💗ตลาดผู้บริบริโภคจีนปี 2025 กำลังเกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ และครั้งนี้ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วย "ราคา" อีกต่อไป ลืมภาพจำของ 11.11 ที่ต้องแย่งกันช้อปของถูกไปได้เลย... ยุคนี้คือยุคของ "การบริโภคเชิงอารมณ์" (Emotional Consumption) ที่ "ความรู้สึก" และ "ความสุขใจ" มีอานุภาพมากกว่าส่วนลด
.
ปรากฏการณ์นี้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ในจีน ทองคำไม่ใช่ของสำหรับแต่งงาน แต่กลายเป็น "ของขวัญเพื่อการรักตัวเอง" บริการ "เพื่อน AI" กลายเป็นที่พึ่งยามเหงา Art Toys กลายเป็นของสะสมที่บอกตัวตน และคอร์สบำบัดใจกลายเป็นสิ่งจำเป็น
.
ข้อมูลชี้ชัดว่า วัยรุ่นจีนกว่า 90% ตระหนักถึง "คุณค่าทางอารมณ์" และเกือบ 60% "พร้อมจ่าย" เพื่อมัน
.
■ ทำไมต้อง "ซื้อความสุข"
.
เพราะคนหนุ่มสาวกำลังแบกรับ 3 แรงกดดันหลักๆ ได้แก่การแข่งขันด้านการเรียน การทำงาน และความกังวลต่อสังคม การชอปปิงจึงไม่ใช่แค่การซื้อของ แต่คือการ "บำบัด" และ "ปลอบประโลม" จิตใจที่เหนื่อยล้า
.
■ พวกเขา "ซื้อ" อะไรกันบ้าง
.
1️⃣ สินค้าที่จับต้องได้: จากเน้น "ฟังก์ชัน" มาสู่ "แสดงตัวตน"
.
➡️ Art Toys มาแรง: ไม่ใช่แค่ของเล่น แต่คือ "การแสดงออก" เคส "Labubu" ของ Pop Mart คือตำนาน ที่แค่ซีรีส์เดียวก็สร้างยอดขายมหาศาล และกลายเป็นแบรนด์จีนแรกที่ได้เปิดในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เพราะมันเชื่อมโยงกับความรู้สึก "น่ารักแบบแปลกๆ" (Ugly-cute) ของ Gen Z
.
➡️ ทองคำที่เปลี่ยนไป: ตลาดทองคำถูกขับเคลื่อนโดยผู้หญิงอายุ 24-30 ปี และที่ซื้อเพราะ "อยากใส่เองให้ใจฟู" ไม่ใช่เพื่อแต่งงาน การใช้ IP ดังๆ (อย่างเกมหรือ NBA) มาทำสินค้าทอง ก็เปลี่ยนทองจาก "สินทรัพย์" สู่ "สิ่งที่สะท้อนตัวตน"
.
➡️ เครื่องใช้ไฟฟ้าฮีลใจ: แม้แต่เครื่องล้างผัก หรือเครื่องกรองน้ำ ก็ขายดีขึ้น 40% เพราะมันมอบ "ความรู้สึก" ของการมี "ชีวิตที่ดี" และ "ความใส่ใจ"
.
2️⃣ บริการที่มองไม่เห็น: เน้น "เติมเต็ม" ส่วนที่ขาด
.
➡️ เพื่อน AI ยอดฮิต: ยอดค้นหา "เพื่อน AI" ในแอปอย่าง Soul พุ่งสูงถึง 225,056 เท่า! คนหนุ่มสาวยอมจ่ายเงินคุยกับ AI เพื่อ "การตอบสนองทันที" และ "การเชื่อมโยง" ที่หาได้ยากในโลกจริง
.
➡️ ซื้อ "ประสบการณ์" ที่เป็นส่วนตัว: ยอดขาย "Gimbal Screen" (จออัจฉริยะเคลื่อนที่) โต 403% หรือการแห่ไปดูคอนเสิร์ตและลงคอร์สบำบัด (ยอดค้นหาโต 86%) ทั้งหมดนี้คือการสร้าง "ที่หลบภัยทางอารมณ์" (Emotional Safe Harbor) ของตัวเอง
.
■ หัวใจของยุคใหม่ จาก "คุ้มค่า" สู่ "คุ้มต่อจิตใจ"
.
นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ เห็นได้จากคนรุ่นพ่อแม่: มองหาความคุ้มค่า ซึ่งหมายถึงราคาต่อประสิทธิภาพ แต่คนเจน Z มองหาความคุ้มใจ ซึ่งหม่ยถึงอารมณ์ต่อราคา
.
พวกเขายอมจ่ายแพงกว่า... ถ้าสินค้านั้น "สื่อสาร" กับเขาได้ "บำบัด" เขาได้ หรือ "สะท้อนคุณค่า" ที่เขายึดถือ รายงานฉบับหนึ่งชี้ว่า เจน Z 46.8% มองว่าการชอปปิงเชิงอารมณ์คือ "ยารักษาความเครียด" ชั้นดี
.
■ ด้านมืดที่ต้องระวัง
.
แน่นอนว่าเทรนด์นี้มาพร้อมความเสี่ยง ทั้งการตลาดที่เล่นกับ "ความกังวล" เช่น "บริการเช่าสมองไอน์สไตน์" บริการที่ไร้คุณภาพ และการปลูกฝังลัทธิบริโภคนิยมว่า "ซื้อของ = รักตัวเอง"
.
บทสรุปคือ การบริโภคเชิงอารมณ์คือภาพสะท้อนของคนยุคใหม่ที่โหยหา "การเชื่อมโยง" และ "ความหมาย" ในโลกที่กดดัน โจทย์ใหญ่คือ ทำอย่างไรให้เทรนด์นี้เป็น "ยาชูกำลัง" ให้สังคม ไม่ใช่ "เครื่องจักรทำเงิน" ที่บูชากำไรแต่ไร้หัวใจ
CR
https://www.facebook.com/share/p/17hfWigB6B/?mibextid=wwXIfr
เทรนด์ ’ซื้อความสุข‘ เขย่าตลาดจีน ’คุณค่าทางอารมณ์‘ ชนะใจ Gen Z
.
ปรากฏการณ์นี้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ในจีน ทองคำไม่ใช่ของสำหรับแต่งงาน แต่กลายเป็น "ของขวัญเพื่อการรักตัวเอง" บริการ "เพื่อน AI" กลายเป็นที่พึ่งยามเหงา Art Toys กลายเป็นของสะสมที่บอกตัวตน และคอร์สบำบัดใจกลายเป็นสิ่งจำเป็น
.
ข้อมูลชี้ชัดว่า วัยรุ่นจีนกว่า 90% ตระหนักถึง "คุณค่าทางอารมณ์" และเกือบ 60% "พร้อมจ่าย" เพื่อมัน
.
■ ทำไมต้อง "ซื้อความสุข"
.
เพราะคนหนุ่มสาวกำลังแบกรับ 3 แรงกดดันหลักๆ ได้แก่การแข่งขันด้านการเรียน การทำงาน และความกังวลต่อสังคม การชอปปิงจึงไม่ใช่แค่การซื้อของ แต่คือการ "บำบัด" และ "ปลอบประโลม" จิตใจที่เหนื่อยล้า
.
■ พวกเขา "ซื้อ" อะไรกันบ้าง
.
1️⃣ สินค้าที่จับต้องได้: จากเน้น "ฟังก์ชัน" มาสู่ "แสดงตัวตน"
.
➡️ Art Toys มาแรง: ไม่ใช่แค่ของเล่น แต่คือ "การแสดงออก" เคส "Labubu" ของ Pop Mart คือตำนาน ที่แค่ซีรีส์เดียวก็สร้างยอดขายมหาศาล และกลายเป็นแบรนด์จีนแรกที่ได้เปิดในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เพราะมันเชื่อมโยงกับความรู้สึก "น่ารักแบบแปลกๆ" (Ugly-cute) ของ Gen Z
.
➡️ ทองคำที่เปลี่ยนไป: ตลาดทองคำถูกขับเคลื่อนโดยผู้หญิงอายุ 24-30 ปี และที่ซื้อเพราะ "อยากใส่เองให้ใจฟู" ไม่ใช่เพื่อแต่งงาน การใช้ IP ดังๆ (อย่างเกมหรือ NBA) มาทำสินค้าทอง ก็เปลี่ยนทองจาก "สินทรัพย์" สู่ "สิ่งที่สะท้อนตัวตน"
.
➡️ เครื่องใช้ไฟฟ้าฮีลใจ: แม้แต่เครื่องล้างผัก หรือเครื่องกรองน้ำ ก็ขายดีขึ้น 40% เพราะมันมอบ "ความรู้สึก" ของการมี "ชีวิตที่ดี" และ "ความใส่ใจ"
.
2️⃣ บริการที่มองไม่เห็น: เน้น "เติมเต็ม" ส่วนที่ขาด
.
➡️ เพื่อน AI ยอดฮิต: ยอดค้นหา "เพื่อน AI" ในแอปอย่าง Soul พุ่งสูงถึง 225,056 เท่า! คนหนุ่มสาวยอมจ่ายเงินคุยกับ AI เพื่อ "การตอบสนองทันที" และ "การเชื่อมโยง" ที่หาได้ยากในโลกจริง
.
➡️ ซื้อ "ประสบการณ์" ที่เป็นส่วนตัว: ยอดขาย "Gimbal Screen" (จออัจฉริยะเคลื่อนที่) โต 403% หรือการแห่ไปดูคอนเสิร์ตและลงคอร์สบำบัด (ยอดค้นหาโต 86%) ทั้งหมดนี้คือการสร้าง "ที่หลบภัยทางอารมณ์" (Emotional Safe Harbor) ของตัวเอง
.
■ หัวใจของยุคใหม่ จาก "คุ้มค่า" สู่ "คุ้มต่อจิตใจ"
.
นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ เห็นได้จากคนรุ่นพ่อแม่: มองหาความคุ้มค่า ซึ่งหมายถึงราคาต่อประสิทธิภาพ แต่คนเจน Z มองหาความคุ้มใจ ซึ่งหม่ยถึงอารมณ์ต่อราคา
.
พวกเขายอมจ่ายแพงกว่า... ถ้าสินค้านั้น "สื่อสาร" กับเขาได้ "บำบัด" เขาได้ หรือ "สะท้อนคุณค่า" ที่เขายึดถือ รายงานฉบับหนึ่งชี้ว่า เจน Z 46.8% มองว่าการชอปปิงเชิงอารมณ์คือ "ยารักษาความเครียด" ชั้นดี
.
■ ด้านมืดที่ต้องระวัง
.
แน่นอนว่าเทรนด์นี้มาพร้อมความเสี่ยง ทั้งการตลาดที่เล่นกับ "ความกังวล" เช่น "บริการเช่าสมองไอน์สไตน์" บริการที่ไร้คุณภาพ และการปลูกฝังลัทธิบริโภคนิยมว่า "ซื้อของ = รักตัวเอง"
.
บทสรุปคือ การบริโภคเชิงอารมณ์คือภาพสะท้อนของคนยุคใหม่ที่โหยหา "การเชื่อมโยง" และ "ความหมาย" ในโลกที่กดดัน โจทย์ใหญ่คือ ทำอย่างไรให้เทรนด์นี้เป็น "ยาชูกำลัง" ให้สังคม ไม่ใช่ "เครื่องจักรทำเงิน" ที่บูชากำไรแต่ไร้หัวใจ
CR https://www.facebook.com/share/p/17hfWigB6B/?mibextid=wwXIfr