ทุกคนชอบพูดว่า “ความรักไม่มีราคา” แต่ถ้าคุณเคยพาคนที่ชอบไปกินเนื้อย่างในยุคนี้
คุณจะรู้ทันทีว่า ความรักอาจไม่มีราคา…แต่ใบเสร็จมี และโหดกว่าความอกหักสิบเท่า
❤️ เริ่มคบกันด้วยหัวใจ แต่จบลงด้วยค่าครองชีพ
เมื่อก่อนเดทกันครั้งแรกก็พิซซ่าโถงๆ เดินเล่นสวนสาธารณะ ลมพัดวิวสวย เดี๋ยวนี้? เดินสวนสาธารณะแบบเดิมได้อยู่
แต่ต้องเผื่อเงินค่าน้ำดื่มในเซเว่นก่อน เพราะแดดไทยมันไม่ได้มาเล่นๆ ถ้าจะกินข้าวก็ต้องคิดก่อนว่า
“วันนี้ต้องโอนเงินให้แม่ด้วยนะ…” โรแมนติกอยู่นะ แบบบ้านๆ เรียบง่ายติดดิน หรือที่เรียกกันว่าติดกันชนเพราะบ้านมันแพงขึ้นทุกปี
❤️ “เวลาคือของมีค่า” ใช่…เพราะเราทำงานจนไม่มีเวลาเหลือ
ตอนเด็กอาจอยากเจอแฟนบ่อยๆ แต่พอโตแล้ว การเจอกันในวันธรรมดาคือเรื่องหรูหรากว่ากระเป๋าแบรนด์เนม คนทำงานค่าแรง 400
ต้องออกจากบ้านตีห้า กลับบ้านสองทุ่ม วีรกรรมความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการ "ตื่นอยู่ทันโทรคุยก่อนหลับคาโทรศัพท์"
ซึ่งมันโรแมนติก… ถ้าไม่คิดว่าหลับเพราะความเหนื่อยล้า
❤️ ค่าสินสอดคือบททดสอบความรัก หรือบททดสอบฐานะผู้ชาย?
ไม่มีใครกลัวความรักหรอก คนกลัว “สินสอดระดับรถมือสอง” มากกว่ายุคนี้จะแต่งงานต้องมีทั้ง งานแต่ง - บ้าน - ของขวัญ - ค่าใช้จ่ายยิบย่อย
ส่วนรักแท้? ถ้าโอนพร้อมเพย์ไม่ได้ก็พักก่อนนะครับ และใช่ครับ บางครอบครัวก็ย้ำว่า “เงินไม่สำคัญหรอก ขอให้รักกันก็พอ”
แต่พอถึงวันจริงก็มีเรตขั้นต่ำเหมือนร้านบุฟเฟ่ต์เลยทีเดียว
❤️ ความรักที่ดีต้องมีเวลา มีความเข้าใจ และ…มียอดเงินคงเหลือ
บอกกันตลอดว่า “ความรักที่แท้คือการดูแลกัน” แต่ถ้าดูแลแล้วเงินหายหมดบัญชี อาจต้องมาคุยกันว่าเราดูแลกันหรือดูดกัน
บางคู่ทะเลาะกันไม่ใช่เพราะหมดใจ แต่หมดตังค์ บางคู่ไม่ได้เลิกเพราะไม่รัก แต่เพราะชีวิตมันผลักจนไม่มีพื้นที่ให้ “ความหวาน” เหลืออยู่แล้ว
ความรักมันเปราะบางนะ แต่... ค่าไฟ - ค่าเช่า - ค่าน้ำ - ค่าของกิน เปราะกว่า
❤️ รักยุคนี้ยังโรแมนติกมั้ย?
ก็ตอบตรงนะ โรแมนติกสิ…ถ้าคุณมีเงินพอ มีเวลา มีใจ และมีสภาพคล่องทางการเงินมากกว่าค่าขนมวันละ 1000 บาท แต่ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ต้องทำทุกอย่างแบบประหยัดเพราะกลัวบัญชีติดลบ รักก็ยังมีแหละ แต่เป็นรักแบบ…ติดดินชนิดแทบจะเอาหน้าถูพื้น สุดท้ายแล้วความรักไม่เคยหายไป
แต่ความสามารถในการ “รักอย่างสบายใจ” ต่างหากที่นับวันยิ่งหาย สังคมบอกให้เรารักด้วยหัวใจ แต่โลกจริงบอกให้เรารักด้วยสลิปเงินเดือน...
"โรแมนติกเท่าไหร่ก็ไม่พอ ถ้ากระเป๋าตังค์มีรู - เมื่อความรักต้องขอผ่อน 0% นาน 36 เดือน”
คุณจะรู้ทันทีว่า ความรักอาจไม่มีราคา…แต่ใบเสร็จมี และโหดกว่าความอกหักสิบเท่า
❤️ เริ่มคบกันด้วยหัวใจ แต่จบลงด้วยค่าครองชีพ
เมื่อก่อนเดทกันครั้งแรกก็พิซซ่าโถงๆ เดินเล่นสวนสาธารณะ ลมพัดวิวสวย เดี๋ยวนี้? เดินสวนสาธารณะแบบเดิมได้อยู่
แต่ต้องเผื่อเงินค่าน้ำดื่มในเซเว่นก่อน เพราะแดดไทยมันไม่ได้มาเล่นๆ ถ้าจะกินข้าวก็ต้องคิดก่อนว่า
“วันนี้ต้องโอนเงินให้แม่ด้วยนะ…” โรแมนติกอยู่นะ แบบบ้านๆ เรียบง่ายติดดิน หรือที่เรียกกันว่าติดกันชนเพราะบ้านมันแพงขึ้นทุกปี
❤️ “เวลาคือของมีค่า” ใช่…เพราะเราทำงานจนไม่มีเวลาเหลือ
ตอนเด็กอาจอยากเจอแฟนบ่อยๆ แต่พอโตแล้ว การเจอกันในวันธรรมดาคือเรื่องหรูหรากว่ากระเป๋าแบรนด์เนม คนทำงานค่าแรง 400
ต้องออกจากบ้านตีห้า กลับบ้านสองทุ่ม วีรกรรมความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการ "ตื่นอยู่ทันโทรคุยก่อนหลับคาโทรศัพท์"
ซึ่งมันโรแมนติก… ถ้าไม่คิดว่าหลับเพราะความเหนื่อยล้า
❤️ ค่าสินสอดคือบททดสอบความรัก หรือบททดสอบฐานะผู้ชาย?
ไม่มีใครกลัวความรักหรอก คนกลัว “สินสอดระดับรถมือสอง” มากกว่ายุคนี้จะแต่งงานต้องมีทั้ง งานแต่ง - บ้าน - ของขวัญ - ค่าใช้จ่ายยิบย่อย
ส่วนรักแท้? ถ้าโอนพร้อมเพย์ไม่ได้ก็พักก่อนนะครับ และใช่ครับ บางครอบครัวก็ย้ำว่า “เงินไม่สำคัญหรอก ขอให้รักกันก็พอ”
แต่พอถึงวันจริงก็มีเรตขั้นต่ำเหมือนร้านบุฟเฟ่ต์เลยทีเดียว
❤️ ความรักที่ดีต้องมีเวลา มีความเข้าใจ และ…มียอดเงินคงเหลือ
บอกกันตลอดว่า “ความรักที่แท้คือการดูแลกัน” แต่ถ้าดูแลแล้วเงินหายหมดบัญชี อาจต้องมาคุยกันว่าเราดูแลกันหรือดูดกัน
บางคู่ทะเลาะกันไม่ใช่เพราะหมดใจ แต่หมดตังค์ บางคู่ไม่ได้เลิกเพราะไม่รัก แต่เพราะชีวิตมันผลักจนไม่มีพื้นที่ให้ “ความหวาน” เหลืออยู่แล้ว
ความรักมันเปราะบางนะ แต่... ค่าไฟ - ค่าเช่า - ค่าน้ำ - ค่าของกิน เปราะกว่า
❤️ รักยุคนี้ยังโรแมนติกมั้ย?
ก็ตอบตรงนะ โรแมนติกสิ…ถ้าคุณมีเงินพอ มีเวลา มีใจ และมีสภาพคล่องทางการเงินมากกว่าค่าขนมวันละ 1000 บาท แต่ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ต้องทำทุกอย่างแบบประหยัดเพราะกลัวบัญชีติดลบ รักก็ยังมีแหละ แต่เป็นรักแบบ…ติดดินชนิดแทบจะเอาหน้าถูพื้น สุดท้ายแล้วความรักไม่เคยหายไป
แต่ความสามารถในการ “รักอย่างสบายใจ” ต่างหากที่นับวันยิ่งหาย สังคมบอกให้เรารักด้วยหัวใจ แต่โลกจริงบอกให้เรารักด้วยสลิปเงินเดือน...