ทำสมาธิ อย่าทำด้วยความอยาก
"ตั้งใจทำสมาธิเกินไป ก็กลายเป็นความอยาก
แต่ว่า...พวกเราทุก ๆ คนมันร้อนเหมือนกันนะ
มันร้อน พอทำปุ๊บก็อยากให้มันไปไวๆไม่อยากจะอยู่ช้า อยากจะไปหน้า
การกำหนดตั้งใจหาสมาธินี้...
บางคน จึงตั้งใจเกินไป บางคนถึงกับอธิษฐานเลยจุดธูปปักลงไปกราบลงไป
ถ้าธูปดอกนี้ไม่หมด ข้าพเจ้าจะไม่ลุกจากที่นั่งเป็นอันขาด มันจะล้มมันจะตายมันจะเป็นอย่างไร ก็ช่างมัน จะตายอยู่ที่นี้แหละ!
พออธิษฐานตั้งใจปุ๊บ ก็นั่ง...
มันก็เข้ามารุมเลย พญามารนั่งแพล๊บเดียวเท่านั้นละ ก็นึกว่า...ธูปมันคงจะหมดแล้ว
เลยลืมตาขึ้นดูสักหน่อย โอ้โฮยังเหลือเยอะกัดฟันเข้าไปอีก มันร้อนมันรนมันวุ่นมันวาย ไม่รู้ว่าอะไรอีกเต็มทีแล้ว
นึกว่ามันจะหมด ลืมตาดูอีก
โอ้โฮ ยังไม่ถึงครึ่งเลย สองทอดสามทอด
ก็ไม่หมด เลยเลิกเสีย เลิก ไม่ทำ
นั่งคิดอาภัพอับจน แหมตัวเองมันโง่เหลือเกิน
มันอาภัพ มันอย่างโน้นอย่างนี้
นั่งเป็นทุกข์ว่า ตัวเองเป็นคนไม่จริง
คน

คน

คนอะไรต่ออะไร
วุ่นวาย ก็เลยเกิดเป็นนิวรณ์
นี่ก็เรียกว่า...ความพยาบาทเกิด ไม่พยาบาทคนอื่นก็พยาบาทตัวเอง อันนี้! ก็เพราะอะไร เพราะความอยาก
ทำสมาธิ...ด้วยการปล่อยวาง
อย่าทำด้วยความอยาก.ความเป็นจริงนั้นนะ ไม่ต้องไปทำถึงขนาดนั้นหรอก ความตั้งใจนะ คือตั้งใจในการปล่อยวาง ไม่ต้องตั้งใจในการผูกมัดอย่างนั้น...อันนี้...เราไปอ่านตำรา เห็น
ประวัติพระพุทธเจ้าว่า ท่านนั่งลงที่ใต้ต้นโพธิ์นั้น...ท่านอธิษฐานจิตลงไปว่าไม่ตรัสรู้ตรงนี้
จะไม่ลุกหนีเสียแล้ว แม้ว่าเลือด มันจะไหลออกมา อะไรก็ตามทีเถอะ
ได้ยินคำนี้เพราะไปอ่านดู แหม! เราก็จะเอาอย่างนั้นเหมือนกัน จะเอาอย่างพระพุทธเจ้าเหมือนกัน นี่! ไม่รู้เรื่องว่า...รถของเรามันเป็นรถเล็กๆ รถของท่านมันเป็นรถใหญ่ ท่านบรรทุกทีเดียวก็หมด เราเอารถเล็กไปบรรทุกทีเดียว มันจะหมดเมื่อไหร่ มันคนละอย่างกัน
เพราะอะไรมันถึงเป็นอย่างนั้น...มันเกินไป บางที มันก็ต่ำเกินไป
บางที มันก็สูงเกินไป ที่พอดีๆ มันหายาก."
"สัมมาปฏิปทา ปฏิบัติสม่ำเสมอ"
หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง
ทำสมาธิ อย่าทำด้วยความอยาก" ตั้งใจทำสมาธิเกินไป ก็กลายเป็นความอยาก
"ตั้งใจทำสมาธิเกินไป ก็กลายเป็นความอยาก
แต่ว่า...พวกเราทุก ๆ คนมันร้อนเหมือนกันนะ
มันร้อน พอทำปุ๊บก็อยากให้มันไปไวๆไม่อยากจะอยู่ช้า อยากจะไปหน้า
การกำหนดตั้งใจหาสมาธินี้...
บางคน จึงตั้งใจเกินไป บางคนถึงกับอธิษฐานเลยจุดธูปปักลงไปกราบลงไป
ถ้าธูปดอกนี้ไม่หมด ข้าพเจ้าจะไม่ลุกจากที่นั่งเป็นอันขาด มันจะล้มมันจะตายมันจะเป็นอย่างไร ก็ช่างมัน จะตายอยู่ที่นี้แหละ!
พออธิษฐานตั้งใจปุ๊บ ก็นั่ง...
มันก็เข้ามารุมเลย พญามารนั่งแพล๊บเดียวเท่านั้นละ ก็นึกว่า...ธูปมันคงจะหมดแล้ว
เลยลืมตาขึ้นดูสักหน่อย โอ้โฮยังเหลือเยอะกัดฟันเข้าไปอีก มันร้อนมันรนมันวุ่นมันวาย ไม่รู้ว่าอะไรอีกเต็มทีแล้ว
นึกว่ามันจะหมด ลืมตาดูอีก
โอ้โฮ ยังไม่ถึงครึ่งเลย สองทอดสามทอด
ก็ไม่หมด เลยเลิกเสีย เลิก ไม่ทำ
นั่งคิดอาภัพอับจน แหมตัวเองมันโง่เหลือเกิน
มันอาภัพ มันอย่างโน้นอย่างนี้
นั่งเป็นทุกข์ว่า ตัวเองเป็นคนไม่จริง
คน
วุ่นวาย ก็เลยเกิดเป็นนิวรณ์
นี่ก็เรียกว่า...ความพยาบาทเกิด ไม่พยาบาทคนอื่นก็พยาบาทตัวเอง อันนี้! ก็เพราะอะไร เพราะความอยาก
ทำสมาธิ...ด้วยการปล่อยวาง
อย่าทำด้วยความอยาก.ความเป็นจริงนั้นนะ ไม่ต้องไปทำถึงขนาดนั้นหรอก ความตั้งใจนะ คือตั้งใจในการปล่อยวาง ไม่ต้องตั้งใจในการผูกมัดอย่างนั้น...อันนี้...เราไปอ่านตำรา เห็น
ประวัติพระพุทธเจ้าว่า ท่านนั่งลงที่ใต้ต้นโพธิ์นั้น...ท่านอธิษฐานจิตลงไปว่าไม่ตรัสรู้ตรงนี้
จะไม่ลุกหนีเสียแล้ว แม้ว่าเลือด มันจะไหลออกมา อะไรก็ตามทีเถอะ
ได้ยินคำนี้เพราะไปอ่านดู แหม! เราก็จะเอาอย่างนั้นเหมือนกัน จะเอาอย่างพระพุทธเจ้าเหมือนกัน นี่! ไม่รู้เรื่องว่า...รถของเรามันเป็นรถเล็กๆ รถของท่านมันเป็นรถใหญ่ ท่านบรรทุกทีเดียวก็หมด เราเอารถเล็กไปบรรทุกทีเดียว มันจะหมดเมื่อไหร่ มันคนละอย่างกัน
เพราะอะไรมันถึงเป็นอย่างนั้น...มันเกินไป บางที มันก็ต่ำเกินไป
บางที มันก็สูงเกินไป ที่พอดีๆ มันหายาก."
"สัมมาปฏิปทา ปฏิบัติสม่ำเสมอ"
หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง