
3.แผ่นป้ายทะเบียน ขับ..... โดยมี....... นั่งซ้อนท้ายมาด้วย แล่นในทิศทางสวน ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยจัก ต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ จำเลยจะต้องไม่ขับรถในขณะที่มีอาการมึนเมา หรือหย่อน ความสามารถในการขับรถได้ตามปกติ โดยจำเลยจะต้องพักผ่อนร่างกายให้หายจากอาการมึนเมา และให้สภาพร่างกายเป็นปกติดีเสียก่อน แล้วจึงค่อยขับรถต่อไปได้ โดยเมื่อถึงที่เกิดเหตุจำเลย จะต้องใช้ความเร็วของรถและควบคุมรถไม่ให้แล่นล้ำเข้าไปภายในไหล่ทาง หรือช่องเดินรถอื่น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่จำเลยหา อุทธรณ์ภ ได้ใช้ให้เพียงพอไม่ โดยจำเลยขับรถยนต์มาด้วยความเร็วสูงและไม่ชลอความเร็วให้ช้าลง ขับรถในขณะมีอาการเมาสุราทำให้หย่อนความสามารถในการควบคุมบังคับรถ ด้วย ความประมาทปราศจากความระมัดระวังของจำเลยดังกล่าว เป็นเหตุให้รถยนต์ที่จำเลย
4.ขับเสียการควบคุม แล่นไถลข้ามช่องเดินรถไปยังอีกฝั่งพุ่งเฉียวชนรถจักรยานยนต์ที่นายสุทัศขับขี่ มาในทิศทางตรงข้ามอย่างแรง ทำให้รถจักรยานยนต์ที่นายสุทัศน์ขับขี่เสียหลักไถลครูดไปกับพื้นถนน และกระเด็นไปติดอยู่ใต้ท้องรถของจำเลย ส่วนรถที่จำเลยขับได้เสียหลักพุ่งเข้าไปชนกับเสาไฟฟ้า ข้างถนน ทำให้รถทั้งสองคันได้รับความเสียหาย เป็นเหตุให้.....กระเด็นตกลงจาก รถจักรยานยนต์ ร่างกายกระแทกกับพื้นถนนถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุทันที และ...... ซึ่งนั่งโดยสารมากับรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บบริเวณช่องอกและช่องท้อง ได้รับอันตรายสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดที่ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อุทธรณ์ภ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๓ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔. ๔๓, ๑๖๐ ตรี, ๑๖๐ ตรี/๒
จำเลยให้การรับสารภาพ
5.ระหว่าง........ มารดา...... ผู้ตาย ยื่นคำร้องขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทน ๑,๐๘๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันที่จำเลยกระทำความผิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง และยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าร่วมเป็นโจทก์เฉพาะข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่น ถึงแก่ความตาย ส่วนข้อหาอื่นไม่อนุญาต
ในคดีส่วนแพ่ง โจทก์ร่วมและจำเลยตกลงกันได้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ฉบับลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๔ ๒๕อุทธรณ์ภาค ๗
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๓ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ (๒), ๑๖๐ ตรี วรรคสี่, ๑๖๐ ตรี/๒ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษ
6.ฐานขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก 5 ปี ๘ เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๓ ปี ๔ เดือน ในคดีส่วนแพ่ง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จ เด็ดขาดตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัย อุทธรณ์ตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ที่ศาลชั้นต้นไม่เพิ่มโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๖๐ ตรี/๒ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้น ไม่เพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๖๐ ตรี/๒
7.เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย นั้น เห็นว่า จำเลยขับขี่รถยนต์ในขณะเมาสุราโดยไม่มีใบอนุญาต ให้ขับรถเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงได้รับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ (๒) ต้องลงโทษตามพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๖๐ ตรี วรรคสี่ ประกอบมาตรา ๑๖๒ ตรี/๒ วรรคสอง ที่ศาลชั้นต้นไม่ปรับบทมาตรา ๑๖๒ ตรี/๒ วรรคสอง มาเป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ เห็นควรแก้ไขให้ถูกต้อง เมื่อการกระทำของจำเลยต้องด้วย มาตรา ๑๖๐ ตรี/๒ วรรคสอง ซึ่งโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตราดังกล่าวไว้แล้ว ศาลชั้นต้นชอบจะพิพากษาเพิ่มโทษ อุทธรณ์ก ที่จะลงแก่จำเลยอีกกึ่งหนึ่งของโทษที่ศาลกำหนดสำหรับความผิดนั้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษา โดยไม่เพิ่มโทษจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ เห็นควรแก้ไขโดยการเพิ่มโทษจำเลย ตามบทบัญญัติดังกล่าวให้ถูกต้องอุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจรจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
8.
มาตรา ๑๖๐ ตรี/๒ วรรคสอง ความผิดฐานขับรถยนต์โดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ในขณะเมาสุรา เป็นเหตุให้อื่นถึงแก่ความตาย ที่ศาลชั้นต้นวางโทษไว้ จำคุก 5 ปี ๘ เดือน เพิ่มโทษกึ่งหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๖๐ ตรี/๒ วรรคสอง แล้ว เป็นจำคุก ๙ ปี ๑๒ เดือน ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุก ๔ ปี ๑๒ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คำถาม คือ จากการตัดสินของศาลเจาจะจำคุกจริงกี่ปีคะ รอบแรกศาลตัดสิน3ปี ทางอัยการยื่นอุทธรณ์วันนี้ศาลเพิ่มโทษเป็น4ปี12เดือน
ปล.1 ในส่วนแพ่งเรายังไม่ได้รับการเยียวยาใดจากวันที่ได้ทำสัญญา
ปล.2 เราสามารถคัดค้านการขออภัยโทษได้หรือมั้ย เเละเราจะทราบได้อย่างไรว่าเขาจะขออภัยโทษ