สวัสดีค่ะ เป็นกระทู้แรกในรอบ4-5ปีได้เลยที่กลับมา
ตอนแรกกะว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เตือนสติตัวเอง แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามขึ้นมาในหัว
เรามีแฟนที่น่ารักและทะนุถนอมเราอย่างดีคบกันมาหลายปีแล้ว(ไม่บอก) เราชอบไปมาหาสู่
กับครอบครัวของแฟนบ่อยๆ แต่เราไม่สนิทกับเครือญาติฝั่งครอบครัวเขาเลย
ขอท้าวความก่อนนะคะ
เราทำงานและเรียนไปด้วยค่ะ บ้านครอบครัวเอ็นดูเรามาก มีอยู่ช่วงนึงที่เรามีปัญหาเรื่องหอพักกับรูมเมท
ที่บ้านเค้าก็อนุญาให้เราไปพักอาศัยที่บ้านเค้า เราก็คิดว่าจะอยู่ไม่นานค่ะจนผ่านไปเกือบปีได้เลยที่อยู่กับที่บ้านเค้า
เราป่วยเค้าคอยมาส่องดูแลและอีกหลายๆเรื่องเลย เค้าดีกับเรามากจนเราเกรงใจที่จะอยู่จนวันนึงตัดสินใจไว้ว่า“เราไม่อยากเป็นภาระของที่บ้านแฟน”
เราก็เลยหาหออยู่ ก่อนออกครอบครัวที่บ้านเค้าก็เศร้ากัน บอกว่าอยู่ต่อได้มาเมื่อไหร่ก็ได้แต่เราเกรงใจเลยบ่ายเบี่ยงไป
พ่อแม่แฟนเป็นสายกิจกรรมของหมู่บ้านเลยก็ว่าได้เพื่อนบ้าน ญาติมิตรของเขาเยอะมาก คนนั้นคนนี้แวะเวียนมาทักทาย
เค้าเคยพาเราไปรู้จักญาติๆคนอื่น แต่ก็รู้จักแค่บนโต๊ะทานข้าวแค่วันนั้นคืนเดียว ผ่านมาเป็นปีวนมาเจอกันอีกก็จำไม่ได้แล้ว
และเราก็ไม่สนิทกับใครเลย ด้วยความที่เราเป็นคนที่บุคลิกนิ่งเงียบกับคนแปลกหน้า แต่เอาจริงเราอยากให้ชวนเราคุยก่อนนะเราถึงจะกล้าเปิดปาก
เรากลัวเวลาที่เราชวนใครสักคนคุยแล้วเค้าดูไม่อยากคุยด้วยเราก็แอบรู้สึกว่าตัวเองดูเสร่อมาก(เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยจนฝังใจมั้ง)
เราชวนคุยไม่เก่งเลย แต่ที่บ้านก็มีพี่สาวที่เป็นแฟนพี่ชายของแฟน(พี่สะใภ้) เราเจอกับพี่เค้าบ่อยสุดแต่ก็ไม่สนิทอยู่ดี เวลาเราเจอกับพี่เค้า พี่เค้าดูดุแปลกๆ
เวลาคุยกับเรา(มีหลายเหตุการณ์มากที่อยู่ๆเราก็กลายเป็นสนามอารมณ์) ฟีลเราเดินเข้ามาแล้วโตนตวาดใส่แบบโมโหไม่รู้โมโหอะไรเหมือนกัน เราก็แบบ
แอบกลัวและงงด้วยเวลาเราคุยกันกับครอบครัวพี่เค้าก็คุยกับเราดีนะแต่น้อยที่จะคุยกัน ไม่สนิทขั้นสุดแต่ป้ะหน้ากันบ่อยสุด
เราอ่ะเวลาอยู่ข้างนอกหรือบางทีหน้าตาเรา เราเผลอหลุดโฟกัสละอาจจะทำหน้าตาบึ้งตึงใส่เราไม่รู้ตัวเลย นี่อาจจะเป็นปัญหา
ล่าสุดเราไปทานอาหารกับที่บ้านเค้าแล้วมีญาติฝั่งแฟนมาด้วยเราจำใครไม่ได้เลย แต่รู้แค่ว่าคนในโต๊ะสนิทกันหมดยกเว้นเราเค้าคุยกันสนิทสนมส่วนเรานั่งเงียบกินข้าว เพราะไม่รู้จะคุยกับใครจะปฏิบัติตัวยังไงดี ทุกครั้งเลยที่เราก้าวเข้าไปอยู่กับบทสนทนาที่มีญาติฝั่งเค้าอยู่ด้วย เรารู้สึกไม่ใช่ที่ของเรา เรากดดันแบบอึดอัดไปหมดครอบครัวฝั่งแฟนเทคแคร์เราดีนะ แต่เรารู้สึกว่าเราเป็นส่วนเกินในจุดนี้ เราไม่มีเพื่อนคุย เราตัวคนเดียวงี้ บางครั้งก็ทำทีก้มมองดูโทรศัพท์แต่ความจริงคือกลั้นอยู่บอกตัวเองว่า“ไม่เป็นไรอย่าร้องเรื่องแค่นี้เอง ถ้าเราไม่ทำความรู้จักเราจะเข้ากับคนอื่นได้ไง” (เรามีปมกับครอบครัวของตัวเองตอนวัยเด็กด้วย) ในใจเราก็นึกว่ารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เราอยู่ที่นี่ทำไม เราทำอะไรอยู่ เรากลัวไปหมด ญาติเค้าก็มองเราแบบงงๆว่าเด็กนี่ใคร คือเรารับรู้ถึงสายตาที่เค้ามองที่เค้าอ่านเราอยู่ในนั้น แทบจะร้องตอนนั้น เราต้องทนจนครอบครัวเราแยกย้ายกันกลับ พอช่วงที่จะกลับกันแล้วก็สวัสดีรำ่ลากันกับญาติฝั่งครอบครัวแฟน คุณป้าแกก็เดินมาพูดว่า“คราวหลังหนูก็พกปากมาด้วยนะลูก”และได้ยินคำว่าหยอกนะ เห็นไม่คุยกับใครเลยจังหวะนั้นเราเดินสับเลยทำท่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ใจนึงก็คิดว่าคนแก่อะเนาะแกคงไม่รู้หรอกว่าคำพูดที่พูดออกไปมันกัดกร่อนใจเรา แต่อีกใจนึงคือเราก็แบบถ้าไม่ติดที่มันเป็นงานครอบครัวเราก็ไม่มาหรอกรู้ทั้งรู้ว่าต้องเจอแบบนี้แต่เราก็มา (คำพูดของเค้าจี้ปมวัยเด็กของเราที่โดนญาติตัวเองแซะด้วยคำพูดแบบนี้เลย ดอนเด็กโดนเยอะ คนสมัยเก่าเค้าไม่รู้ตัวจริงๆว่าพูดอะไรออกไป)ในใจเราแอบคิดว่าก็เราตัวคนเดียวไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วยตรงนี้ขนาดญาติเราเองที่เป็นน้าแท้ๆที่เราคิดว่าแสนดีคอยอยู่ข้างเรายังเคยเข้าใจเราผิดว่าเราพูดไม่ดีกับเค้าโดนก่นด่าสารพัด เค้าก็อ้างว่าเค้าเครียดเรื่องครอบครัวเค้าไม่พอยังจะมาโดนเราพูดไม่ดีใส่อีก(คืองง ตอนนั้นคือเรายังไม่ได้แม้จะอธิบายก็โดนเข้าใจผิดแล้ว) ตัดมา มีแค่ฝั่งพ่อแม่แฟนที่คอยดูแลเรา ญาติเค้าคนสนิทกันก็ต้องเทคแคร์กันอยู่แล้ว เรากลั้นใจละเดินออกมา ท่องไว้ว่าอนาคตเราต้องรู้จักกับคนพวกนี้ไปอีกนาน ทำใจและยอมรับ อีกอย่างเราไม่ได้เจอกับพวกเค้าบ่อยหรอก ทนเอาแฟนเราเป็นคนดีคนที่เราคิดว่าหาเขาไม่เจอแล้วกับผู้ชายสมัยนี้
ไม่สนิทกับญาติฝั่งครอบครัวแฟนแต่โดนแซวว่า “คราวหลังก็อย่าลืมพกปากมาด้วยนะ หยอกๆ”
ตอนแรกกะว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เตือนสติตัวเอง แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามขึ้นมาในหัว
เรามีแฟนที่น่ารักและทะนุถนอมเราอย่างดีคบกันมาหลายปีแล้ว(ไม่บอก) เราชอบไปมาหาสู่
กับครอบครัวของแฟนบ่อยๆ แต่เราไม่สนิทกับเครือญาติฝั่งครอบครัวเขาเลย
ขอท้าวความก่อนนะคะ
เราทำงานและเรียนไปด้วยค่ะ บ้านครอบครัวเอ็นดูเรามาก มีอยู่ช่วงนึงที่เรามีปัญหาเรื่องหอพักกับรูมเมท
ที่บ้านเค้าก็อนุญาให้เราไปพักอาศัยที่บ้านเค้า เราก็คิดว่าจะอยู่ไม่นานค่ะจนผ่านไปเกือบปีได้เลยที่อยู่กับที่บ้านเค้า
เราป่วยเค้าคอยมาส่องดูแลและอีกหลายๆเรื่องเลย เค้าดีกับเรามากจนเราเกรงใจที่จะอยู่จนวันนึงตัดสินใจไว้ว่า“เราไม่อยากเป็นภาระของที่บ้านแฟน”
เราก็เลยหาหออยู่ ก่อนออกครอบครัวที่บ้านเค้าก็เศร้ากัน บอกว่าอยู่ต่อได้มาเมื่อไหร่ก็ได้แต่เราเกรงใจเลยบ่ายเบี่ยงไป
พ่อแม่แฟนเป็นสายกิจกรรมของหมู่บ้านเลยก็ว่าได้เพื่อนบ้าน ญาติมิตรของเขาเยอะมาก คนนั้นคนนี้แวะเวียนมาทักทาย
เค้าเคยพาเราไปรู้จักญาติๆคนอื่น แต่ก็รู้จักแค่บนโต๊ะทานข้าวแค่วันนั้นคืนเดียว ผ่านมาเป็นปีวนมาเจอกันอีกก็จำไม่ได้แล้ว
และเราก็ไม่สนิทกับใครเลย ด้วยความที่เราเป็นคนที่บุคลิกนิ่งเงียบกับคนแปลกหน้า แต่เอาจริงเราอยากให้ชวนเราคุยก่อนนะเราถึงจะกล้าเปิดปาก
เรากลัวเวลาที่เราชวนใครสักคนคุยแล้วเค้าดูไม่อยากคุยด้วยเราก็แอบรู้สึกว่าตัวเองดูเสร่อมาก(เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยจนฝังใจมั้ง)
เราชวนคุยไม่เก่งเลย แต่ที่บ้านก็มีพี่สาวที่เป็นแฟนพี่ชายของแฟน(พี่สะใภ้) เราเจอกับพี่เค้าบ่อยสุดแต่ก็ไม่สนิทอยู่ดี เวลาเราเจอกับพี่เค้า พี่เค้าดูดุแปลกๆ
เวลาคุยกับเรา(มีหลายเหตุการณ์มากที่อยู่ๆเราก็กลายเป็นสนามอารมณ์) ฟีลเราเดินเข้ามาแล้วโตนตวาดใส่แบบโมโหไม่รู้โมโหอะไรเหมือนกัน เราก็แบบ
แอบกลัวและงงด้วยเวลาเราคุยกันกับครอบครัวพี่เค้าก็คุยกับเราดีนะแต่น้อยที่จะคุยกัน ไม่สนิทขั้นสุดแต่ป้ะหน้ากันบ่อยสุด
เราอ่ะเวลาอยู่ข้างนอกหรือบางทีหน้าตาเรา เราเผลอหลุดโฟกัสละอาจจะทำหน้าตาบึ้งตึงใส่เราไม่รู้ตัวเลย นี่อาจจะเป็นปัญหา
ล่าสุดเราไปทานอาหารกับที่บ้านเค้าแล้วมีญาติฝั่งแฟนมาด้วยเราจำใครไม่ได้เลย แต่รู้แค่ว่าคนในโต๊ะสนิทกันหมดยกเว้นเราเค้าคุยกันสนิทสนมส่วนเรานั่งเงียบกินข้าว เพราะไม่รู้จะคุยกับใครจะปฏิบัติตัวยังไงดี ทุกครั้งเลยที่เราก้าวเข้าไปอยู่กับบทสนทนาที่มีญาติฝั่งเค้าอยู่ด้วย เรารู้สึกไม่ใช่ที่ของเรา เรากดดันแบบอึดอัดไปหมดครอบครัวฝั่งแฟนเทคแคร์เราดีนะ แต่เรารู้สึกว่าเราเป็นส่วนเกินในจุดนี้ เราไม่มีเพื่อนคุย เราตัวคนเดียวงี้ บางครั้งก็ทำทีก้มมองดูโทรศัพท์แต่ความจริงคือกลั้นอยู่บอกตัวเองว่า“ไม่เป็นไรอย่าร้องเรื่องแค่นี้เอง ถ้าเราไม่ทำความรู้จักเราจะเข้ากับคนอื่นได้ไง” (เรามีปมกับครอบครัวของตัวเองตอนวัยเด็กด้วย) ในใจเราก็นึกว่ารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เราอยู่ที่นี่ทำไม เราทำอะไรอยู่ เรากลัวไปหมด ญาติเค้าก็มองเราแบบงงๆว่าเด็กนี่ใคร คือเรารับรู้ถึงสายตาที่เค้ามองที่เค้าอ่านเราอยู่ในนั้น แทบจะร้องตอนนั้น เราต้องทนจนครอบครัวเราแยกย้ายกันกลับ พอช่วงที่จะกลับกันแล้วก็สวัสดีรำ่ลากันกับญาติฝั่งครอบครัวแฟน คุณป้าแกก็เดินมาพูดว่า“คราวหลังหนูก็พกปากมาด้วยนะลูก”และได้ยินคำว่าหยอกนะ เห็นไม่คุยกับใครเลยจังหวะนั้นเราเดินสับเลยทำท่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ใจนึงก็คิดว่าคนแก่อะเนาะแกคงไม่รู้หรอกว่าคำพูดที่พูดออกไปมันกัดกร่อนใจเรา แต่อีกใจนึงคือเราก็แบบถ้าไม่ติดที่มันเป็นงานครอบครัวเราก็ไม่มาหรอกรู้ทั้งรู้ว่าต้องเจอแบบนี้แต่เราก็มา (คำพูดของเค้าจี้ปมวัยเด็กของเราที่โดนญาติตัวเองแซะด้วยคำพูดแบบนี้เลย ดอนเด็กโดนเยอะ คนสมัยเก่าเค้าไม่รู้ตัวจริงๆว่าพูดอะไรออกไป)ในใจเราแอบคิดว่าก็เราตัวคนเดียวไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วยตรงนี้ขนาดญาติเราเองที่เป็นน้าแท้ๆที่เราคิดว่าแสนดีคอยอยู่ข้างเรายังเคยเข้าใจเราผิดว่าเราพูดไม่ดีกับเค้าโดนก่นด่าสารพัด เค้าก็อ้างว่าเค้าเครียดเรื่องครอบครัวเค้าไม่พอยังจะมาโดนเราพูดไม่ดีใส่อีก(คืองง ตอนนั้นคือเรายังไม่ได้แม้จะอธิบายก็โดนเข้าใจผิดแล้ว) ตัดมา มีแค่ฝั่งพ่อแม่แฟนที่คอยดูแลเรา ญาติเค้าคนสนิทกันก็ต้องเทคแคร์กันอยู่แล้ว เรากลั้นใจละเดินออกมา ท่องไว้ว่าอนาคตเราต้องรู้จักกับคนพวกนี้ไปอีกนาน ทำใจและยอมรับ อีกอย่างเราไม่ได้เจอกับพวกเค้าบ่อยหรอก ทนเอาแฟนเราเป็นคนดีคนที่เราคิดว่าหาเขาไม่เจอแล้วกับผู้ชายสมัยนี้