การนั่งสมาธิ...โดยหลวงพ่อชา สุภัทโท
การนั่งสมาธินี่ สิ่งที่ไม่น่าผิดก็ผิดได้ เช่น เวลานั่งเราตั้งใจว่า “เอาละ จะเอาให้มันแน่ๆ ดูที” เปล่า ! วันนั้นไม่เรื่องเลย แต่คนเราชอบทำอย่างนั้น อาตมาเคยสังเกตมันเป็นของมันเอง เช่น บางคืนพอเริ่มนั่งก็นึกว่า “เอาละ วันนี้อย่างน้อยตีหนึ่งจึงจะลุก” คิดอย่างนี้ก็บาปแล้ว เพราะว่าไม่นานหรอก เวทนามันรุมเอาเกือบตาย
มันดีเวลานั่ง โดยไม่ต้องเกณฑ์ ไม่มีที่จุดหมาย ทุ่มหนึ่ง สองทุ่ม สามทุ่ม ก็ช่างมัน นั่งไปเรื่อยๆ วางเฉยไว้ อย่าบังคับมัน อย่าไปหมายมั่น อย่าไปบังคับหัวใจว่า จะเอาให้มันแน่ๆ มันก็ยิ่งไม่แน่ ให้เราวางใจสบายๆ หายใจก็ให้พอดี อย่าเอาสั้นเอายาว อย่าไปแต่งมัน กายก็ให้สบาย ทำเรื่อยไป
ถ้าดีให้รู้ว่าดี ถ้าไม่ดีให้รู้ว่าไม่ดี อันนี้เป็นของสมมติบัญญัติ ถึงจะดีจะชั่ว ก็เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งนั้น เป็นของไม่แน่นอน ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น อ่านคาถานี้ไว้ด้วย ถ้าทำได้อย่างนี้เรื่อยๆ ไป ปัญญาจะเกิดเอง
ความยึดมั่นถือมั่นเป็นกิเลสจริง ๆ เพราะวางจิตใจไม่ถูก บางคนนั้นเวลานั่งจุดธูปไว้ข้างหน้าคิดว่า “ธูปดอกนี้ไหม้หมดจึงจะหยุด” แล้วนั่งต่อไป พอนั่งไปได้ ๕ นาที ดูเหมือนนานตั้งชั่วโมง ลืมตามองไปดูธูป ไม่ได้เรื่องอะไรเลย อย่า...อย่าไปทำ มันเหมือนกับลิงจิตเลยไม่ต้องทำอะไร นึกถึงแต่ธูปที่ปักไว้ข้างหน้าว่าจวนจะไหม้หมดหรือยังหนอ นี่มันเป็นอย่างนี้
เราอย่าไปหมาย...นั่งไปไม่ถึงชั่วโมงต้องร้อนรนออกจากสมาธิ แล้วก็เกิดนิวรณ์ว่า “แหม...มันจะตายหรือยังกันนา...ว่าจะเอาให้มันแน่ มันก็ไม่แน่นอน ตั้งสัจจะไว้ก็ไม่ได้ดั่งตั้ง” คิดทุกข์ใส่ตัวเอง ด่าตัวเอง พยาบาทตัวเอง ไม่มีคนพยาบาทก็ทุกข์อีกนั่นแหละ
ถ้าได้อธิฐานแล้ว ต้องเอาให้มันรอดตายหรือตายโน่น อย่าไปหยุดมันจึงจะถูก
เราค่อยทำค่อยไปเสียก่อน ไม่ต้องอธิษฐาน พยายามฝึกหัดไป บางครั้งจิตสงบ ความเจ็บปวดทางร่างกายก็หยุด เรื่องปวดแข้งปวดขามันหายไปเอง
โอวาทธรรม หลวงพ่อชา สุภัทโท
โบราณจารย์ท่านว่า... อย่าตั้งสัจนะขาดทุน
เริ่มฝึกต้องรู้จักประมาณตน
นั่งสมาธิ ปล่อยใจให้สบาย อย่าเร่งรัด อย่าเคร่งเครียด
การนั่งสมาธินี่ สิ่งที่ไม่น่าผิดก็ผิดได้ เช่น เวลานั่งเราตั้งใจว่า “เอาละ จะเอาให้มันแน่ๆ ดูที” เปล่า ! วันนั้นไม่เรื่องเลย แต่คนเราชอบทำอย่างนั้น อาตมาเคยสังเกตมันเป็นของมันเอง เช่น บางคืนพอเริ่มนั่งก็นึกว่า “เอาละ วันนี้อย่างน้อยตีหนึ่งจึงจะลุก” คิดอย่างนี้ก็บาปแล้ว เพราะว่าไม่นานหรอก เวทนามันรุมเอาเกือบตาย
มันดีเวลานั่ง โดยไม่ต้องเกณฑ์ ไม่มีที่จุดหมาย ทุ่มหนึ่ง สองทุ่ม สามทุ่ม ก็ช่างมัน นั่งไปเรื่อยๆ วางเฉยไว้ อย่าบังคับมัน อย่าไปหมายมั่น อย่าไปบังคับหัวใจว่า จะเอาให้มันแน่ๆ มันก็ยิ่งไม่แน่ ให้เราวางใจสบายๆ หายใจก็ให้พอดี อย่าเอาสั้นเอายาว อย่าไปแต่งมัน กายก็ให้สบาย ทำเรื่อยไป
ถ้าดีให้รู้ว่าดี ถ้าไม่ดีให้รู้ว่าไม่ดี อันนี้เป็นของสมมติบัญญัติ ถึงจะดีจะชั่ว ก็เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งนั้น เป็นของไม่แน่นอน ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น อ่านคาถานี้ไว้ด้วย ถ้าทำได้อย่างนี้เรื่อยๆ ไป ปัญญาจะเกิดเอง
ความยึดมั่นถือมั่นเป็นกิเลสจริง ๆ เพราะวางจิตใจไม่ถูก บางคนนั้นเวลานั่งจุดธูปไว้ข้างหน้าคิดว่า “ธูปดอกนี้ไหม้หมดจึงจะหยุด” แล้วนั่งต่อไป พอนั่งไปได้ ๕ นาที ดูเหมือนนานตั้งชั่วโมง ลืมตามองไปดูธูป ไม่ได้เรื่องอะไรเลย อย่า...อย่าไปทำ มันเหมือนกับลิงจิตเลยไม่ต้องทำอะไร นึกถึงแต่ธูปที่ปักไว้ข้างหน้าว่าจวนจะไหม้หมดหรือยังหนอ นี่มันเป็นอย่างนี้
เราอย่าไปหมาย...นั่งไปไม่ถึงชั่วโมงต้องร้อนรนออกจากสมาธิ แล้วก็เกิดนิวรณ์ว่า “แหม...มันจะตายหรือยังกันนา...ว่าจะเอาให้มันแน่ มันก็ไม่แน่นอน ตั้งสัจจะไว้ก็ไม่ได้ดั่งตั้ง” คิดทุกข์ใส่ตัวเอง ด่าตัวเอง พยาบาทตัวเอง ไม่มีคนพยาบาทก็ทุกข์อีกนั่นแหละ
ถ้าได้อธิฐานแล้ว ต้องเอาให้มันรอดตายหรือตายโน่น อย่าไปหยุดมันจึงจะถูก
เราค่อยทำค่อยไปเสียก่อน ไม่ต้องอธิษฐาน พยายามฝึกหัดไป บางครั้งจิตสงบ ความเจ็บปวดทางร่างกายก็หยุด เรื่องปวดแข้งปวดขามันหายไปเอง
โอวาทธรรม หลวงพ่อชา สุภัทโท
โบราณจารย์ท่านว่า... อย่าตั้งสัจนะขาดทุน
เริ่มฝึกต้องรู้จักประมาณตน