คุณอาจตกใจ สัมมาทิฐิ ไม่ใช่มรรค ก็มีด้วย นั้นคือ ทำบุญหวังผลในภพ (ไม่ปราถนานิพพานที่พระอริยะบรรลุ)

[img]https://www.anakame.com/image/gif/spacer.gif[/img]

สัมมาทิฏฐิ เป็นอย่างไร
คือ เรากล่าวสัมมาทิฏฐิว่ามี ๒ ได้แก่
๑. สัมมาทิฏฐิที่ยังมีอาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผล คืออุปธิ (อุปาทาน)
๒. สัมมาทิฏฐิอันเป็นอริยะ ที่ไม่มีอาสวะ เป็นโลกุตตระ เป็นองค์แห่งมรรค


หมายเหตุ
ยังมีอาสวะเพราะ
ไม่ได้ไม่ปราถนานิพพานที่พระอริยะบรรลุ
ไม่ทราบชัดความไม่เที่ยง


จึงเกิดอาสวะ
ส่วน โทมนัสอาศัยเนกขัมมะ  นั้นไม่มีอาสวะ
เพราะ
ทราบชัดความไม่เที่ยง
โทมนัสอาศัยเนกขัมมะ
บุคคลทราบความไม่เที่ยง ความแปรปรวน ความคลาย และความดับของรูป
เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ทั้งหลาย
แล้วเห็นด้วยปัญญาชอบตามความเป็นจริงว่า
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ในก่อนและในบัดนี้ ทั้งหมดนั้นไม่เที่ยง
เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา แล้วเข้าไปตั้งความปรารถนาในอนุตตรวิโมกข์
ว่า เมื่อไรตัวเราจึงจักบรรลุอายตนะที่พระอริยะทั้งหลายได้บรรลุอยู่ในบัดนี้
ย่อมเกิดโทมนัสเพราะความปรารถนาเป็นปัจจัยขึ้น โทมนัสเช่นนี้เรียกว่า โทมนัสอาศัยเนกขัมมะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่