3 เดือน หายวับ 3 ล้าน สื่อจีนเผย ‘แพตเทิร์นล้มละลาย’ ของชนชั้นกลางในเมืองเล็ก
.
วันที่ร้านขนมเปิดตัว หน้าร้านเต็มไปด้วยลูกโป่ง เสียงเพลงคลอเบาๆ เจ้าของร้านยิ้มหน้าบาน ..แต่แค่ 3 เดือนหลังจากนั้น ร้านก็ปิดเงียบ ชั้นวางของว่างเปล่า ป้าย "เซ้ง" ถูกแปะทับป้ายชื่อร้านที่ยังไม่ทันได้รื้อออก
.
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่กำลังเกิดขึ้นซ้ำๆ ในเมืองเล็กๆ ทั่วจีน ในเมืองเล็ก การเริ่มต้นธุรกิจ 3 อย่างที่อาจ "เหยียบกับระเบิด" ได้ง่ายที่สุดคือ ร้านชานม ร้านกาแฟ และร้านขนมแฟรนไชส์
และตอนนี้ "ร้านขนม" ได้ครองอันดับหนึ่งของ 3 ร้านข้างต้นไปแล้ว เพราะหลังเงินจ่ายออกไป ทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด สุดท้ายยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเงินคืนทุน พาอ่านบทวิเคราะห์ว่าทำไมธุรกิจแฟรนไชส์ที่ดู "เวิร์กสุดๆ" ถึงกลายเป็น "กับดักนรก" ของชนชั้นกลางในเมืองเล็ก
.
◼️ จากฝันสวยหรู สู่บัญชีติดลบ
.
แฟรนไชส์ขนมบูมเร็วมาก แค่ค้นหาในโซเชียล ก็เจอแต่โฆษณา "รายได้เดือนละหมื่นสบายๆ" "3 เดือนคืนทุน" บริษัทแฟรนไชส์จะบอกคุณว่านี่คือ "ธุรกิจติดลมบน" ไม่ต้องมีประสบการณ์ ไม่ต้องกังวล สำนักงานใหญ่ (HQ) ช่วยทุกอย่าง แค่จ่ายเงินก็ได้เป็นเถ้าแก่ ฟังดูดีจนแทบไม่มีความเสี่ยง แต่ความ "ง่าย" นี้แหละที่ทำให้หลายคนตัดสินใจพลาด
.
กลุ่มคนที่โดนคำพูดเหล่านี้ตกง่ายที่สุด คือ "ชนชั้นกลางในเมืองเล็ก" พวกเขามีเงินเก็บอยู่บ้าง อยากทำอะไรสักอย่าง แต่หาช่องทางลงทุนไม่เจอ เล่นหุ้นก็ไม่เป็น อสังหาฯ ก็แพงเกินไป การเปิดร้านดูมั่นคงและมีหน้ามีตากว่า
.
แต่พวกเขาลืมไปว่าความสัมพันธ์ระหว่าง HQ กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ ไม่ใช่การ "Win-Win" เป้าหมายของ HQ คือการขยายสาขาให้เร็วที่สุด เพื่อปั่นตัวเลขประเมินมูลค่าบริษัทไว้ดึงดูดนักลงทุน ส่วนร้านสาขาจะรอดหรือไม่รอดเป็นเรื่องรอง ตราบใดที่ยังมีคนใหม่มาจ่ายเงินเปิดร้าน HQ ก็ชนะแล้ว คนซื้อแฟรนไชส์อยู่ในสถานะที่เสียเปรียบด้านข้อมูลตั้งแต่แรก เช่น
.
▶️HQ ช่วยเลือกทำเล > จริงๆ คือผลักดันให้ไปเช่าที่แพงๆ
▶️HQ ส่งของให้ > จริงๆ คือบังคับสั่งของล็อตใหญ่ในราคาสูง
▶️HQ คุ้มครองพื้นที่ขาย > จริงๆ คือคุณเพิ่งแต่งร้านเสร็จ อีกสองแยกถัดไปก็มีร้านแบรนด์เดียวกันมาเปิดแล้ว
.
นักลงทุนคิดว่ากำลังซื้อ "แบรนด์" แต่ความจริงคือ กำลังถูกแบรนด์ขาย "ความฝัน" ให้ต่างหาก
3 เดือนเผา 7 แสนหยวน จากเถ้าแก่กลายเป็นหนี้ท่วมหัว
.
ค่าแฟรนไชส์แค่ 3-5 หมื่นหยวนอาจฟังดูไม่เยอะ แต่นั่นแค่เริ่มต้น ไหนจะค่าแต่งร้าน อุปกรณ์ ค่าเช่า ค่าการตลาด และที่หนักสุดคือค่าลงของล็อตแรกที่ต้องจมเงินหลายแสนหยวน
.
หลายคนประเมินไว้ว่าเต็มที่ 4-5 แสนหยวน สุดท้ายบานปลายไปถึง 7 แสนหยวน (ประมาณ 3.15 ล้านบาท) ถึงรู้ตัวก็ลงจากหลังเสือไม่ได้แล้ว
.
ที่แย่กว่าคือคำโฆษณา "3 เดือนคืนทุน" ที่โกหกทั้งเพ ความจริงคือยอดขายรายวันยังไม่พอจ่ายค่าเช่ากับค่าจ้างพนักงานเลย
.
กระแสช่วงเปิดร้านอยู่ได้ไม่กี่วันก็แผ่ว ลูกค้าในเมืองเล็กมีจำกัด พอมีร้านแบบเดียวกันมาเปิด 2-3 ร้าน ลูกค้าก็กระจายไปหมด ซ้ำร้าย HQ ยังอนุมัติให้เปิดแบรนด์เดียวกันในตำบลเล็กๆ หลายร้าน แค่แข่งกันเองก็จะตายแล้ว
.
ปัญหาที่หนักข้อคือ "#สงครามราคา" พอ HQ จัดโปรโมชั่น ร้านสาขาต้องเข้าร่วม แต่ของที่สั่งมาเป็นราคาเต็ม... ยิ่งขายยิ่งขาดทุน บางร้านยอดขายจากวันละหลายพัน ตกเหลือวันละไม่กี่ร้อยหยวน กำไรหายหมด จนค่าจ้างพนักงานกลายเป็นภาระ ไม่นานสายป่านก็ขาดผึง
.
การปิดร้านยังไม่ใช่จุดจบ อุปกรณ์ขายต่อก็โดนกดราคา สัญญาเช่าก็ยังไม่หมด สต็อกของเน่าคาโกดัง แต่หนี้สินยังต้องจ่ายคืน จากที่หวังจะยกระดับชีวิต กลับกลายเป็นลากคนทั้งบ้านลงเหว
.
◼️ วงจรที่ไม่ยุติธรรม
.
ในเกมนี้ คนที่ "นอนมา" มีแค่แบรนด์ที่แฟรนไชส์เท่านั้น พวกเขาได้กำไรจากค่าธรรมเนียม ค่าตกแต่งร้าน และส่วนต่างราคาของไปนานแล้ว
.
ที่น่ากลัวคือโมเดลนี้กำลังถูกปั้นให้เป็น "ต้นแบบความสำเร็จ" แล้วยิงโฆษณาซ้ำๆ ให้คนชนชั้นกลางที่กำลังกังวลกับอนาคตและอยากมีธุรกิจฟัง ความจริงคือร้านที่ดูบูมๆ ส่วนน้อยมากที่จะกำไรระยะยาว ส่วนใหญ่แค่ไม่กี่เดือนก็เจ๊งแล้ว
.
การฟ้องร้องก็ยาก สัญญาซับซ้อน พอรู้ตัวว่าโดนหลอก ก็ทำได้แค่โพสต์เตือนคนอื่น แต่ในขณะที่พวกเขากำลังโพสต์อยู่นั้น ก็มีคนใหม่กำลังจ่ายเงินเซ็นสัญญา เตรียมเปิดร้านอยู่ทุกวัน วงจรนี้ไม่เคยหยุด
.
ธุรกิจแฟรนไชส์ขนมไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่มันไม่ใช่ "ธุรกิจนอนกิน" มันต้องแม่นเรื่องทำเล คุมต้นทุนเก่ง และมีลูกค้าประจำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่ในเมืองเล็กขาดแคลน
ที่ร้านขนมกลายเป็น "กับดักล้มละลาย" ไม่ใช่เพราะขนมขายไม่ได้ แต่เพราะเกมนี้มัน "ไม่ยุติธรรม" ตั้งแต่เริ่ม แบรนด์ฟันกำไรเร็ว ส่วนคนซื้อแฟรนไชส์รับภาระขาดทุนเรื้อรัง
.
สำหรับชนชั้นกลางในเมืองเล็ก การรักษาเงินที่มีให้ดีอาจสำคัญกว่าการ "ฝันถึงเงินในอนาคต" ธุรกิจที่มั่นคงจริงๆ ไม่เคยโฆษณาว่า "3 เดือนคืนทุน" อย่าเอาอนาคตของครอบครัวไปแลกกับ "ตำนานคืนทุน" ที่สุดท้ายได้มาแต่หนี้สิน
.
.
📧 ติดต่อเรา Email: info@jeenthainews.com
.
.
#ล้มละลาย #กับดักหนี้ #ร้านขนม See less
3 เดือน หายวับ 3 ล้าน สื่อจีนเผย ‘แพตเทิร์นล้มละลาย’ ของชนชั้นกลางในเมืองเล็ก 🥲
.
วันที่ร้านขนมเปิดตัว หน้าร้านเต็มไปด้วยลูกโป่ง เสียงเพลงคลอเบาๆ เจ้าของร้านยิ้มหน้าบาน ..แต่แค่ 3 เดือนหลังจากนั้น ร้านก็ปิดเงียบ ชั้นวางของว่างเปล่า ป้าย "เซ้ง" ถูกแปะทับป้ายชื่อร้านที่ยังไม่ทันได้รื้อออก
.
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่กำลังเกิดขึ้นซ้ำๆ ในเมืองเล็กๆ ทั่วจีน ในเมืองเล็ก การเริ่มต้นธุรกิจ 3 อย่างที่อาจ "เหยียบกับระเบิด" ได้ง่ายที่สุดคือ ร้านชานม ร้านกาแฟ และร้านขนมแฟรนไชส์
และตอนนี้ "ร้านขนม" ได้ครองอันดับหนึ่งของ 3 ร้านข้างต้นไปแล้ว เพราะหลังเงินจ่ายออกไป ทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด สุดท้ายยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเงินคืนทุน พาอ่านบทวิเคราะห์ว่าทำไมธุรกิจแฟรนไชส์ที่ดู "เวิร์กสุดๆ" ถึงกลายเป็น "กับดักนรก" ของชนชั้นกลางในเมืองเล็ก
.
◼️ จากฝันสวยหรู สู่บัญชีติดลบ
.
แฟรนไชส์ขนมบูมเร็วมาก แค่ค้นหาในโซเชียล ก็เจอแต่โฆษณา "รายได้เดือนละหมื่นสบายๆ" "3 เดือนคืนทุน" บริษัทแฟรนไชส์จะบอกคุณว่านี่คือ "ธุรกิจติดลมบน" ไม่ต้องมีประสบการณ์ ไม่ต้องกังวล สำนักงานใหญ่ (HQ) ช่วยทุกอย่าง แค่จ่ายเงินก็ได้เป็นเถ้าแก่ ฟังดูดีจนแทบไม่มีความเสี่ยง แต่ความ "ง่าย" นี้แหละที่ทำให้หลายคนตัดสินใจพลาด
.
กลุ่มคนที่โดนคำพูดเหล่านี้ตกง่ายที่สุด คือ "ชนชั้นกลางในเมืองเล็ก" พวกเขามีเงินเก็บอยู่บ้าง อยากทำอะไรสักอย่าง แต่หาช่องทางลงทุนไม่เจอ เล่นหุ้นก็ไม่เป็น อสังหาฯ ก็แพงเกินไป การเปิดร้านดูมั่นคงและมีหน้ามีตากว่า
.
แต่พวกเขาลืมไปว่าความสัมพันธ์ระหว่าง HQ กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ ไม่ใช่การ "Win-Win" เป้าหมายของ HQ คือการขยายสาขาให้เร็วที่สุด เพื่อปั่นตัวเลขประเมินมูลค่าบริษัทไว้ดึงดูดนักลงทุน ส่วนร้านสาขาจะรอดหรือไม่รอดเป็นเรื่องรอง ตราบใดที่ยังมีคนใหม่มาจ่ายเงินเปิดร้าน HQ ก็ชนะแล้ว คนซื้อแฟรนไชส์อยู่ในสถานะที่เสียเปรียบด้านข้อมูลตั้งแต่แรก เช่น
.
▶️HQ ช่วยเลือกทำเล > จริงๆ คือผลักดันให้ไปเช่าที่แพงๆ
▶️HQ ส่งของให้ > จริงๆ คือบังคับสั่งของล็อตใหญ่ในราคาสูง
▶️HQ คุ้มครองพื้นที่ขาย > จริงๆ คือคุณเพิ่งแต่งร้านเสร็จ อีกสองแยกถัดไปก็มีร้านแบรนด์เดียวกันมาเปิดแล้ว
.
นักลงทุนคิดว่ากำลังซื้อ "แบรนด์" แต่ความจริงคือ กำลังถูกแบรนด์ขาย "ความฝัน" ให้ต่างหาก
3 เดือนเผา 7 แสนหยวน จากเถ้าแก่กลายเป็นหนี้ท่วมหัว
.
ค่าแฟรนไชส์แค่ 3-5 หมื่นหยวนอาจฟังดูไม่เยอะ แต่นั่นแค่เริ่มต้น ไหนจะค่าแต่งร้าน อุปกรณ์ ค่าเช่า ค่าการตลาด และที่หนักสุดคือค่าลงของล็อตแรกที่ต้องจมเงินหลายแสนหยวน
.
หลายคนประเมินไว้ว่าเต็มที่ 4-5 แสนหยวน สุดท้ายบานปลายไปถึง 7 แสนหยวน (ประมาณ 3.15 ล้านบาท) ถึงรู้ตัวก็ลงจากหลังเสือไม่ได้แล้ว
.
ที่แย่กว่าคือคำโฆษณา "3 เดือนคืนทุน" ที่โกหกทั้งเพ ความจริงคือยอดขายรายวันยังไม่พอจ่ายค่าเช่ากับค่าจ้างพนักงานเลย
.
กระแสช่วงเปิดร้านอยู่ได้ไม่กี่วันก็แผ่ว ลูกค้าในเมืองเล็กมีจำกัด พอมีร้านแบบเดียวกันมาเปิด 2-3 ร้าน ลูกค้าก็กระจายไปหมด ซ้ำร้าย HQ ยังอนุมัติให้เปิดแบรนด์เดียวกันในตำบลเล็กๆ หลายร้าน แค่แข่งกันเองก็จะตายแล้ว
.
ปัญหาที่หนักข้อคือ "#สงครามราคา" พอ HQ จัดโปรโมชั่น ร้านสาขาต้องเข้าร่วม แต่ของที่สั่งมาเป็นราคาเต็ม... ยิ่งขายยิ่งขาดทุน บางร้านยอดขายจากวันละหลายพัน ตกเหลือวันละไม่กี่ร้อยหยวน กำไรหายหมด จนค่าจ้างพนักงานกลายเป็นภาระ ไม่นานสายป่านก็ขาดผึง
.
การปิดร้านยังไม่ใช่จุดจบ อุปกรณ์ขายต่อก็โดนกดราคา สัญญาเช่าก็ยังไม่หมด สต็อกของเน่าคาโกดัง แต่หนี้สินยังต้องจ่ายคืน จากที่หวังจะยกระดับชีวิต กลับกลายเป็นลากคนทั้งบ้านลงเหว
.
◼️ วงจรที่ไม่ยุติธรรม
.
ในเกมนี้ คนที่ "นอนมา" มีแค่แบรนด์ที่แฟรนไชส์เท่านั้น พวกเขาได้กำไรจากค่าธรรมเนียม ค่าตกแต่งร้าน และส่วนต่างราคาของไปนานแล้ว
.
ที่น่ากลัวคือโมเดลนี้กำลังถูกปั้นให้เป็น "ต้นแบบความสำเร็จ" แล้วยิงโฆษณาซ้ำๆ ให้คนชนชั้นกลางที่กำลังกังวลกับอนาคตและอยากมีธุรกิจฟัง ความจริงคือร้านที่ดูบูมๆ ส่วนน้อยมากที่จะกำไรระยะยาว ส่วนใหญ่แค่ไม่กี่เดือนก็เจ๊งแล้ว
.
การฟ้องร้องก็ยาก สัญญาซับซ้อน พอรู้ตัวว่าโดนหลอก ก็ทำได้แค่โพสต์เตือนคนอื่น แต่ในขณะที่พวกเขากำลังโพสต์อยู่นั้น ก็มีคนใหม่กำลังจ่ายเงินเซ็นสัญญา เตรียมเปิดร้านอยู่ทุกวัน วงจรนี้ไม่เคยหยุด
.
ธุรกิจแฟรนไชส์ขนมไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่มันไม่ใช่ "ธุรกิจนอนกิน" มันต้องแม่นเรื่องทำเล คุมต้นทุนเก่ง และมีลูกค้าประจำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่ในเมืองเล็กขาดแคลน
ที่ร้านขนมกลายเป็น "กับดักล้มละลาย" ไม่ใช่เพราะขนมขายไม่ได้ แต่เพราะเกมนี้มัน "ไม่ยุติธรรม" ตั้งแต่เริ่ม แบรนด์ฟันกำไรเร็ว ส่วนคนซื้อแฟรนไชส์รับภาระขาดทุนเรื้อรัง
.
สำหรับชนชั้นกลางในเมืองเล็ก การรักษาเงินที่มีให้ดีอาจสำคัญกว่าการ "ฝันถึงเงินในอนาคต" ธุรกิจที่มั่นคงจริงๆ ไม่เคยโฆษณาว่า "3 เดือนคืนทุน" อย่าเอาอนาคตของครอบครัวไปแลกกับ "ตำนานคืนทุน" ที่สุดท้ายได้มาแต่หนี้สิน
.
.
📧 ติดต่อเรา Email: info@jeenthainews.com
.
.
#ล้มละลาย #กับดักหนี้ #ร้านขนม See less