ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 5
รพ.เอกชน แน่เลย
ถ้าเป็นรพ.รัฐ รวมทั้งรพ.มหาวิทยาลัย กับ รพ.ที่มีการเรียนการสอนด้วย
การขูดมดลูกหลังแท้ง ไม่ดมยาสลบ ไม่บล็อคหลัง เพราะไม่เจ็บขนาดนั้น
การให้ยาสลบ กับการบล็อคหลัง มีความเสี่ยงไม่คุ้มกับการทำหัตถการขูดมดลูก
ส่วนมากไม่ให้ยาระงับอะไรเลย เพราะปากมดลูกเปิดแล้ว มีเนื้อเยื่อเหลือให้ขูดออกไม่เท่าไร ทำง่าย เรียกว่าไม่เจ็บก็ได้
เราเคยรับการขูดมดลูกหลังแท้ง โดยไม่ได้ยาระงับอะไรเลย มาแล้ว เพราะตอนนั้นเป็นตับอักเสบเฉียบพลัน ทำให้แท้ง
สำหรับผู้กลัวจริงๆ เราก็แค่ให้ยากล่อมประสาท ร่วมกับฉีดยาชาเฉพาะที่ ที่ปากมดลูก ทำที่หอผู้ป่วย ไม่ต้องเข้าห้องผ่าตัด
ถ้าหวังให้การเกิดตั้งครรภ์ที่ดี ในการตั้งครรภ์ครั้งต่อ ไป
1.ตรวจสุขภาพก่อนการตั้งครรภ์ ถ้าสุขภาพดี ไม่มีโรคใดๆ จึงตั้งครรภ์
2.รับประทาน Folic acid 5 mg (เมืองไทยมีแต่ขนาดเท่านี้ ซึ่งนับว่าเยอะ) วันละ 1 เม็ด ก่อนการตั้งครรภ์ จนการตั้งครรภ์ 8-12 สัปดาห์
3.ฝากครรภ์ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ ฝากยิ่งเร็ว ยิ่งดี
ถ้าเป็นรพ.รัฐ รวมทั้งรพ.มหาวิทยาลัย กับ รพ.ที่มีการเรียนการสอนด้วย
การขูดมดลูกหลังแท้ง ไม่ดมยาสลบ ไม่บล็อคหลัง เพราะไม่เจ็บขนาดนั้น
การให้ยาสลบ กับการบล็อคหลัง มีความเสี่ยงไม่คุ้มกับการทำหัตถการขูดมดลูก
ส่วนมากไม่ให้ยาระงับอะไรเลย เพราะปากมดลูกเปิดแล้ว มีเนื้อเยื่อเหลือให้ขูดออกไม่เท่าไร ทำง่าย เรียกว่าไม่เจ็บก็ได้
เราเคยรับการขูดมดลูกหลังแท้ง โดยไม่ได้ยาระงับอะไรเลย มาแล้ว เพราะตอนนั้นเป็นตับอักเสบเฉียบพลัน ทำให้แท้ง
สำหรับผู้กลัวจริงๆ เราก็แค่ให้ยากล่อมประสาท ร่วมกับฉีดยาชาเฉพาะที่ ที่ปากมดลูก ทำที่หอผู้ป่วย ไม่ต้องเข้าห้องผ่าตัด
ถ้าหวังให้การเกิดตั้งครรภ์ที่ดี ในการตั้งครรภ์ครั้งต่อ ไป
1.ตรวจสุขภาพก่อนการตั้งครรภ์ ถ้าสุขภาพดี ไม่มีโรคใดๆ จึงตั้งครรภ์
2.รับประทาน Folic acid 5 mg (เมืองไทยมีแต่ขนาดเท่านี้ ซึ่งนับว่าเยอะ) วันละ 1 เม็ด ก่อนการตั้งครรภ์ จนการตั้งครรภ์ 8-12 สัปดาห์
3.ฝากครรภ์ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ ฝากยิ่งเร็ว ยิ่งดี
แสดงความคิดเห็น
จากแท้งคุกคาม สู่ลูกหลุด ละขูดมดลูก
หมอนัดตรวจวันนี้ ที่รพ. หมออันตร้าซาวแล้วบอกว่า ตอนนี้ไม่มีถุงตั้งครรภ์แล้ว และก็ขูดมดลูกวันนี้เลย
เรามาหาหมอบ่ายโมงกว่า พอทำนู่นทำนี่เสร็จช่วงประมาณ3โมงกว่า
แต่วางยานอนหลับไม่ได้ เพราะเราเพิ่งกินข้าวเที่ยงมาเอง
หมอเลยบล็อกหลัง นอนงอตัว
หมอก็ฉีดยาชาเข้ากลางหลัง ทีนี้ยาชาก็ทำให้เราชาไปครึ่งตัว
ขึ้นขาหยัง รู้แต่หมอเช็ดรอบๆ หมอลงมือเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เลย
ไม่น่าถึง10นาทีมั้งเสร็จละ ออกมานอนรอข้างนอก ยังชาอยู่ครึ่งตัวมันก็ไม่ปวดอะไรหรอก
แต่น้ำตามันไหลเอง ไหลออกมาเฉยๆ พยายามไม่คิดอะไรแล้ว
พอถูกเข็นมาห้องพักฟื้น ยาชาเริ่มหมดฤทธิ์ โคตรปวดหลังเลยตรงที่ฉีดยา
เรากับสามีคุยกันไปมาก็เริ่มน้ำตาไหลกัน มันเศร้านะ ลูกคนที่2ของเรา
สามีพยายามหางานเสริมเพื่อเตรียมเงินไว้สำหรับลูกก็น่าเห็นใจเหมือนกันนะ
ตั้งใจว่าถ้าตั้งครรภ์ต่อไปต้องดูแลดีๆเหมือนตั้งครรภ์ลูกคนแรก จะได้ไม่เสียใจเหมือนตอนนี้
เพราะครรภ์นี้เราใช้ชีวิตชิลเกินไป คิดผิดไปว่าใช้ชีวิตปกติได้