อคติซ่อนเงื่อนอยู่ลึกใจ
คอยบงการความนึกคิดอย่างเงียบงาย
เหมือนหมอกหม่นปกคลุมอยู่วังวาย
บดบังสายตาให้พร่าลาง
บางครั้งเรามองโลกด้วยโทษทัณฑ์
ไม่ทันเห็นแสงงามที่วางว่าง
เพียงเพราะใจถูกครอบครองด้วยอำพราง
จึงหลงทางในเงาร้ายที่กายใจ
เมื่อเราเฝ้าจับผิดเพียงเล็กน้อย
ความจริงพลอยบิดเบี้ยวเพราะเฉไฉ
คำน้อยหนึ่งอาจกลายเป็นรอยใคร
ที่กัดกร่อนไปถึงลึกภายในตน
อคติ เปรียบควันดำอำพรางจิต
เผาผลาญสิทธิ์แห่งความดีให้สับสน
ยิ่งต่อต้านยิ่งผูกพันผันผวนวน
จนทุกข์ล้นยากคลายจากใจเรา
บางคราวเห็นเพียงเงาที่ใจวาด
ไม่อาจมองความจริงแท้ให้แจ่มเฉลา
จึงอาจหลงเกลียดเขาทั้งที่เฝ้าดีมาเนา
เพราะเราเฝ้ามองแต่ภาพในใจเอง
เมื่อรู้เท่าทันเงาแห่งอคติ
ใจจะค่อยผ่องพิสุทธิ์และครื้นเครง
ปล่อยความหม่นให้ลอยหายไม่เหลือเงาเพ่ง
แล้วมองโลกด้วยใจเพชรงดงามแท้
เปิดประตูรับแสงแห่งเมตตา
ให้ชีวาเดินได้อย่างอ่อนแสง
เมื่อใจเห็นความจริงแล้วกระจ่างแจ้ง
อคติที่แรง… ย่อมคลายลงอย่างแผ่วเบา
ท้ายที่สุดใจเราเป็นผู้เลือก
จะดับ/จะเยื้อง หรือจะแบกให้หมองเนา
เพียงวางลงหนึ่งคิดที่รุมเร้า
โลกภายในก็ผ่องพราว… ดุจดาวเพ็ญ ✨
ว่าด้วยเรื่องของอคติ
อคติซ่อนเงื่อนอยู่ลึกใจ
คอยบงการความนึกคิดอย่างเงียบงาย
เหมือนหมอกหม่นปกคลุมอยู่วังวาย
บดบังสายตาให้พร่าลาง
บางครั้งเรามองโลกด้วยโทษทัณฑ์
ไม่ทันเห็นแสงงามที่วางว่าง
เพียงเพราะใจถูกครอบครองด้วยอำพราง
จึงหลงทางในเงาร้ายที่กายใจ
เมื่อเราเฝ้าจับผิดเพียงเล็กน้อย
ความจริงพลอยบิดเบี้ยวเพราะเฉไฉ
คำน้อยหนึ่งอาจกลายเป็นรอยใคร
ที่กัดกร่อนไปถึงลึกภายในตน
อคติ เปรียบควันดำอำพรางจิต
เผาผลาญสิทธิ์แห่งความดีให้สับสน
ยิ่งต่อต้านยิ่งผูกพันผันผวนวน
จนทุกข์ล้นยากคลายจากใจเรา
บางคราวเห็นเพียงเงาที่ใจวาด
ไม่อาจมองความจริงแท้ให้แจ่มเฉลา
จึงอาจหลงเกลียดเขาทั้งที่เฝ้าดีมาเนา
เพราะเราเฝ้ามองแต่ภาพในใจเอง
เมื่อรู้เท่าทันเงาแห่งอคติ
ใจจะค่อยผ่องพิสุทธิ์และครื้นเครง
ปล่อยความหม่นให้ลอยหายไม่เหลือเงาเพ่ง
แล้วมองโลกด้วยใจเพชรงดงามแท้
เปิดประตูรับแสงแห่งเมตตา
ให้ชีวาเดินได้อย่างอ่อนแสง
เมื่อใจเห็นความจริงแล้วกระจ่างแจ้ง
อคติที่แรง… ย่อมคลายลงอย่างแผ่วเบา
ท้ายที่สุดใจเราเป็นผู้เลือก
จะดับ/จะเยื้อง หรือจะแบกให้หมองเนา
เพียงวางลงหนึ่งคิดที่รุมเร้า
โลกภายในก็ผ่องพราว… ดุจดาวเพ็ญ ✨