ตอนที่ 23 ฟองสบู่ดอตคอม ค.ศ.1990-1999

แล้วโลกที่กว้างใหญ่ก็ถูกเชื่อมต่อกันได้เพียง
ปลายนิ้ว..เวิลด์ไวด์เว็บ (มาจากคำว่า World Wide Web เขียนย่อว่า WWW) ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1989 จากห้องวิจัยของสถาบัน CERN ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ปีหลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1991 สาธารณชนจึงสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้เป็นครั้งแรก ในตอนนั้นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว

เมื่อผู้คนสามารถเข้าสู่โลกออนไลน์ได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้คอมพิวเตอร์ จากที่ถูกมองว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย กลับกลายเป็นสิ่งของจำเป็นภายในเวลาไม่นาน

อัตราการครอบครองคอมพิวเตอร์ในสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 35% รวมทั้งอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศพัฒนาแล้ว ก็เพิ่มขึ้นจาก 11%เป็น 31% ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ในปี ค.ศ. 1995 - ค.ศ. 1999 เป็นยุคที่บริษัทเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยี เฟื่องฟูเป็นอย่างมาก

ธุรกิจใหม่ๆ ในโลกออนไลน์ เกิดขึ้นมากมาย เพราะเป็นช่องทางทำตลาดใหม่ที่มีต้นทุนต่ำกว่าเดิม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทที่มีชื่อลงท้ายด้วย .com จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นพิเศษ

Amazon ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1994

ก่อตั้งขึ้นโดย เจฟฟ์ เบโซส เริ่มต้นจากการเป็นร้านขายหนังสือออนไลน์ ก่อนที่จะค่อยๆ ขยายไปขายสินค้าอื่นๆ จนแทบจะมีขายทุกอย่าง และกลายเป็น
บริษัทค้าปลีกบนอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Google ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1998
เป็นผู้ให้บริการ Search Engine ซึ่งก่อตั้งโดย แลร์รี เพจ และ เซอร์เกย์ บริน โดยผ่านการระดมทุนจากเพื่อน และครอบครัวของทั้งสองผู้ก่อตั้ง การพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีไม่ได้มีแต่เพียงฝั่งสหรัฐอเมริกา ข้ามมาอีกซีกโลกประเทศจีนที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็เป็นแหล่งบ่มเพาะบริษัทเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน

Tencent ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1998

ก่อตั้งโดย โพนี หม่า ในช่วงแรกให้บริการเกี่ยวกับ System Integration หรือบริการวางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายสำหรับองค์กรเป็นหลัก
จนภายหลังได้นำแนวคิดมาจากโปรแกรมแช็ตตัวแรกของโลก คือ ICQ มาทำ เป็นผลิตภัณฑ์แรกของบริษัทคือโปรแกรมแช็ตภาษาจีนในชื่อ
ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น QQ)

Alibaba Group ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1999

OICQ ก่อตั้งขึ้นโดย แจ๊ก หม่า และคนอื่นๆ รวม 17 คน โดยเริ่มต้นจากการสร้างเว็บไซต์ Alibaba.com เพื่อช่วยจับคู่การค้าระหว่างผู้ผลิตในจีนกับผู้ซื้อในต่างประเทศ ในขณะที่ความเฟื่องฟูทางเทคโนโลยีนำความมั่งคั่งมาสู่โลกทุนนิยมเสรี
ฝั่งโลกคอมมิวนิสต์ โดยเฉพาะในยุโรปตะวันออก ซึ่งต้องจมอยู่กับปัญหาทางเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์มานานหลายทศวรรษก็ถึงจุดแตกหักในที่สุด

หลังการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน เยอรมนีตะวันตกและเยอรมนีตะวันออกได้รวมกันเป็นประเทศเยอรมนี ในปี ค.ศ. 1991 และใช้ระบบ
เศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรีตามแบบอดีตเยอรมนีตะวันตก

พรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศยุโรปตะวันออกล้วนพ่ายแพ้ และต่างเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจเป็นแบบทุนนิยมเสรี

ส่วนสหภาพโซเวียต ต้องพบกับจุดจบในปี ค.ศ. 1991 และแตกเป็นประเทศน้อยใหญ่กว่า 15 ประเทศ

รัสเซีย ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียต มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมากมายภายในชั่วข้ามคืน จนส่งผลให้รัฐวิสาหกิจหลายแห่งประสบปัญหาและฉุดให้เศรษฐกิจของรัสเซียต้องดิ่งลง
ประชากรโลกเพิ่มขึ้นจนมีจำนวนเกิน 6 พันล้านคนเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1999 แต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตก็ทำให้อันดับของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดต้องเปลี่ยนแปลงไป

โดยประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ในปี ค.ศ. 1999 ประกอบไปด้วย...

สาธารณรัฐประชาชนจีน 1,267 ล้านคน
อินเดีย 998 ล้านคน
สหรัฐอเมริกา 276 ล้านคน
อินโดนีเซีย 209 ล้านคน
บราซิล 170 ล้านคน

ทางฝั่งทวีปเอเชียหนี้สูญเกิดขึ้นทั่วประเทศญี่ปุ่น นำมาสู่การล้มของภาคธุรกิจเอกชน คนว่างงานในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เคยพุ่งสูงก็ลดลงอย่างฮวบฮาบ ดัชนีนิกเกอิเดินทางมาถึงจุดสูงสุดในปี ค.ศ. 1989 ก่อนจะลดลงกว่า 38% ในช่วงปี ค.ศ. 1990 หลังจากนั้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็แทบหยุดเจริญเติบโตมาเป็นเวลากว่า 30 ปี

ประเทศที่มีขนาด GDP มากที่สุดในปี ค.ศ. 1999 เมื่อเทียบเป็นมูลค่าในปี ค.ศ. 2018...

สหรัฐอเมริกา 461.6 ล้านล้านบาท
ญี่ปุ่น 217.5 ล้านล้านบาท
เยอรมนี 105.2 ล้านล้านบาท
สหราชอาณาจักร 78.9 ล้านล้านบาท
ฝรั่งเศส 71.6 ล้านล้านบาท

แต่วิกฤติฟองสบู่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงประเทศญี่ปุ่นยังเกิดขึ้นที่ประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะในแถบเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ ซึ่งมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการเกิดวิกฤติในขณะนั้น ประเทศไทยใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อสกุลดอลลาร์สหรัฐแบบคงที่ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วและต่อเนื่อง นํามาสู่ความเชื่อมั่นที่มากเกินไป ทั้งสถาบันการเงินและธุรกิจขนาดใหญ่ต่างแห่กันกู้เงินระยะสั้นดอกเบี้ยถูก
จากต่างประเทศมาแสวงหาผลตอบแทน ทั้งการเก็งกําไรตลาดหุ้น และปั่นราคาอสังหาริมทรัพย์จนกลายเป็นฟองสบู่ก้อนโตที่มองไม่เห็น สัดส่วนหนี้ระยะสั้นจากต่างประเทศ จึงเพิ่มอย่างรวดเร็วจนมีมากกว่าเงินทุนสํารองระหว่างประเทศ

เมื่อนักเก็งกําไรจากต่างชาติเห็นความเสี่ยงนี้ก็เริ่มโจมตี จอร์จ โซรอส นักเก็งกําไร เฝ้าดูมาตลอดว่าค่าเงินบาทไทยจะต้องอ่อนค่า กองทุน Quantum Fund ของเขาจึงได้ทําการชอร์ต (การทํากําไรจากขาลง) เงินบาทอย่างมหาศาล ไม่ใช่แค่เพียงค่าเงินบาท แต่ทั้งค่าเงินริงกิตของมาเลเซีย ค่าเงินรูเปียของอินโดนีเซีย ก็โดนโจมตีในลักษณะเดียวกัน
ฉุดให้เศรษฐกิจไทยและประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กําลัง เจริญเติบโต ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จนท้ายที่สุด ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงต้องประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ในปี ค.ศ. 1997

ส่งผลให้สถาบันการเงินและธุรกิจต่างๆ มีหนี้เพิ่มขึ้นมหาศาล หลายกิจการ ปิดตัวลง นักลงทุนทิ้งหุ้นไทย ตลาดหุ้นตกระเนระนาด ต่างชาติขายเงินบาท เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง บริษัทไทยที่เหลือรอด จัดการลดต้นทุน ปลดคนงาน อัตราว่างงานเพิ่ม คนไม่มีเงินใช้ คนที่มีก็ไม่ใช้ ตลาดหุ้นยังตกต่อเนื่อง วนลูปไปเรื่อยๆ
แต่วิกฤติในทศวรรษนี้ก็ยังไม่สิ้นสุด และเป็นฟองสบู่ลูกใหญ่ที่สุดในหลายทศวรรษ...

ต้องย้อนกลับไปยังบริษัทเทคโนโลยีที่กําลังเฟื่องฟู
บริษัทเหล่านี้ ซึ่งล้วนยังมีขนาดเล็ก และไม่สามารถไปจดทะเบียนในตลาด ใหญ่อย่าง New York Stock Exchange (NYSE) ได้ จึงต้องจดทะเบียนใน ตลาดหุ้น Nasdaq เพื่อระดมทุน

แต่สิ่งที่ตามมา คือความคาดหวังที่สูงของนักลงทุน จนเกิดเป็นภาวะฟองสบู่ขึ้น เริ่มต้นปี ค.ศ. 1995 ดัชนี Nasdaq อยู่ที่ระดับ 745 จุด จากนั้นตลาด ก็เป็นขาขึ้นตลอด 5 ปี หรือเฉลี่ยราว 47% ต่อปี
ที่น่าสนใจคือ ตลาดนี้ซื้อขายกันที่ราคา P/E เฉลี่ย 200 เท่า

P/E คือ อัตราส่วนราคาต่อกําไรใน 1 ปีย้อนหลัง
P/E 200 หมายความว่า หุ้นของบริษัทนั้นซื้อขายกันที่ราคา 200 บาท ในขณะที่กําไร 1 ปีล่าสุดของบริษัทนั้นมีแค่ 1 บาท ถ้าบริษัทกําไรเท่าเดิม จะต้องใช้เวลา 200 ปีในการทําเงินเท่าราคาที่จ่ายไป อย่างไรก็ตาม บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง ซึ่งมักเรียกว่า บริษัทดอตคอม มักใช้แผนกลยุทธ์ที่เน้นการเติบโต โดยจะสร้างฐานลูกค้าให้ได้มากที่สุดก่อน แม้จะต้องขาดทุนตอนแรก

ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในราคาที่ถูก และมุ่งเน้นโฆษณาแบรนด์ตัวเอง ให้เป็นที่จดจํา เพื่อหวังผลกําไรที่ดีในอนาคต แต่เมื่อความคาดหวังนั้นสูงเกินไป และกําไรของบริษัทโตไม่ทัน อีกทั้งหลายบริษัทก็มีข่าวการตกแต่งบัญชี ทําให้สุดท้าย การเก็งกําไร ต้องมาถึงจุดสิ้นสุด

สหัสวรรษใหม่กําลังเปิดฉากขึ้น

พร้อมกับวิกฤติที่เรียกว่า ฟองสบู่ดอตคอม เป็นวิกฤติลูกใหม่ ที่เป็นเรื่องราวใหม่ แต่ไม่ต่างอะไรจากยุคก่อนที่มีต้นเหตุเหมือนกัน นั่นก็คือ ความโลภของมนุษย์

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่