JJNY : กฎเกณฑ์ภาครัฐล้าสมัย│น้ำท่วมอ่างทอง ผู้ป่วยติดเตียงโอด│กัมพูชายื่นคำร้องด่วน 7ข้อ│เตือนกลางฝนตก อีสานอุณหภูมิลด

กฎเกณฑ์ภาครัฐล้าสมัย ฉุดรั้ง ‘ไทย’ จนแข่งกับใครเขาไม่ได้ เปิดช่องคอร์รัปชัน-เรียกรับสินบนพุ่ง
.
.
ถ้าถามว่าอะไรคือปัจจัยที่ฉุดรั้ง ‘ประเทศไทย’ ให้ไปไหนไม่ได้สักที หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ ‘กฎเกณฑ์ภาครัฐ’ ที่ล้าสมัยซับซ้อน จนเปิดช่องให้คอร์รัปชัน เรียกรับสินบนพุ่ง บั่นทอนใจนักลงทุนนั่นแหละ
.
กฎเกณฑ์ภาครัฐล้าสมัย ฉุดรั้งประเทศไทยให้แข่งขันไม่ได้
.
รายงาน ‘Thailand’s Regulatory Reform : รีเซ็ตกฎเกณฑ์ภาครัฐ เปลี่ยนเบรกเป็นคันเร่งเพิ่มประสิทธิภาพ เอื้อให้ธุรกิจไทยแข่งขันได้‘ เผยว่า อันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยร่วงลงมา 5 อันดับ มาอยู่ในอันดับ 30 จาก 69 ประเทศทั่วโลก
.
โดยเฉพาะมิติ ‘ประสิทธิภาพภาครัฐ’ ที่แย่ลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี และในบางมิติย่อยอันดับก็แย่ลงมากๆ อย่าง ความโปร่งใส สินบน คอร์รัปชัน การปรับนโยบายรัฐให้ทันสถานการณ์ ละกฎหมายแข่งขันทางการค้า สวนทางกับประเทศอื่นที่มีคะแนนดีขึ้น
.
อย่าง ‘มาเลเซีย’ เองก็แซงไทยไปแล้ว ด้วยการขยับอันดับด้านประสิทธิภาพภาครัฐ สะท้อนให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่า ‘กฎเกณฑ์และกลไกของภาครัฐ’ ของไทยปรับตัวช้า จนฉุดรั้งความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
.
กฎหมายล้าสมัยซับซ้อน เปิดช่องคอร์รัปชัน แก้มานานก็แก้ไม่ได้
.
SCB EIC อธิบายว่า ต้นตอของปัญหาคือ ไทยมีกฎหมาย-ใบอนุญาตกว่า 100,000 ฉบับ
เรียกว่า ‘กฎหมายล้าสมัยและซับซ้อน’ กระบวนการขั้นตอนเยอะ ใช้ดุลยพินิจสูง เปิดช่องคอร์รัปชันเพื่อเร่งรัด สร้างต้นทุนแฝงให้ประชาชนและธุรกิจ บั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุน กลายเป็นอุปสรรคสำคัญของประเทศ
.
ถ้ามาเจาะดูเฉพาะด้านสินบน ผลสำรวจพบว่า ช่วงปี 2022-2025 ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกับภาครัฐต้องจ่าย ‘เงินเพิ่มพิเศษ’ ให้กับ ‘ข้าราชการ’ หรือ ‘นักการเงินทุจริต’ เพื่อให้ได้สัญญาเพิ่มขึ้นเป็น 15-30% เทียบกับช่วงก่อนหน้าที่อยู่ที่ 1-15%
.
แม้ไทยเริ่มปฏิรูปกฎเกณฑ์ภาครัฐมานานแล้ว แต่ยังไม่เห็นผลชัดเจน นั่นเป็นเพราะว่า ขาดผู้นำมุ่งมั่นจริงจัง ขาดเจ้าภาพหลัก ขาดแรงจูงใจของระบบราชการ และความต่อเนื่องของการเมือง
.
ถ้าดูชาติที่ปฏิรูปกฎเกณฑ์ภาครัฐได้สำเร็จอย่าง เกาหลีใต้ อังกฤษ หรือเวียดนาม จะมีปัจจัยร่วมอย่างผู้นำตั้งเป้าปฏิรูปครั้งใหญ่ กำหนดกรอบเวลาชัด มีเจ้าภาพกลางที่มีอำนาจ ออกแบบระบบติดตามโปร่งใส และเปิดให้เอกชนกับประชาสังคมร่วมมือด้วย
.
ถอดบทเรียนเวียดนาม จริงจัง-เป็นระบบ
.
SCB EIC บอกว่า เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความพยายามในการปฏิรูปเศรษฐกิจและปรับปรุงประสิทธิภาพของภาครัฐอย่างจริงจัง ผ่าน ‘ปฏิรูปกฎหมาย’ ตั้งแต่ปี 2007
.
และเห็นพัฒนาการได้จากดัชนีการรับรู้การคอร์รัปชันที่ดีขึ้น (จากอันดับ 111 ในปี 2015 มาเป็น 88 ในปี 2024) ขณะที่ของไทยแย่ลง (จากอันดับ 76 ในปี 2015 มาเป็น 107 ในปี 2024)

นอกจากนั้น ‘ปรับปรุงระบบราชการ’ เวียดนามยังเร่งแผนปฏิรูปอีกหลายด้าน ตั้งแต่การลงทุนภาคเอกชน ทุนมนุษย์และทักษะ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป้าหมายชัดเจนคือต้องการสร้าง ‘Lean-Digital-Fast government’ หรือลดขนาดและความซับซ้อนของภาครัฐ ทำให้เอกชนแข่งขันได้มากขึ้น
ผ่านการทำงานที่เป็นรูปธรรมมากอย่าง ควบรวมกระทรวง ลดจำนวนข้าราชการ เริ่มใช้ระบบดิจิทัล และตั้งเป้าว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะต้องลดกระบวนการภาครัฐให้ได้ 30% และเปลี่ยนบทบาทให้ภาคธุรกิจเริ่มทำก่อน แล้วกำกับติดตามภายหลังแทน
ดังนั้น หากไทยยังไม่เร่งการปฏิรูปกฎเกณฑ์อย่างจริงจังและเป็นระบบ ประสิทธิภาพภาครัฐของเวียดนามจะยิ่งทิ้งห่างภาครัฐของไทยมากขึ้น
.
เริ่มต้นจาก 5 อุตสาหกรรมหลัก แล้วนำไปเป็นแบบอย่าง
.
โดย SCB EIC เสนอให้เริ่มต้นจาก 5 อุตสาหกรรมหลักที่ไทยมีศักยภาพสูงและแข่งขันกับโลกได้ ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมท่องเที่ยว การแพทย์และการส่งเสริมสุขภาพ อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรม Smart electronics
.
เพราะอุตสาหกรรมเหล่านี้จ้างงานเยอะและต่อเนื่อง รวมถึงเกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจส่วนอื่นๆ มาก การเลือกปฏิรูปกฎเกณฑ์ในอุตสาหกรรมพวกนี้จะเกิดผลลัพธ์ที่จับต้องและเป็นต้นแบบให้อุตสาหกรรมอื่นได้ แต่ก็ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน และประชาสังคมด้วย
.
อ่านเนื้อหาของรายงานฉบับเต็ม คลิก
.
.

.
น้ำท่วมอ่างทอง ผู้ป่วยติดเตียงโอดแช่น้ำนานกว่า 2 เดือน
.
ปีนี้น้ำท่วมสูงกว่าปี 54 อ่างทองยังหนัก น้ำยังคงท่วมสูงหลังเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำต่อเนื่อง น้ำท่วมบ้านนานกว่า 2 เดือน ผู้ป่วยติดเตียงสุดลำบาก นำเก้าอี้มาต่อเป็นที่นอนชั่วคราว
.
น้ำท่วมอ่างทอง วันนี้ (13 พ.ย.68) สถานการณ์น้ำยังคงท่วมสูงหลังเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง ผู้สูงอายุ วัย 81 ปีป่วยติดเตียงนอนแช่น้ำหลังท่วมนานกว่า 2 เดือน ภายในบ้านมีผู้พักอาศัยเพียง 2 คน ป้าบุญล้อม พลลาภ วัย 65 ปี ชาวตำบลโผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ต้องดูแล ลุงธัชพล เมฆกระจ่าง อายุ 81 ปี สามีที่ป่วยติดเตียงอยู่บนบ้านที่ถูกน้ำท่วมสูงมานานกว่า 2 เดือนแล้ว แม้จะต้องลำบากเดินลุยน้ำภายในบ้านที่คับแคบจากสิ่งของที่ต้องยกขึ้นสูงหนีน้ำ และใช้เก้าอี้มาต่อเป็นที่นอนชั่วคราว แต่ป้าบุญล้อมก็ยังไม่ยอมย้ายหนีไปอยู่ที่อื่น
.
ป้าบุญล้อม เล่าว่า ลุงธัชพลป่วยติดเตียงมานากว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งปีนี้ที่บ้านถูกน้ำท่วมสูง มากกว่าปี 2554 แม้จะกลัวที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้ำทั้งสัตว์เลื้อยคลาน ทั้งอันตรายจากกระแสไฟฟ้ารั่ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ตอนนี้ทำใจ แล้วแต่เวรกรรม เพราะไม่อยากย้ายไปอยู่ที่อื่น แม้จะลำบากก็ยังมี สมาชิก อบต. และกำนัน คอยแวะเวียนมาดูแล เอาข้าวเอาน้ำมาส่งให้ตลอด อยากให้น้ำลดลงไว ๆ จะได้ไม่ลำบากมากไปกว่านี้
.
ขณะที่สถานการ์ล่าสุดเขื่อนเจ้าพระยาที่จังหวัดชัยนาทการคงระบายน้ำอยู่ที่ 2,900 ลบ.ม./วินาที ทำให้ระดับน้ำที่สถานีชลมาตร C7A สำนักชลประทานที่ 12 หน้าศาลากลางจังหวัดอ่างทองระดับน้ำอยู่ที่ 9.62  เมตร/รทก. สูงกว่าจุดวิกฤติ 8.50 เมตร เบื้องต้นพื้นที่จังหวัดอ่างทองยังคงมีน้ำท่วม  4 อำเภอ 34 ตำบล 150 หมู่บ้าน คือ อ.เมือง ,อ.ป่าโมก, อ.วิเศษชัยชาญ และ อ.ไชโย มีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมแล้วกว่า 5,000 หลังคาเรือน
.

.
กัมพูชายื่นคำร้องด่วน 7 ข้อ จี้นานาชาติสอบเหตุปะทะบ้านหนองจาน
.
กัมพูชายื่นคำร้องเร่งด่วน 7 ข้อไปยังองค์กรสิทธิมนุษยชนกรณีเหตุปะทะบ้านหนองจาน เรียกร้องปล่อย 18 ทหารไม่มีเงื่อนไข-เอาผิดทางอาญาผู้สั่งการ
.
จากกรณีเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 68 ที่กัมพูชาได้ใช้อาวุธปืนยิงมาบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ทำให้ฝ่ายไทยต้องตอบโต้ จนกัมพูชาอ้างว่ามีพลเรือนเสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 3 คนนั้น
.
ปรากฏว่าในวันเดียวกัน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (CHRC) ได้ยื่นคำร้องเร่งด่วนไปยังองค์กรสิทธิมนุษยชนระดับนานาชาติและภูมิภาคหลายแห่ง โดยระบุว่า การกระทำของฝ่ายไทยเป็นการกระทำที่โหดร้ายและไร้มนุษยธรรม ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
.
CHRC ระบุว่า การกระทำของไทย ละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (UDHR) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) และอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน (CAT) นอกจากนี้ยังถือเป็นการละเมิดปฏิญญาสันติภาพระหว่างกัมพูชาและไทยอย่างชัดเจน
.
CHRC ได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการอย่างเร่งด่วนไปยังสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ประจำเจนีวา สำนักงานประจำภูมิภาคของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำกรุงเทพมหานคร สถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในอาเซียน และประธานและผู้แทนถาวรของมาเลเซียประจำคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (AICHR)
โดยในการอุทธรณ์อย่างเร่งด่วน CHRC ได้ยื่นคำร้องสำคัญดังต่อไปนี้
.
1. เรียกร้องให้ทางการไทยยุติการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ทั้งหมด และให้ความเคารพอย่างเต็มที่ต่อความปลอดภัยของพลเรือนชาวกัมพูชาตามแนวชายแดน
.
2. ร่วมมือกับรัฐบาลไทยเพื่อให้แน่ใจว่ามีการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นอิสระ เป็นกลาง และโปร่งใส และเพื่อให้แน่ใจว่าบุคคลใด ๆ ที่รับผิดชอบในการอนุมัติหรือดำเนินการอันผิดกฎหมายนี้จะต้องรับผิดทางอาญา
.
3. เรียกร้องให้ทางการไทยให้การรักษาพยาบาล การชดเชย และการชดเชยแก่เหยื่อและครอบครัวอย่างเร่งด่วน
.
4. เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเสริมสร้างกลไกการป้องกันและการสร้างความเชื่อมั่น และดำเนินการตามปฏิญญาสันติภาพอย่างเต็มที่
.
5. พิจารณานำเรื่องนี้ขึ้นหารือต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติหรือขั้นตอนพิเศษที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แน่ใจว่ามีการรับผิดชอบและไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก
.
6. พิจารณาส่งคณะผู้แทนตรวจสอบข้อเท็จจริงลงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่อประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนโดยตรงและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ
.
7. เรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการปล่อยตัวและส่งทหารกัมพูชา 18 นายกลับประเทศโดยทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข
.
CHRC ยืนยันถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของกัมพูชาต่อหลักการของกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และเรียกร้องให้ชุมชนระหว่างประเทศต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการละเมิดร้ายแรงเหล่านี้ และดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับรองความยุติธรรมให้กับเหยื่อและการคุ้มครองพลเรือนทั้งหมดตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่