วันนี้พี่หมอฝั่งธน..จะมาให้ความรู้ ภาวะเบาหวานเข้าจอประสาทตา Diabetic Retinopathy
ภาวะเบาหวานเข้าจอประสาทตา
การมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานทำให้เกิดความผิดปกติของหลอดเลือดของจอตา ได้แก่
มีการอ่อนแอของผนังหลอดเลือดของจอตา ทำให้หลอดเลือดฝอยโป่งพอง
เป็นสิ่งตรวจพบได้อย่างแรกในผู้ป่วยที่เริ่มมีเบาหวานขึ้นจอตา
มักจะทำให้เกิดจุดเลือดออกเล็กๆ กระจายทั่วไป
นอกจากนี้ มักมีรูรั่วทำให้มีน้ำและไขมันรั่วออกมาทำให้จอตาบวมน้ำ และมีจุดไขมันสีเหลือง
ถ้าจอตาบวมน้ำบริเวณจุดภาพชัดจะทำให้มีอาการตามัว
ในรายที่เป็นเบาหวานมานานและรุนแรง จะทำให้หลอดเลือดฝอยมีการอุดตัน
ทำให้จอตาขาดเลือด ถ้ามีการขาดเลือดบริเวณจุดภาพชัดก็จะทำให้ตามัวมาก ใ
นรายที่จอตาขาดเลือดรุนแรงจะเกิดหลอดเลือดฝอยงอกใหม่แผ่เป็นร่างแหคล้ายพัด
หลอดเลือดฝอยที่ผิดปกติเหล่านี้มีลักษณะเปราะและแตกง่าย
ทำให้เกิดเลือดออกในตาและเกิดพังผืดดึงรั้งจอตา ทำให้จอตาหลุดลอกได้
► การรักษา
ความผิดปกติที่เกิดจากเบาหวานขึ้นจอตานั้น ไม่สามารถแก้ไขให้กลับมาเป็นสภาพปกติได้
การรักษาที่มีอยู่ในปัจจุบันมุ่งหวังให้โรคไม่ลุกลามไปจากระยะที่เป็นอยู่
การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและน้ำตาลสะสมให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
รวมทั้งการดูและโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง และโรคไตอย่างเหมาะสม
สามารถชะลอความรุนแรงของโรคได้ การรักษาภาวะเบาหวานขึ้นจอตาในปัจจุบันมี 3 วิธี คือ
1. การรักษาด้วยเลเซอร์ (Laser Photocoagulation)
จะเป็นการใช้แสงพลังงานสูง ที่มีความแม่นยำมาก ในการรักษาจอประสาทตา มักใช้ในหลายกรณี เช่น
– ปิดเส้นเลือดที่รั่วซึมที่จอประสาทตา
– ลดการบวมของจุดรับภาพในรายที่มีภาวะจุดรับภาพบวม
– ลดโอกาสการเกิดเลือดออก, การสร้างพังผืดที่จอประสาทตาในรายที่มีเส้นเลือดงอกใหม่
– ลดโอกาสการเกิดภาวะจอประสาทตาหลุดลอก ในรายที่มีรอยดึงรั้งหรือฉีกขาดของจอประสาทตา
การเลเซอร์ไม่ก่อให้เกิดแผลภายนอก และมักต้องการเพียงการหยอดยาขยายม่านตาและยาชา
ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้หลังการรักษา และถูกน้ำล้างหน้าได้ตามปกติ
นผู้ป่วยบางรายที่ปวดในขณะเลเซอร์อาจต้องใช้ยาชาชนิดฉีดเพิ่มเติม
การเลเซอร์ในผู้ป่วยแต่ละราย อาจมีจำนวนครั้งไม่เท่ากัน และทักต้องเลเซอร์มากกว่า 1 ครั้ง
2. การรักษาด้วยยา
เป็นการรักษาวิธีใหม่โดยการฉีดยาเข้าวุ้นตา
ยามีคุณสมบัติลดการรั่วของหลอดเลือดและทำให้หลอดเลือดที่เกิดใหม่ฝ่อลง
ยาที่ใช้ในปัจจุบันมี 2 กลุ่ม คือ ยาสเตียรอยด์และยาต้านการสร้างหลอดเลือดใหม่ (Anti-vascalar endothelial growth factor)
การรักษาโดยวิธีนี้ได้ผลค่อนข้างดีแต่ฤทธิ์ของยาอยู่ได้ไม่นาน จึงต้องฉีดยาซ้ำเป็นระยะ
และมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดสภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดยาเข้าวุ้นตา
ได้แก่ การอักเสบติดเชื้อ เลือดออกในวุ้นตา และการเกิดจอตาลอก
ซึ่งมีโอกาสเกิดน้อยกว่าร้องละ 1 นอกจากนั้น ยาสเตียรอยด์ยังสามารถทำให้เกิดต้อกระจกและต้อหินในผู้ป่วยบางรายได้
3. การรักษาด้วยการผ่าตัด
ผู้ป่วยที่มีเลือดออกในวุ้นตาส่วนใหญ่เลือดจะถูกดูดซึมหมดไปเองในระยะเวลา 2-3 เดือน
ในรายที่เลือดไม่ถูกดูดซึมหมดไปหรือมีจอตาลอกจากพังผืดดึงรั้ง
การผ่าตัดวุ้นตาอาจช่วยป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม และสามารถซ่อมแซมจอตาที่ลอกให้กลับเข้าที่เดิม
แต่การมองเห็นอาจไม่กลับมาเป็นปกติ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคในผู้ป่วยแต่ละราย
ความรู้เพิ่มเติม
ผู้เขียน
ศูนย์จักษุ โรงพยาบาลธนบุรี
https://www.youtube.com/watch?v=yl4wPFI_YAE
https://www.youtube.com/shorts/3NcQhmU5wM4
ภาวะเบาหวานเข้าจอประสาทตา Diabetic Retinopathy
– ลดการบวมของจุดรับภาพในรายที่มีภาวะจุดรับภาพบวม
– ลดโอกาสการเกิดเลือดออก, การสร้างพังผืดที่จอประสาทตาในรายที่มีเส้นเลือดงอกใหม่
– ลดโอกาสการเกิดภาวะจอประสาทตาหลุดลอก ในรายที่มีรอยดึงรั้งหรือฉีกขาดของจอประสาทตา