JJNY : ชายแดนสระแก้วเริ่มตึงเครียด│กัมพูชาผิดหวังสหประชาชาติเพิกเฉย│น้ำท่วมชัยนาท เริ่มส่งกลิ่นเหม็น │33 จว. ฝนถล่มหนัก

ดีเดย์ผลักดันชาวกัมพูชา ชายแดนสระแก้วเริ่มตึงเครียด ทหารกัมพูชาเพิ่มกำลังเท่าตัว
.
.
สระแก้ว-ชายแดนสระแก้วเริ่มตึงเครียด ดีเดย์ปฏิบัติการผลักดันชาวกัมพูชาที่รุกล้ำแผ่นดินไทยออกจากพื้นที่ พบมวลชนกัมพูชารวมตัวพร้อม ทหารเพิ่มกำลังเท่าตัว
.
ความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว  เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชาจังหวัดสระแก้ว ยังคงมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง หลังทางจังหวัดได้กำหนดให้วันนี้ (10 ตุลาคม 2568) เป็นวันสุดท้ายที่ชาวกัมพูชาต้องอพยพออกจากพื้นที่ฝั่งไทย
.
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กองกำลังบูรพาได้ใช้โดรนบินสำรวจพื้นที่แนวชายแดนทั้งสองจุด เพื่อประเมินสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของมวลชนทั้งสองฝั่ง ปรากฏว่าผลการตรวจสอบพบความเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตาบริเวณ บ้านหนองหญ้าแก้ว พบกลุ่มประชาชนชาวกัมพูชาประมาณ 30–40 คนเริ่มรวมตัวอยู่บริเวณใกล้แนวรั้วลวดหนามในลักษณะรอดูสถานการณ์ บางส่วนถือกล้องโทรศัพท์ถ่ายภาพและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของตนเอง
.
ขณะที่ฝั่งไทยยังคงมีเจ้าหน้าที่ทหารของกองกำลังบูรพา ประจำจุดคอยสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่อง
.
ส่วนในพื้นที่ บ้านหนองจาน ซึ่งถือเป็นแนวพื้นที่อ่อนไหวมากที่สุดจากกรณีพิพาทเขตแดนที่ผ่านมา พบว่า ทหารกัมพูชามีกำลังเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเกือบเท่าตัว โดยเฉพาะในบริเวณ “จุดเต็นท์สีฟ้า” ซึ่งตั้งอยู่ประชิดแนวชายแดน พบกำลังพลหลายสิบนายผลัดเปลี่ยนกันปฏิบัติหน้าที่ตลอดแนว บางส่วนติดอาวุธครบมือและมีลักษณะเฝ้าระวังใกล้ชิด
.
เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวคาดว่าเกี่ยวข้องกับการที่วันนี้เป็นวันที่ทางจังหวัดสระแก้วกำหนดให้ชาวพุทธกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทยต้องอพยพออกทั้งหมดและขนย้ายสิ่งของออกไป
...
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินของหน่วยข่าวในพื้นที่ คาดว่าในช่วงสายถึงเที่ยงวันนี้ น่าจะมีมวลชนชาวกัมพูชาเดินทางเข้ามาเพิ่มอีกหลายเท่าตัว เพื่อรอดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
.
เจ้าหน้าที่กองกำลังบูรพา และหน่วยเฉพาะกิจที่ 12 ยังคงวางกำลังในพื้นที่อย่างเข้มงวด พร้อมทั้งบินโดรนตรวจการณ์ต่อเนื่อง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันและรักษาความสงบเรียบร้อยตลอดแนวชายแดน
.
ขณะเดียวกัน ผู้นำชุมชนฝั่งไทยและฝ่ายปกครองอำเภอโคกสูงยังคงประสานงานกับชาวบ้านในพื้นที่ให้ติดตามข่าวสารจากทางการอย่างใกล้ชิด และขอให้หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้แนวชายแดนในช่วงเวลานี้ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทุกคน
.

.
กัมพูชาผิดหวัง สหประชาชาติเพิกเฉยกรณีชาวกัมพูชาถูกขับไล่จากพื้นที่ชายแดน
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/258851
.
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งกัมพูชาส่งจดหมายถึงสหประชาชาติ แสดงความผิดหวังต่อท่าทีนิ่งเฉยต่อกรณีชาวกัมพูชาถูกขับไล่จากพื้นที่ชายแดน
.
วันที่ 9 ต.ค. 68 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งกัมพูชา (CHRC) ส่งจดหมายถึง บาลกฤษนัน ราชโกปาล ผู้รายงานพิเศษสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เกี่ยวกับสถานการณ์ภัยคุกคามต่อสิทธิในการมีที่อยู่อาศัยของพลเมืองกัมพูชาบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย
CHRC ระบุว่า ขอย้ำคำอุทธรณ์เร่งด่วนลงวันที่ 15 ส.ค. 68 เกี่ยวกับการกระทำของกองกำลังทหารไทยที่รุกล้ำดินแดนกัมพูชา สร้างรั้วลวดหนาม ปิดกั้นทางเข้าบ้านเรือนและพื้นที่เพาะปลูก และคุกคามสิทธิและความปลอดภัยของพลเรือนชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน
.
CHRC มีความกังวลอย่างยิ่งว่า แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 68 และบันทึกการประชุมพิเศษของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 68 จำนวน 13 ข้อ แต่กัมพูชากลับได้รับรายงานที่น่าเชื่อถือว่า ทางการทหารของไทยมีเจตนาที่จะประกาศใช้กฎอัยการศึกเพื่อขับไล่หรือย้ายพลเมืองกัมพูชาออกจากบ้านเรือนและที่ดินที่ตั้งอยู่ในดินแดนกัมพูชาโดยใช้กำลังและผิดกฎหมาย
.
ชาวกัมพูชาที่ถูกบังคับให้พลัดถิ่นหรือถูกคุกคามจากการถูกขับไล่กำลังเผชิญกับความทุกข์ทรมานและความยากลำบากอย่างใหญ่หลวง หลายครอบครัวอาศัยอยู่ในที่ดินผืนนี้มาหลายชั่วอายุคน ไม่เพียงแต่สร้างบ้านเรือนเท่านั้น แต่ยังสร้างชุมชน วิถีชีวิต และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึกในพื้นที่เหล่านั้นด้วย
.
การสูญเสียบ้านเรือนนำไปสู่การสูญเสียที่อยู่อาศัย ความปลอดภัย ความมั่นคง และการเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน ซึ่งนำไปสู่ภาวะไร้ที่อยู่อาศัย ความยากจน และความไม่มั่นคงทางสังคม
.
เด็ก ๆ กำลังถูกบังคับให้ละทิ้งการศึกษา ผู้สูงอายุต้องเผชิญกับสุขภาพที่เสื่อมถอย ผู้หญิงและกลุ่มเปราะบางอื่น ๆ กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่สูงขึ้น บาดแผลทางจิตใจจากการใช้ชีวิตภายใต้ความไม่แน่นอน ความหวาดกลัว และความกลัวการสูญเสียบ้านเรือน ยิ่งซ้ำเติมความทุกข์ทรมานของพวกเขา
ในเรื่องนี้ CHRC ขอเรียกร้องอย่างเคารพต่อผู้รายงานพิเศษเรื่องสิทธิในการมีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม โดยอยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคุณในการส่งเสริมและติดตามสิทธิมนุษยชนในเรื่องที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม ให้ร่วมมือกับรัฐบาลไทยอย่างเร่งด่วนเพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนชาวกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบได้รับการเคารพในสิทธิในการมีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม ป้องกันการละเมิดใด ๆ เพิ่มเติม และอำนวยความสะดวกในการดำเนินมาตรการแก้ไขที่เหมาะสมตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
.
CHRC ขอแสดงความผิดหวังอย่างยิ่งที่ผู้รายงานพิเศษยังไม่ได้ตอบสนองต่อคำร้องขอเร่งด่วนนี้ เนื่องจากการนิ่งเฉยอย่างต่อเนื่องนี้อาจเสี่ยงต่อการทำลายความเชื่อมั่นในกลไกสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติและประสิทธิภาพของกระบวนการพิเศษ เมื่อชุมชนต่าง ๆ ต้องเผชิญกับการอพยพในเร็ว ๆ นี้ การมีส่วนร่วมอย่างทันท่วงที และการสนับสนุนจากประชาชนผู้มีอำนาจถือเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันอันตรายที่ไม่อาจแก้ไขได้
.
CHRC ย้ำถึงความมุ่งมั่นในการสร้างความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ภายใต้กลไกสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติทุกประการ เราเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินการอย่างขยันขันแข็งและตอบสนองความต้องการของผู้มีอำนาจหน้าที่ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รายงานพิเศษว่าด้วยสิทธิในการมีที่อยู่อาศัยที่เพียงพอ เมื่อกล่าวถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของชุมชนที่เปราะบาง ความสมบูรณ์ของระบบสิทธิมนุษยชนขึ้นอยู่กับการแทรกแซงอย่างรวดเร็ว ปราศจากอคติ และมีประสิทธิภาพ
.
ดังนั้น CHRC จึงขอเรียกร้องให้ผู้รายงานพิเศษพิจารณาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนที่สุด และสนับสนุนข้อเรียกร้องของกัมพูชาให้มีความรับผิดชอบ เราขอแสดงความนับถือต่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของผู้รายงานพิเศษในการยึดมั่นในหลักการสิทธิมนุษยชน กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และความยุติธรรมสำหรับเหยื่อของการกระทำที่ผิดกฎหมาย
.

.
น้ำท่วมชัยนาท เริ่มส่งกลิ่นเหม็น ชาวบ้านหลายครอบครัว นอนริมถนนยาวหลายกิโลเมตร
.
อ่วมหนัก น้ำท่วมชัยนาท เริ่มส่งกลิ่นเหม็น ประชาชนอพยพมาอาศัยอยู่บริเวณที่พักชั่วคราวกว่า 600 ครัวเรือน นอนริมถนนยาวหลายกิโลเมตร
.
วันที่ 10 ต.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เขื่อนเจ้าพระยาปรับลดการระบายจาก 2,400 ลบ.ม./วินาที เป็น 2,300 ลบ.ม./วินาที เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำฝน-น้ำท่า และบรรเทาทุกข์ชาวบ้าน 11 จังหวัด ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำท้ายเขื่อนลดลง 23 ซม.
สำหรับสถานการณ์น้ำปัจจุบันที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านจุดวัดอยู่ที่ 2,707 ลบ.ม./วินาที ลดลงต่อเนื่อง ส่วนที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.07 เมตร/รทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนทรงตัวอยู่ที่ 15.47 เมตร/รทก. ห่างจากตลิ่ง 87 ซม.
...
ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท กว่า 1,300 ครัวเรือน ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ประชาชนอพยพมาอาศัยอยู่บริเวณที่พักชั่วคราวกว่า 600 ครัวเรือน ริมถนนสายคันคลองมหาราช เป็นแนวยาวหลายกิโลเมตร และบางรายยังคงอาศัยอยู่ในบริเวณชั้น 2 ของบ้าน ที่ถูกน้ำท่วม โดยใช้เรือสัญจรเข้าออกหมู่บ้าน ซึ่งทางเทศบาลตำบลโพนางดำออก ยังคงให้การช่วยเหลือ ในเรื่องของการแจกอาหาร รวมไปถึงน้ำที่ใช้การอุปโภค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
.
ทางด้าน นางเฉลิม จับใจ ชาวบ้านในพื้นที่ ม.3 ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เปิดเผยว่า จากปัญหาน้ำท่วมตนรับสภาพได้เนื่องจากสมัยก่อนก็ประสบปัญหาเป็นประจำ ซึ่งในปีนี้ ทางเทศบาลตำบลโพนางดำออกได้ทำการป้องกันน้ำอย่างเต็มที่ หากไม่ได้ทางนายกเทศบาลป้องกันเอาไว้น้ำก็คาดว่าจะเข้าท่วมพื้นที่นานแล้ว ซึ่งตอนนี้ยอมรับว่าใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก และปัจจุบันน้ำเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น รวมไปถึงการเข้าช่วยเหลือบางครั้งก็อาจจะเข้าไม่ถึงเพราะบางจุดก็ประสบปัญหาน้ำท่วมหนักกว่า แต่ต้องขอบคุณหลายๆ หน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม
.
นอกจากนี้แล้ว ที่จุดบริเวณโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโพนางดำออก ยังถูกน้ำท่วมไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ โดยทางเจ้าหน้าที่ ได้ทำการตั้งเต็นท์ชั่วคราว เพื่อคอยอำนวยให้กับชาวบ้านที่มีอาการเจ็บป่วย ส่วนทางด้านสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดชัยนาท ได้นำสารบำบัดน้ำเสียและขจัดกลิ่นเหม็น พด.6 มาใส่ยังจุดที่น้ำท่วมขังที่เริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็นให้กับชาวบ้านในพื้นที่
.
ทางด้าน นายอนุชา นาคาศัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชัยนาท เขต 1 พร้อมด้วย นางจิตร์ธนา ยิ่งทวีลาภา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท นางลัดดาวัลย์ ผาสุพันธ์ นายอำเภอสรรพยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ ต.โพนางดำออก ปริมาณน้ำเริ่มมีระดับลดลงแต่ยังไม่คลี่คลาย มีผู้ประสบภัยกว่า 1,300 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อน
.
สำหรับถุงยังชีพ ด้วยความห่วงใจจาก ส.ส.อนุชา ที่ใช้เงินงบประมาณส่วนตัวจัดซื้อสิ่งของที่นำมามอบในครั้งนี้ ภายในถุงยังชีพจะประกอบไปด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค บริโภค นำมามอบให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ต.โพนางดำออกที่ประสบกับปัญหาอุทกภัยในครั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่