พระอรหันต์ไม่มีทุกข์
ที่เป็นทุกข์คือขันธิ์5
บุคคลที่ยึดมั่นขันธิ์5ด้วยว่าเป็นเราของเรา
จึงฟังธรรมมะไม่เข้าใจ
เพราะหลงลืมวิชชา
มีอวิชชาสัมผัส
......
ทุกข์มี2แบบ
แบบมีกิเลส
และแบบไร้กิเลส
จึงไม่ควรปฎิเสธ มรรค ที่พระพุทธเจ้าสอน
เรื่องโทมนัสที่ไร้กิเลส
เปรียบเหมือนยาขม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๓) เปรียบเหมือนมูตรเน่าอันระคนด้วยยาต่างๆ. บุรุษที่เป็นโรคผอมเหลืองมาถึงเข้า. ประชุมชนบอกเขาว่า ดูกรบุรุษผู้เจริญ มูตรเน่าอันระคนด้วยยาต่างๆนี้ ถ้าท่านหวังจะดื่ม ก็ดื่มเถิด มูตรเน่าจักไม่ชอบใจ แก่ท่านผู้ดื่ม ทั้งสี ทั้งกลิ่น ทั้งรส ก็แต่ท่านครั้นดื่มเข้าไปแล้ว จักมีสุข. บุรุษนั้นพิจารณาแล้วดื่มมิได้วาง ก็ไม่ชอบใจ ทั้งสี ทั้งกลิ่นทั้งรส ครั้นดื่มแล้ว ก็มีสุข แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวธรรมสมาทานนี้ ที่มีทุกข์ในปัจจุบัน แต่มีสุข เป็นวิบากต่อไปว่ามีอุปมาฉันนั้น.
โทมนัสอาศัยเนกขัมมะ
บุคคลทราบความไม่เที่ยง ความแปรปรวน ความคลาย และความดับของรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ทั้งหลาย แล้วเห็นด้วยปัญญาชอบตามความเป็นจริงว่า รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ในก่อนและในบัดนี้ ทั้งหมดนั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา แล้วเข้าไปตั้งความปรารถนาในอนุตตรวิโมกข์ ว่า เมื่อไรตัวเราจึงจักบรรลุอายตนะที่พระอริยะทั้งหลายได้บรรลุอยู่ในบัดนี้ ย่อมเกิดโทมนัสเพราะความปรารถนาเป็นปัจจัยขึ้น โทมนัสเช่นนี้เรียกว่า โทมนัสอาศัยเนกขัมมะ
คุณอาจตกใจแต่ผมมาเพื่อความถูกต้อง พระอรหันต์มีทุกข์หรือไม่ ทำไมโทมนัสจึงมีแบบไร้กิเลส
ที่เป็นทุกข์คือขันธิ์5
บุคคลที่ยึดมั่นขันธิ์5ด้วยว่าเป็นเราของเรา
จึงฟังธรรมมะไม่เข้าใจ
เพราะหลงลืมวิชชา
มีอวิชชาสัมผัส
......
ทุกข์มี2แบบ
แบบมีกิเลส
และแบบไร้กิเลส
จึงไม่ควรปฎิเสธ มรรค ที่พระพุทธเจ้าสอน
เรื่องโทมนัสที่ไร้กิเลส
เปรียบเหมือนยาขม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๓) เปรียบเหมือนมูตรเน่าอันระคนด้วยยาต่างๆ. บุรุษที่เป็นโรคผอมเหลืองมาถึงเข้า. ประชุมชนบอกเขาว่า ดูกรบุรุษผู้เจริญ มูตรเน่าอันระคนด้วยยาต่างๆนี้ ถ้าท่านหวังจะดื่ม ก็ดื่มเถิด มูตรเน่าจักไม่ชอบใจ แก่ท่านผู้ดื่ม ทั้งสี ทั้งกลิ่น ทั้งรส ก็แต่ท่านครั้นดื่มเข้าไปแล้ว จักมีสุข. บุรุษนั้นพิจารณาแล้วดื่มมิได้วาง ก็ไม่ชอบใจ ทั้งสี ทั้งกลิ่นทั้งรส ครั้นดื่มแล้ว ก็มีสุข แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวธรรมสมาทานนี้ ที่มีทุกข์ในปัจจุบัน แต่มีสุข เป็นวิบากต่อไปว่ามีอุปมาฉันนั้น.
โทมนัสอาศัยเนกขัมมะ
บุคคลทราบความไม่เที่ยง ความแปรปรวน ความคลาย และความดับของรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ทั้งหลาย แล้วเห็นด้วยปัญญาชอบตามความเป็นจริงว่า รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ในก่อนและในบัดนี้ ทั้งหมดนั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา แล้วเข้าไปตั้งความปรารถนาในอนุตตรวิโมกข์ ว่า เมื่อไรตัวเราจึงจักบรรลุอายตนะที่พระอริยะทั้งหลายได้บรรลุอยู่ในบัดนี้ ย่อมเกิดโทมนัสเพราะความปรารถนาเป็นปัจจัยขึ้น โทมนัสเช่นนี้เรียกว่า โทมนัสอาศัยเนกขัมมะ