JJNY : “เท้ง” ถามจบที่รุ่นเราจริงหรือ│เท้งขอเสียงหนุนฟื้นสภา│‘ไอซ์’อึ้ง ห่วงเปิดตัวผู้สมัครสส.│สหรัฐ ออกโรงป้องญี่ปุ่น

“เท้ง” ถามจบที่รุ่นเราจริงหรือ แนะปราบสแกมเมอร์กดดันกัมพูชา

.
“เท้ง ณัฐพงศ์” เตือนนายกฯ ปิดประตูเจรจา หวั่นจะตกเป็นผู้รุกราน ย้ำทางเดียวที่จะกดดันกัมพูชาคือปราบสแกมเมอร์ ชี้ปัญหาชายแดนเกิดมานานกว่า 10 ปี เอาอะไรมามั่นใจ “จะจบในรุ่นเรา” ขออย่าเอาการเมืองมาสร้างคะแนนนิยม
.
วันที่ 10 ธันวาคม 2568 นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ประเมินสถานการณ์ปะทะกันชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาว่า ตนรู้สึกเสียใจและไม่อยากให้เกิดขึ้น อยากให้สถานการณ์จบโดยเร็ว เพื่อให้ชีวิตของประชาชนที่อยู่ชายแดนได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ซึ่งพลตรีณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า “ไม่มีการรบใดไม่จบด้วยการเจรจา” สิ่งที่อยากได้ยินจากนายกรัฐมนตรีคือทิศทางการบริหารจัดการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา การใช้กำลังทหารตอบโต้เพื่อทำลายศักยภาพของกัมพูชา ก็ต้องเป็นไปตามหลักกติกาสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยและทรัพย์สินของประชาชน แต่การดำเนินการทุกอย่างไม่ได้มุ่งหวังรุกรานกัมพูชา ในขณะที่เราถูกมองว่าเรามีกองกำลังที่เข้มแข็งกว่า แต่สิ่งสุดท้ายที่เราต้องทำคือการกดดันทางด้านแนวรบและการปราบสแกมเมอร์ ใช้การทูตกดดันกัมพูชา พุ่งเป้าไปที่หัวใจระบอบฮุนเซน เพื่อบีบให้กลับสู่โต๊ะเจรจา
.
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีประกาศชัดแล้วว่าจะไม่มีการเจรจากับทางกัมพูชาและโยนเป็นอำนาจของฝ่ายความมั่นคงในการประเมินสถานการณ์ นายณัฐพงศ์กล่าวว่า ตนขอแสดงความเป็นห่วงและเตือนไปยังนายกรัฐมนตรีว่าการกระทำในลักษณะนี้อาจทำให้เกิดความกังวลใจของนานาชาติ ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยตกอยู่ในฐานะผู้รุกรานก่อน ขาดความชอบธรรมในการแก้ไขปัญหา สิ่งที่นายกรัฐมนตรีควรจะต้องทำอย่างจำเป็นคือ ไม่ควรแสดงท่าทีว่าไปรุกรานเขา แต่แสดงความเข้มแข็งได้ เพื่อขจัดภัยความมั่นคง และส่งผลต่อประชาชนเฉพาะหน้า
.
ส่วนการตอบโต้ด้วยกำลังทางการทหารที่พุ่งเป้าไปที่ยุทธศาสตร์ทางการทหารของกัมพูชาอย่างเดียว ไม่ควรพุ่งเป้าและสร้างผลกระทบต่อประชาชนกัมพูชา ซึ่งตนเชื่อว่าทางกองกำลังทหารไทยสามารถทำได้
.
ส่วนการแสดงท่าทีของนายกรัฐมนตรีที่บอกว่าปิดโต๊ะเจรจาทุกช่องทาง และจะใช้กำลังทางการทหารอย่างเต็มที่โดยที่ไม่รู้ว่าจุดจบจะไปจบลงที่ตรงไหน เป็นสิ่งที่มีความน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
.
นายณัฐพงศ์กล่าวย้ำว่าธงของพรรคประชาชน ต้องการให้เกิดความสงบ และทุกคนสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่าหากฝั่งกัมพูชาไม่จริงใจบนโต๊ะเจรจาจะทำอย่างไรนั้น วิธีการคือ ไทยต้องบีบกัมพูชาทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นการตัดกำลังทางการทหารเพื่อไม่ให้เขาโจมตี หรือพุ่งเป้าไปที่เครือข่ายสแกมเมอร์ ใช้โลกล้อมกัมพูชาเพื่อให้ไทยได้เปรียบ ตราบใดที่เราใช้เรื่องสแกมเมอร์เป็นแกนกลางทางการทูต ก็จะทำให้ประเทศมหาอำนาจทุกประเทศทั่วโลกล้อมกัมพูชา ไม่ใช่ให้ไทยตกอยู่ในสถานะผู้รุกราน
.
เมื่อถามว่าเป้าหมายของกองทัพพุ่งเป้าไปที่ฐานของสแกมเมอร์ด้วย นายณัฐพงศ์กล่าวว่า การโจมตีเป้าหมายแบบนี้ทำได้ถ้ายึดบนฐานข้อเท็จจริง ซึ่งกองทัพก็ออกมาให้ข้อมูลแล้ว แต่ขอให้ระมัดระวังอย่าให้เกินกรอบมากกว่านี้ สิ่งที่นายกรัฐมนตรีไม่ควรสื่อสารเช็คเปล่ากับฝ่ายความมั่นคงและปัดให้ฝ่ายความมั่นคงทุกเรื่อง ส่วนตัวเองลอยตัวอยู่เหนือปัญหา อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไร นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะเป็นฝ่ายบริหาร
.
ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจะจบภายในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ เพราะคนในรัฐบาลแห่กันออกมาติดแฮชแท็ก “ให้มันจบที่รุ่นเรา” นั้น ตนมองว่าความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาเกิดขึ้นมานานกว่า 10 ปี สิ่งที่ไม่อยากเห็นคือ การใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองหรือไม่ การบริหารสถานการณ์ให้จบโดยเร็ว 100% จะทำได้ก็ต่อเมื่อต้องพูดคุยกันทั้งสองฝ่ายและปักปันแนวเขตแดนให้ครบ แต่โอกาสนั้นก็เป็นไปได้ยาก ซึ่งรัฐบาลเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน และขอส่งคำถามกลับว่า จะทำให้จบในรุ่นนี้จริง ๆ หรือ และจุดจบจะไปจบลงที่ตรงไหน จะใช้กองทัพของใครในการทำลายกัมพูชาให้ราบคาบ และไทยขาดความชอบธรรมในสายตาของโลก จะทำแบบนั้นจริง ๆ หรือไม่ ซึ่งสุดท้ายก็ต้องจบอยู่ที่การเจรจาอยู่ดี
.
เมื่อถามว่า สมเด็จฮุน เซน ได้โพสต์ว่าการปะทะกันในครั้งนี้เป็นการสร้างกระแสความนิยมของพรรคภูมิใจไทย นายณัฐพงศ์กล่าวว่า สามารถประเมินแบบนั้นได้ แต่ตนยังไม่อยากสรุปโดยที่ยังไม่ทราบความจริง แต่ได้ตั้งข้อสังเกตไว้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ที่กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน ซึ่งก็เหมือนสองครั้งที่ผ่านมา หลังมีความพยายามพุ่งเป้าปราบปรามสแกมเมอร์ ก็มีการปะทะกันที่ชายแดนเกิดขึ้น ตนจึงไม่อยากให้ตกอยู่ในหลุมพราง หากกองทัพของไทยทำเกินหลักกติกาสากลขึ้นมา ไทยจะขาดความชอบธรรมทันที อีกทั้งการพูดของนายกรัฐมนตรีไปเสริมให้ตกหลุมพราง
.
ส่วนท่าทีรัฐบาลที่ยังไม่ยุบสภาจากปัญหาชายแดนยังไม่สงบ จนพรรคประชาชนสามารถแก้รัฐธรรมนูญได้จะรับได้หรือไม่ นายณัฐพงศ์กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญและการบริหารสถานการณ์ชายแดน รวมไปถึงการแก้ปัญหาภาคใต้ ฝ่ายค้านเราทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ไม่อยากให้ผูกทุกเรื่องเข้าด้วยกัน สิ่งที่ตนมองเป็นสิ่งสำคัญคือ รัฐบาลต้องบริหารสถานการณ์ ณ ตอนนี้ให้ดีที่สุด ทำทุกอย่างตามกรอบ MOA ตนในฐานะฝ่ายค้านก็ดำเนินการตรวจสอบอย่างเต็มที่ เช่น ปัญหาอุทกภัย การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราก็พิจารณาในสภาอย่างเต็มที่
.

.
ผ่านฉลุย! เท้ง ขอเสียง หนุนฟื้นสภาที่ปรึกษาร่างรธน. ย้ำกระบวนการจัดทำต้องยึดโยงปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5497380
.
เท้ง ออกโรงขอเสียงหนุนฟื้นสภาที่ปรึกษาร่าง รธน. ย้ำกระบวนการจัดทำ รธน.ใหม่ต้องยึดโยงปชช. มาตรา 4 (256/1) ผ่านฉลุย
.
เมื่อเวลา 12.55 น. เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ. วาระ 2 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายต่อที่ประชุมรัฐสภา สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ. … ที่อยู่ระหว่างการอภิปรายร่างมาตรา 4 (ม.256/1) ว่าด้วยองค์กรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาสนับสนุนกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ยึดโยงกับประชาชน ผ่านการสนับสนุนความเห็นที่ กมธ.ของพรรคประชาชนสงวนไว้ ที่เสนอให้มี กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และสภาที่ปรึกษาการร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อให้เกิดการยึดโยงประชาชน
.
นายณัฐพงษ์อภิปรายว่า กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อยากได้ที่ไม่มีคนกลุ่มใดที่กินรวบผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญในกระบวนการต่อไปได้ ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วม และได้ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญที่ทำให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยไม่ถอยหลัง รวมถึงต้องการปลดล็อกเงื่อนไขแก้รัฐธรรมนูญในอนาคตที่ยืดหยุ่น
.
“ผมเข้าใจในข้อจำกัดทางการเมืองและสภาพทางการเมืองที่เป็นจริง ทั้งเงื่อนไข ใช้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 ที่เห็นชอบวาระสาม และเสียงฝ่ายค้าน 20% จึงต้องเป็นตรงกลางที่ทุกฝ่ายเห็นชอบและกรอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ตอบเกินคำถาม และในกระบวนการสุดท้ายต้องได้เสียงเห็นชอบจากประชาชนในกระบวนการทำประชามติ ดังนั้นต้องฟังเสียงประชาชนว่าต้องการหรืออยากเห็นอะไรด้วย” นายณัฐพงษ์ระบุ
.
จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 4 ตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก ด้วยคะแนน 328 ไม่เห็นชอบ 266 งดออกเสียง 21 ไม่ลงคะแนน 3
.

.
‘ไอซ์’อึ้งประเทศไทยลุกเป็นไฟทุกทิศทาง ‘อนุทิน’ยังห่วงเปิดตัวผู้สมัคร สส.
https://www.dailynews.co.th/news/5388144/
.
‘ไอซ์’อึ้งประเทศไทยลุกเป็นไฟทุกทิศทาง ‘อนุทิน’ยังห่วงเปิดตัวผู้สมัคร สส. ทั้งสู้รบชายแดน-น้ำท่วม-ทุนเทายึดประเทศ-รูปหลุดนักการเมืองคู่นักฟอกเงิน ถามนายกฯใช้เวลาราชการไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. สมุทรสาครหรือเปล่า?
.
เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน โพสต์ภาพข่าวนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.สมุทรสาคร  4 เขต โดยระบุว่า  ขยี้ตาดู ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือข่าววันนี้ ในขณะที่ประเทศไทย กำลังลุกเป็นไฟทุกทิศทาง ปัญหารอการแก้ไขอยู่ทุกที่ การสู้รบที่ชายแดน เดือดร้อนประชาชนหลายจังหวัด ภาคใต้เพิ่งน้ำท่วมหนักรอการฟื้นฟู ขยะยังบาน เด็กๆ ไปสอบไม่ได้ พอข่าวไม่เดือดรัฐมนตรีหายหัวกันหมด อยุธยาน้ำท่วมอ่วมครึ่งค่อนบ้าน และไม่ลดมา 4 เดือนแล้วจนน้ำเน่า ไม่มีใครสนใจไยดีใดใด ทุนเทายึดประเทศ รูปนักการเมือง นายทุน ข้าราชการระดับสูง คู่นักฟอกเงินว่อนเน็ต แค่รัฐบาลแค่ประกาศอายัดทรัพย์แล้วปล่อยจอย ซีเกมส์ ทำคนไทยอับอายขายขี้หน้าทั้งอาเซียน  คนในประกันสังคมกำลังรวมหัวกันจะล้มเลือกตั้งบอร์ด
.
นายกฯ ยังอุตส่าห์ใช้วันทำงานปกติ ใช้เวลาราชการด้วยหรือเปล่า? ใช้ทุกวินาทีที่มีค่า ไปเปิดตัวผู้สมัคร สส.สมุทรสาคร !! แน่นอนว่านายกฯ สามารถทำอะไรได้หลายอย่างพร้อมกันแต่ตอนนี้เวลานี้ ในวันทำงานเนี่ยนะ !? ประชาชนทั้งประเทศนี้ ใครกำลังเผชิญกับปัญหาอะไรอยู่ท่านก็ดูไว้ ว่านายกฯของประเทศไทยเป็นห่วงมากเหลือเกิน แต่ไม่ได้ห่วงท่าน ห่วงการเลือกตั้ง ห่วงเปิดตัวผู้สมัคร สส.” น.ส.รักชนก ระบุ
.
https://www.facebook.com/nanaicez112/posts/pfbid02frFF5J8o652jVayvPoxLfpJHKAEJxbqQ8ahHTtibShmF9yP5Jqammow8yWy7eWgdl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่