‘ร้านอาหารญี่ปุ่น’ โตแรง บิ๊กเนมปักหมุดลงทุนเพิ่ม ปั้นน้องใหม่ชิงตลาด

KEY POINTS
ตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นยังคงเติบโตและมีการแข่งขันสูง โดยยังครองความนิยมเป็นอันดับ 1 ของอาหารต่างชาติในไทย

ผู้ประกอบการรายใหญ่เร่งขยายการลงทุนด้วยการเปิดแบรนด์ใหม่เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด เช่น "นิกิเบน" ของนิกิวาอิ กรุ๊ป และ "KIWAMIYA" ของมากุโระ กรุ๊ป

บริษัทต่างๆ มีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง พร้อมใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ เช่น การร่วมมือกับแบรนด์อื่น และการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มเพื่อกระตุ้นยอดขาย

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ธุรกิจร้านอาหารในปี 2568 จะมีมูลค่าราว 5.72 แสนล้านบาท เติบโต 4.8% ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ จะมีมูลค่าราว 2.13 แสนล้านบาท เติบโต 2.9% เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีมูลค่ากว่า 5.45 แสนล้านบาท

โดยร้านอาหารให้บริการเต็มรูปแบบ มีมูลค่าราว 2.07 แสนล้านบาท ล่าสุดในไตรมาส 4 พบว่า ตลาดร้านอาหารต่างชาติในไทยกลับมาคึกคัก หลายแบรนด์เร่งทำแคมเปญ ออกเมนูใหม่ และขยายสาขาเพื่อแย่งชิงกำลังซื้อ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง “ร้านอาหารญี่ปุ่น” ยังคงครองตำแหน่งอาหารต่างชาติยอดนิยมอันดับ 1 อย่างเหนียวแน่น ทั้งในกลุ่มคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นายวรันธร แดงใหญ่ กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท นิกิวาอิ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารแฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่น อาทิ Nigiwai Sushi, Nigiwai Cuisine, Nigiwai Yakiniku & Sushi Buffet และ Viengviet เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในไตรมาส 4 ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารมีแนวโน้มดีขึ้น
เนื่องจากเป็นช่วงปลายปีที่ผู้บริโภคเริ่มมีการใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น การเฉลิมฉลองปีใหม่ รวมถึงการจ่ายเงินโบนัสของพนักงานที่จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นยังคงมีการแข่งขันสูง และเติบโตต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นรูปแบบเอ็กซ์เพรส ภายใต้ชื่อ “นิกิเบน” (Nigiben) ให้บริการแบบ Take Away และสามารถนั่งรับประทานภายในร้านได้ ขนาด 30–50 ตารางเมตร ภายในสนามบินทั่วประเทศ ในไตรมาส 4 นี้
“การขยายตลาดไปสู่สนามบินในครั้งนี้ นับเป็นการยกระดับบริการของนิกิวาอิให้ครอบคลุมทั้งลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากมองว่าตลาดในสนามบินมีศักยภาพสูง ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งบริการสำหรับผู้ที่เดินทางภายในประเทศด้วย ร้านของเราจึงมุ่งเน้นการเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นในรูปแบบที่สะดวก รวดเร็ว และราคาไม่แพง มีเมนูหลากหลาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอาหารญี่ปุ่นรสชาติดีในราคาที่สมเหตุสมผล ไม่สูงเท่าร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียมในสนามบิน โดยเริ่มต้นที่ราคาหลักสิบบาท”
บริษัทตั้งเป้าขยายสาขา “นิกิเบน” ให้ได้ 50 สาขาภายใน 2 ปี โดยช่วงแรกจะเน้นสนามบินหลักทั่วประเทศ จากนั้นจึงขยายไปสู่สนามบินรอง รวมถึงวางแผนขยายสาขาไปยังต่างจังหวัด ตั้งเป้าให้ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด พร้อมทำการตลาดออนไลน์เป็นหลัก

ในด้านกลยุทธ์ บริษัทเตรียมใช้ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อดึงดูดลูกค้าในแต่ละโลเคชัน โดยเฉพาะการใช้อินฟลูเอนเซอร์สร้างการรับรู้ในพื้นที่ที่มีสาขา รวมถึงการทำการตลาดผ่านดิจิทัล เพื่อเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ โดยเน้นเทคโนโลยีและการทำ Local Marketing ที่สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้ตรงจุด

ด้าน นางสาวทิพย์สุดา อเนกวัชรากรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด Yakiniku Like Thailand กล่าวว่า ภาพรวมตลาดร้านอาหารในช่วงปลายปี 2568 มีทิศทาง “ดีขึ้นตามฤดูกาล” จากช่วงเทศกาลและการเฉลิมฉลอง ทำให้ผู้บริโภคออกมารับประทานอาหารนอกบ้านกับครอบครัวและเพื่อนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเติบโตอาจไม่สูงเท่าปีก่อน พฤติกรรมผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวลดลงจาก 360–370 บาท เหลือประมาณ 350 บาทต่อหัว แม้จะลดลงไม่มาก แต่ส่งผลต่อภาพรวมยอดขาย

ส่วนตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยยังเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงในระดับ Red Ocean มีทั้งแบรนด์ใหม่และรูปแบบอาหารใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคมีทางเลือกหลากหลายขึ้น ทั้งด้านราคา รูปแบบ และประสบการณ์

Yakiniku Like ซึ่งดำเนินธุรกิจในไทยครบ 4 ปี และมีทั้งหมด 22 สาขา จึงปรับแผนธุรกิจให้สอดรับกับกำลังซื้อที่ชะลอลง โดยปรับลดเป้ารายได้ปี 2568 จาก 700 ล้านบาท เหลือประมาณ 650 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเติบโตในปี 2569 ราว 20% และเตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีก 6–7 สาขาในทำเลศักยภาพ

พร้อมกันนี้ แบรนด์ได้เปิดตัวแคมเปญ Collaboration ครั้งแรกกับแบรนด์เครื่องปรุง “ฟ้าไทย” ออกเมนูใหม่รสชาติ หม่าล่า เพื่อขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มครอบครัวและแม่บ้าน ตั้งเป้าสร้างยอดขายราว 18–20% ของยอดขายรวม

ขณะที่นายจักรกฤติ สายสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ตลาดร้านอาหารช่วงปลายปีเริ่มส่งสัญญาณบวก โดยเฉพาะไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน ทั้งจากการท่องเที่ยว การเดินทาง และการเปิดสาขาใหม่ที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อโอกาสสำคัญในระยะต่อไปอยู่ที่ “ร้านอาหารเฉพาะทาง” หรือร้านแบบ Specialist ซึ่งสามารถมอบประสบการณ์ที่แตกต่างจากร้านญี่ปุ่นแบบวาไรตี้ที่เริ่มอิ่มตัวในบางพื้นที่

อย่างไรก็ตาม กรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดยังคงมีช่องว่างทางการตลาดสำหรับแบรนด์ที่วางตำแหน่งชัดเจนโดยบริษัทได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่ “KIWAMIYA” ร้านแฮมเบิร์กและสเต็กเนื้อวากิวจากญี่ปุ่น ตั้งเป้าขยายครบ 10 สาขาภายใน 2–3 ปี เน้นทำเลในศูนย์การค้าชั้นนำ ใช้งบลงทุนเริ่มต้นราว 10 ล้านบาทต่อสาขา พร้อมอาศัยฐานสมาชิกกว่า 250,000 ราย ซึ่งกว่า 70% เป็นลูกค้า Active

สำหรับอนาคต บริษัทตั้งเป้าให้ภายในปี 2568 จะมีแบรนด์ในเครือรวม 7 แบรนด์ และในปี 2569 จะเปิดสาขาใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 สาขา โดยคาดว่ารายได้รวมในปี 2568 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อนหน้า หรือแตะระดับ 1,300 ล้านบาท


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่