เตือนเล็ก ๆ น้อย ๆ กับคนที่คิดทำ Very Healthy - Low Carb Keto Diet ครับ

นี่เป็นโพสต์เตือนเล็ก ๆ น้อย ๆ กับคนที่คิดทำ Very Healthy - Low Carb Keto Diet ครับ

จากกระทู้เดิม https://pantip.com/topic/42496200/
ขออนุญาติเปิดใหม่เพราะคิดว่าเรื่องนี้หลายคนอาจจะไม่ทราบ และมองว่าค่อนข้างสำคัญพอควรเพราะกระทบสุขภาพกรณีคนทำ Low carb - Keto โดยลืมมองปัจจัยให้ครบ (แบบผม) ถ้าใครทราบดีแล้วต้องขออภัยด้วยที่เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน

(จากกระทู้ก่อนหน้า) ช่วงหลังจากที่คุยไป (เรื่องการจัดการเบาหวาน) ช่วงกลางปีที่ผ่านมา (67) ผมเริ่มเข้ายิมเพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ยังคงยึด low carb (และทำมาตลอดจนปัจจุบัน) และคุมเวลาตาม if16/8 (ไม่ diet) ตลอดมาช่วงเข้ายิม น้ำหนักเพิ่มเพราะเพิ่มอาหาร ไขมัน เพื่อให้พอกับการสร้างกล้ามเนื้อ จนน้ำหนักขึ้นมาที่ประมาณ 76 กก. (จาก sit-up ไม่ขึ้น จนเล่นเครื่องบริหารหน้าท้องด้วยน้ำหนัก 60 กก. ได้) แต่ก็ยังดูอาแป๊ะเหมือนเดิม (เป้าหมายคือเพิ่มกล้ามเนื้อเพื่อช่วยการเผาผลาญ ไม่ใช่ฟิตหุ่น) จนเลิกไปเมื่อสักเดือน 3 ที่ผ่านมา (ต้นปี 68)

หลังจากนั้น เจอหน้าฝนมหาภัยเข้า ที่ฝนจะตกตอนเช้ามืดที่เป็นเวลาออกกำลัง (จาก routine ที่ 1 สัปดาห์จะใช้แคลในการออกกำลังกายเกิน 2,000 kcal บางอาทิตย์ถึง 3,000 ตลอด) เหลือแค่ 700−1,000 kcal ต่อสัปดาห์ น้ำหนักเลย rebound กลับมาที่ 84 กก. เพราะยังติดการบริโภคช่วงที่เข้ายิมอยู่ ประมาณช่วงท้ายหน้าฝนจึงคิดปรับลดการบริโภค ปรับช่วงเวลา IF ให้เหลือ 18/6 low carb keto แต่ยังไม่ diet ทำไป 3 เดือน และก็ปรับเหลือ 20/4 ได้ประมาณเดือนกว่า ๆ ที่ผ่านมา (ยังไม่ได้ diet) น้ำหนักปรับลดลงมาเหลือ 78 กก. ช่วงนี้เองที่ไปตรวจประจำปี

ค่า A1C ขึ้นมาที่ 5.8 (สะท้อนการกินธรรมดามากขึ้น ไม่ได้กังวลอะไร เลือก QOL มากกว่าตัวเลขต้องต่ำกว่า 5.7) HDL57,TRIG53 เลขสวยทั้งคู่ แต่จู่ ๆ LDL ก็พุ่งสูงเป็น 167 ยังไม่กังวลแต่สงสัยหน่อย ๆ และอีกอันที่เป็นปัญหาคือ จู่ ๆ BP ค่อนข้างสูงขึ้น 140−160 (มีส่วนจาก White coat effect ด้วยเพราะถ้ายิ่งวัดจะยิ่งลดลง) แต่ตัวเลขก็ยังสูง ซึ่งค่อนข้างประหลาดสำหรับคนที่ออกกำลังเกิน 2,000 kcal ตลอด และค่อนข้างมั่นใจในการคุมโซเดียม
ซึ่งตรงนี้รวมกับ LDL ที่สูง ทำให้ตกลงใจปรับเมนูเข้าสู่โหมดเข้ม Low-carb Keto-diet อีกรอบ ตั้งใจ down น้ำหนักกลับไปที่ 70 กก. หรือต่ำกว่าอีกครั้ง ตามข้อมูลสุขภาพพื้นฐานว่าด้วย BMI ที่ยิ่งน้ำหนักลด BP จะยิ่งดีขึ้น

เมนูรอบนี้ประมาณนี้ (ซึ่งเป็น Low Sodium อย่างเข้มข้นเหมือนสมัยคุมเบาหวาน):
มื้อเช้า/เที่ยง: อกไก่อบลมร้อนปรุงกับพริกไทยดำเท่านั้น (สลับเป็นปลาทู หรือปลากระพง 2 วันต่อสัปดาห์) + ไข่ต้ม + ข้าวโพดต้ม ครึ่งฝัก + ผักผัดน้ำหรือต้ม ปรุงด้วยพริกไทยดำ + แอปเปิล ครึ่งผล + กล้วยน้ำว้าต้มแบบไทย 1 ผล + ถั่ว 1 กำมือ
เพิ่มเติม: บางวันจะมีนมเปรี้ยว ยาคูลท์ไลท์ 1 ขวดมื้อเช้า และมีน้ำขิงหลังอาหารเที่ยง
วิตามินเสริม: centrum silver 50+1 เม็ดหลังมื้อเช้า (เพื่อเสริม Mg, K ที่เชื่อว่าขาด)
Routine ออกกำลังกาย: เดินเร็ว 3−4 วันต่อสัปดาห์ (5−6 กม. ใน 50−55 นาที) และ Warm Walk (3 กม. ใน 30−40 นาที) อีก 3−4 วันต่อสัปดาห์ ทั้งสองทำก่อนทานมื้อเช้า

สิ่งที่ผมอยากจะพูดถึงครั้งนี้ ไม่ใช่การแชร์เมนูคุมเข้ม แต่เป็นความระมัดระวังเกินสร้างกับดักขึ้นมา เพราะหลังจากคุมเกลือแบบนี้ไปแล้ว ความดันก็ไม่ได้ลดลงตามที่ควรเป็น แถมมีอาการกล้ามเนื้อกระตุก และมีอาการ HR สูง/ไวต่อความเครียดง่าย เป็นอาการที่เคยสังเกตเห็นตั้งแต่สมัยลดเบาหวานแรก ๆ (เมื่อทานอาหารค่อนข้างปรกติ โซเดียมประมาณ  2,000 มก. ต่อวัน หรือสูงกว่านิดนหน่อย) ทั้ง ๆ ที่เมนูและวิตามินเสริมแสดงว่าผมได้รับ Mg/K เพียงพอ (เพราะผมยังสงสัยเรื่องความไม่สมดุลแร่ธาตุอื่น ๆ จึงเสริมวิตามินรวมเข้าไป) แต่ก็ไม่หาย แถมคุมน้ำเข้ม เพราะคิดว่าดื่มน้ำน้อยไป จึงวัดให้เกิน 2.5 ลิตร−3 ลิตร ต่อวัน เพราะในหัวคือโซเดียม 800 มก. ควรจะพอและดีต่อความดัน

จนสุดท้ายลองเช็คกับ AI เพื่อหา flow ในแผนไล่ทุกเรื่องไปจนหมดกระดาน จึงคิดมาถึงเรื่องโซเดียม และพบว่า ขาดทุนอย่างยิ่ง

จนกระทั่งมาทราบว่า
การที่ผม low carb keto เป็นระบบกำจัด Sodium ออกจากร่างกาย เพราะอินซูลินต่ำ ทำให้เสีย 500−1,000 มก./วัน (บางข้อมูลสูงกว่านี้ ถึง 3,000) โดยไม่เกี่ยวว่าออกกำลังกายหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เคยได้ยินใครกล่าวถึงเลย การลด Na ลงเหลือ 800 มก. ต่อวัน เพื่อเป้าหมายในการคุม BP ยิ่งส่งผลทำให้ Na ไม่บาลานซ์อย่างหนัก

ความต้องการ Na รวม: สมมุติว่าผมรับพอดี ๆ 2,000 มก. ต่อวัน (ตามมาตรฐาน)
ความต้องการพื้นฐาน + การสูญเสียที่เพิ่มขึ้น
ให้ ความต้องการพื้นฐาน 2,000 พอดี แต่ความสูญเสียจาก low carb keto top up ลงไปอีก 500- 1,000 มก/ วัน เป็น 2500-3000 ต่อวัน คือติดลบ 500-1,000 ต่อวัน นี่คือนับว่าเริ่มขาดทุนสะสมแล้ว แต่ยังน้อยเพราะอาหารปรกติชดเชยได้จากการที่กะเกณฑ์ปริมาณโซเดียมให้เป๊ะได้ยาก ดังนั้นมันอาจจะพอถูไถไปได้ แค่ 500-1,000 ชิล ๆ
แต่พอรวมการออกกำลัง (จากข้อมูลที่ทางการแพทย์บอกว่า ออกกำลังทั่วไปไม่ค่อยกระทบหากบริโภค 2,000 ต่อวัน จริงครับ สมมุติว่า ออกกำลังเสียเกลือไปอีก 500-2,000 ต่อวัน ปริมาณโซเดียมก็จะขาดทุน 500-2,000 ต่อวัน ก็ยังเข้าที่ว่า บางที่รับน้อย บางทีรับมาก บางทีเหงื่อเยอะบางทีน้อย มันก็เลยพอกลบไปได้

แต่พอรวมสองปัจจัยเข้าด้วยกัน ทำให้ความต้องการโซเดียมรวม ≈3,500−4,500 มก./วัน รับ 2,000ทำให้ขาดทุนอยู่แล้ว 1500-2500 มก./วัน

พอเข้าโหมดคุมเข้มเกลือ เหลือแค่รับน้อยแค่ประมาณ 800 มก./วัน ยิ่งเกิดการขาดทุนหนักขึ้นเป็น 2,700−3,700 มก./วัน

ตกลงผลของ BP สูง HR สูง แทนที่จะเกิดจากบริโภคเกลือมากไปตามความเข้าใจทั่วไป แต่ดันรับน้อยไป จนสร้างความเครียดให้กับร่างกายอย่างยิ่ง ใน low carb - Keto การมี Na ต่ำเกินไป มัก activate RAAS ชั่วคราว (renin/aldosterone สูงขึ้น) ส่งผลให้ Blood Volume น้อยจากการที่มี Na ในเลือดน้อย ไม่สามารถดึงน้ำเข้ามาได้ตามปรกติ พอปริมาตรเลือดน้อยลง หัวใจต้องสูบฉีดแรง และ RAAS ที่คุมการตอบสนองยิ่งทำงานหนักตลอดเพื่อชดเชยปริมาณโซเดียมที่ต่ำเกิน ทำให้ตอบสนองต่อความเครียดง่าย HR จึงพุ่งง่าย ร่างกายขาด Na หนัก ไตพยายามดึง Na ไว้ ขับเอา Mg, K ออก ยิ่งพยายามรับไปมากขึ้นเท่าไหร่ ไตก็พยายามกำจัดออกเท่านั้นเพราะพยายามรักษา Na ทำให้ อิเล็คโตรไลท์บาลานซ์ในกล้ามเนื้อพัง ผลคือมีอาการกล้ามเนื้อกระตุก นั่นคือคำเตือนว่าแย่หนักแล้ว

พอมองเห็นภาพรวมที่ส่งผลครบวงจร สิ่งที่ทำคือ ตอนเช้าวันถัดมา ผมดื่มน้ำใส่เกลือ (หิมาลายา เค็มน้อยกว่า) ≈1,000 มก. Na (แบ่ง 500 มล. ตอนตื่นนอน และ 500 มล. หลัง brisk walk)
ผล: ดื่มน้ำเกลือ รวมกับน้ำธรรมดา รวมเกือบ 1.5 ลิตร แต่แทบไม่ปัสสาวะเลย แถมครั้งถัดไปมีสีเข้มมาก สะท้อนว่า ปริมาณน้ำเกลือ + น้ำที่ทานไปร่างกายซึมซับไปใช้เกือบทั้งหมด

ผลลัพธ์ต่อ HR ที่พบ: ในการทดลอง brisk walk ด้วย hard target ส่วนบุคคล (5 กม. ใน 42 นาที) HR กลับตอบสนองกับจังหวะมากขึ้นกว่าเดิมอย่างมีนัยยะสำคัญ HR ที่ 3 กม. HR ยังวิ่งอยู่ไม่ถึง 120 เลย (จากเดิม 3 กม มักจะเกิน 130+ ไปแล้ว และเกิน 140-160 ช่วง 4-5 กม.) จนผมต้อง sprint ช่วยดึง HR ขึ้นไปให้ถึงเป้า และแถมยังดีดลงมาช่วง 120+ อีกหลังจากนั้นไม่นาน จึงต้อง Sprint ซ้ำอีกที และช่วง cool down HR ก็ลดลงต่ำกว่า 120 อย่างรวดเร็ว
สรุป แม้จะมี spike เกิน 140 บ้าง แต่โดยเฉลี่ย HR กลับตอบสนองกับจังหวะมากขึ้นกว่าเดิมอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งแสดงว่าหัวใจทำงานได้ราบเรียบขึ้นเทียบกับเดิม

Partial QED = การกระทำทุกอย่างไม่ว่า คุมเกลือ คุมแคล คุมไขมัน คุมน้ำ ออกกำลัง ดีต่อสุขภาพหมด แต่พอมัน ไม่ลงตัวกับพฤติกรรม เพราะพฤติกรรมการคุม low carb - keto มาตลอดเกือบ 3 ปี ทำให้เสียโซเดียมเพิ่มโดยไม่รู้ตัว และยิ่งเชื่อที่ว่า โซเดียมยิ่งต่ำยิ่งดีกลายเป็นหนามกลับมาตำ

คำเตือน: จริงอยู่เราควรลดโซเดียมลง แต่ต้องบาลานซ์กับปริมาณจำเป็นให้ลงตัว อย่าติดกับดักกับคำที่ถูกใช้เป็นมาตรฐาน คือ ควรบริโภคน้อยกว่า 2,000 มก./วัน จนลด ๆ ๆ จนขาดทุน จนเกิดปัญหาอื่นแทนครับ

(หมายเหตุ: ผมเพิ่งค้นพบเรื่องนี้และอยู่ระหว่างปรับตัว ดังนั้นผลยังไม่ QED แต่ขอแปะไว้เพื่อเตือนคนที่ทำ low carb keto เหมือนกันให้ระวังเรื่องนี้)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่