การที่คนไข้คนหนึ่งจะได้ "ยามุ่งเป้า" (Targeted Therapy) หรือ "ยาเคมีบำบัด" (คีโม) มันมีปัจจัยหลักๆ อยู่ 2 ด่านครับ
ด่านแรกคือ "ข้อบ่งชี้ทางการแพทย์" และด่านที่สองคือ "สิทธิ์การรักษา"
🤔 ด่านแรก: ตรวจ "เป้า" ของมะเร็ง (สำคัญที่สุด)
ลองนึกภาพตามนะครับ มะเร็งไม่ใช่โรคเดียว แต่มีเป็นร้อยเป็นพันแบบย่อยๆ
🩺 ยาเคมีบำบัด (คีโม)
เปรียบเหมือน "ระเบิดปูพรม" ครับ มันถูกออกแบบมาให้ไปจัดการกับเซลล์ที่ "แบ่งตัวเร็ว" ซึ่งเซลล์มะเร็งมันแบ่งตัวเร็ว มันจึงโดนยา แต่เซลล์ปกติที่แบ่งตัวเร็ว เช่น รากผม, เยื่อบุปาก, ไขกระดูก ก็โดนลูกหลงไปด้วย เราเลยผมร่วง ปากเป็นแผล หรือเม็ดเลือดต่ำ
สำหรับมะเร็ง "หลายชนิด" คีโมยังคงเป็น "อาวุธหลัก" ที่รักษาได้ผลดีที่สุด และยังคงเป็นมาตรฐานของมะเร็งหลากหลายชนิด
---
💡 ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy)
เปรียบเหมือน "กุญแจ" หรือ "สไนเปอร์" ครับ มันถูกออกแบบมาให้ไปจับกับ "เป้าหมาย" (Target) หรือ "แม่กุญแจ" ที่อยู่บนผิวเซลล์มะเร็งเท่านั้น มันจึงตรงจุดกว่า และผลข้างเคียงต่อเซลล์ปกติน้อยกว่า (แต่ก็มีผลข้างเคียงในแบบของมันเอง)
ประเด็นสำคัญที่สุดอยู่ตรงนี้ครับ...
"ไม่ใช่" มะเร็งทุกชนิด จะมี "เป้า" ให้ยามุ่งเป้าไปจับครับ
ก่อนจะให้ยา หมอ "จำเป็น" ต้องส่งชิ้นเนื้อมะเร็งไปตรวจพิเศษก่อน
• ถ้าตรวจ "ไม่พบเป้า": ก็เหมือนเรามีกุญแจ แต่ไม่มีแม่กุญแจครับ ต่อให้เป็นยามุ่งเป้าที่แพงที่สุดในโลก ให้ไปก็ "ไม่ได้ผล" เลยแม้แต่น้อย ในกรณีนี้ "ยาเคมีบำบัด" คือการรักษาที่ "ถูกต้อง" และ "ดีที่สุด" สำหรับคนไข้คนนั้นครับ ไม่เกี่ยวกับฐานะเลยแม้แต่น้อย
• ถ้าตรวจ "พบเป้า": แปลว่าคนไข้คนนี้ "มีโอกาส" ที่จะตอบสนองต่อยามุ่งเป้าครับ... และหมอถึงจะไปพิจารณาด่านที่สองต่อ
---
💰 ด่านที่สอง: ความจริงเรื่อง "ค่าใช้จ่าย" และ "สิทธิ์เบิกจ่าย"
ทีนี้ มาถึงคำถามที่ค้างคาใจ ว่าตกลงมันเกี่ยวกับ "เงิน" หรือ "สิทธิ์" ไหม?
ยามุ่งเป้าเกือบทุกชนิดมีราคาสูงถึงสูงมาก นี่คือ "ข้อเท็จจริง" ครับ
ดังนั้น เมื่อคนไข้ "ตรวจพบเป้า" (ผ่านด่านแรกแล้ว) หมอจะพิจารณาต่อว่า:
* ยามุ่งเป้าตัวนั้น อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ หรือไม่?
* "สิทธิ์การรักษา" ที่คนไข้มี (บัตรทอง, ประกันสังคม, ข้าราชการ, ประกันส่วนตัว) ครอบคลุมยาตัวนั้นหรือไม่?
"ความจริง" ที่ต้องยอมรับครับว่า สิทธิ์การรักษาแต่ละแบบ ครอบคลุมยาที่ "จำเป็น" ตามมาตรฐาน แต่ "ยามุ่งเป้าตัวใหม่ๆ" หรือ "ยาราคาแพงมากๆ" บางตัว อาจจะ "ยังไม่ถูกบรรจุ" หรือ "ยังเบิกไม่ได้" ในบางสิทธิ์ เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณของระบบสาธารณสุขโดยรวม ที่ต้องพิจารณาความคุ้มค่าเพื่อให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงยาที่จำเป็นได้ก่อน
ดังนั้น ถ้าคนไข้ 2 คน "ตรวจพบเป้า" เหมือนกัน
• คนที่มีสิทธิ์เบิกจ่ายที่ครอบคลุม มีประกันสุขภาพที่ดี ในบริษัทประกันที่เชื่อถือได้ หรือมีกำลังทรัพย์ส่วนตัว ก็อาจจะเข้าถึงยานั้นได้
• คนที่สิทธิ์ยังไม่ครอบคลุมยานั้น หมอก็จำเป็นต้องให้การรักษา "มาตรฐานที่ดีที่สุด" ที่มีอยู่ในสิทธิ์นั้นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือยาเคมีบำบัด หรือยามุ่งเป้าตัวที่เบิกได้ครับ
---
🎗️ สรุปง่ายๆ ตามความเป็นจริง
* หมอไม่ได้เลือกยาจาก "ฐานะ" แต่เลือกจาก "ชิ้นเนื้อ" ก่อนเป็นอันดับแรก
* ถ้าชิ้นเนื้อ "ไม่มีเป้า" การให้คีโมคือ "ถูกต้องที่สุด" ไม่ว่าจะรวยหรือจน
* ถ้าชิ้นเนื้อ "มีเป้า" ยามุ่งเป้าถึงจะเป็น "ทางเลือก"
* เมื่อเป็นทางเลือกแล้ว "สิทธิ์การเบิกจ่าย" และ "ค่าใช้จ่าย" จึงจะเป็น "ปัจจัยที่สอง" ที่ต้องนำมาพิจารณาครับ
หมอเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นนะครับ แต่อยากให้คนไข้และญาติมั่นใจว่า ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด คือการวินิจฉัย "ชนิด" ของโรคให้ถูกต้อง การที่บางคนได้คีโม ไม่ได้แปลว่าหมอรักเขาน้อยกว่า หรือเพราะเขาจนครับ แต่บ่อยครั้งมันแปลว่า "คีโมคืออาวุธที่เหมาะกับโรคของเขาที่สุด" ครับ
ถ้ายังมีข้อสงสัยในแนวทางการรักษาของตัวเอง ถามหมออายุรศาสตร์มะเร็งวิทยาเจ้าของไข้ได้เลยนะครับ การสื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมาสำคัญที่สุดครับ
คุณสามารถแบ่งเป็นประสบการณ์การเบิกจ่ายยามุ่งเป้าได้ โดยช่วยบอกโรคมะเร็งที่เป็น ระยะที่เป็น และค่าใช้จ่ายที่คุณต้องเสียให้ผู้อ่านท่านอื่นได้ทราบข้อมูลเป็นสังเขป
หมอมีคลิปให้ความรู้เรื่องยามุ่งเป้าและยาภูมิคุ้มกันบำบัด และ
อีกคลิปนึง เรื่องผู้ป่วยมะเร็งไม่มีเงินตายสถานเดียว จริงหรือ หาชมได้ครับ
ใน comment
#หมอชวลิต #ยามุ่งเป้า #เคมีบำบัด #รักษามะเร็ง #สิทธิ์การรักษา #ข้อเท็จจริงมะเร็ง
ปล. ห้ามขายประกันโดยเด็ดขาด
CR
https://www.facebook.com/share/1BQUB9aQaS/?mibextid=wwXIfr
เคยสงสัยมั้ย ทำไมคนไข้คนนึง ได้ยามุ่งเป้า อีกคนได้ยาเคมีบำบัด?
ด่านแรกคือ "ข้อบ่งชี้ทางการแพทย์" และด่านที่สองคือ "สิทธิ์การรักษา"
🤔 ด่านแรก: ตรวจ "เป้า" ของมะเร็ง (สำคัญที่สุด)
ลองนึกภาพตามนะครับ มะเร็งไม่ใช่โรคเดียว แต่มีเป็นร้อยเป็นพันแบบย่อยๆ
🩺 ยาเคมีบำบัด (คีโม)
เปรียบเหมือน "ระเบิดปูพรม" ครับ มันถูกออกแบบมาให้ไปจัดการกับเซลล์ที่ "แบ่งตัวเร็ว" ซึ่งเซลล์มะเร็งมันแบ่งตัวเร็ว มันจึงโดนยา แต่เซลล์ปกติที่แบ่งตัวเร็ว เช่น รากผม, เยื่อบุปาก, ไขกระดูก ก็โดนลูกหลงไปด้วย เราเลยผมร่วง ปากเป็นแผล หรือเม็ดเลือดต่ำ
สำหรับมะเร็ง "หลายชนิด" คีโมยังคงเป็น "อาวุธหลัก" ที่รักษาได้ผลดีที่สุด และยังคงเป็นมาตรฐานของมะเร็งหลากหลายชนิด
---
💡 ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy)
เปรียบเหมือน "กุญแจ" หรือ "สไนเปอร์" ครับ มันถูกออกแบบมาให้ไปจับกับ "เป้าหมาย" (Target) หรือ "แม่กุญแจ" ที่อยู่บนผิวเซลล์มะเร็งเท่านั้น มันจึงตรงจุดกว่า และผลข้างเคียงต่อเซลล์ปกติน้อยกว่า (แต่ก็มีผลข้างเคียงในแบบของมันเอง)
ประเด็นสำคัญที่สุดอยู่ตรงนี้ครับ...
"ไม่ใช่" มะเร็งทุกชนิด จะมี "เป้า" ให้ยามุ่งเป้าไปจับครับ
ก่อนจะให้ยา หมอ "จำเป็น" ต้องส่งชิ้นเนื้อมะเร็งไปตรวจพิเศษก่อน
• ถ้าตรวจ "ไม่พบเป้า": ก็เหมือนเรามีกุญแจ แต่ไม่มีแม่กุญแจครับ ต่อให้เป็นยามุ่งเป้าที่แพงที่สุดในโลก ให้ไปก็ "ไม่ได้ผล" เลยแม้แต่น้อย ในกรณีนี้ "ยาเคมีบำบัด" คือการรักษาที่ "ถูกต้อง" และ "ดีที่สุด" สำหรับคนไข้คนนั้นครับ ไม่เกี่ยวกับฐานะเลยแม้แต่น้อย
• ถ้าตรวจ "พบเป้า": แปลว่าคนไข้คนนี้ "มีโอกาส" ที่จะตอบสนองต่อยามุ่งเป้าครับ... และหมอถึงจะไปพิจารณาด่านที่สองต่อ
---
💰 ด่านที่สอง: ความจริงเรื่อง "ค่าใช้จ่าย" และ "สิทธิ์เบิกจ่าย"
ทีนี้ มาถึงคำถามที่ค้างคาใจ ว่าตกลงมันเกี่ยวกับ "เงิน" หรือ "สิทธิ์" ไหม?
ยามุ่งเป้าเกือบทุกชนิดมีราคาสูงถึงสูงมาก นี่คือ "ข้อเท็จจริง" ครับ
ดังนั้น เมื่อคนไข้ "ตรวจพบเป้า" (ผ่านด่านแรกแล้ว) หมอจะพิจารณาต่อว่า:
* ยามุ่งเป้าตัวนั้น อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ หรือไม่?
* "สิทธิ์การรักษา" ที่คนไข้มี (บัตรทอง, ประกันสังคม, ข้าราชการ, ประกันส่วนตัว) ครอบคลุมยาตัวนั้นหรือไม่?
"ความจริง" ที่ต้องยอมรับครับว่า สิทธิ์การรักษาแต่ละแบบ ครอบคลุมยาที่ "จำเป็น" ตามมาตรฐาน แต่ "ยามุ่งเป้าตัวใหม่ๆ" หรือ "ยาราคาแพงมากๆ" บางตัว อาจจะ "ยังไม่ถูกบรรจุ" หรือ "ยังเบิกไม่ได้" ในบางสิทธิ์ เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณของระบบสาธารณสุขโดยรวม ที่ต้องพิจารณาความคุ้มค่าเพื่อให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงยาที่จำเป็นได้ก่อน
ดังนั้น ถ้าคนไข้ 2 คน "ตรวจพบเป้า" เหมือนกัน
• คนที่มีสิทธิ์เบิกจ่ายที่ครอบคลุม มีประกันสุขภาพที่ดี ในบริษัทประกันที่เชื่อถือได้ หรือมีกำลังทรัพย์ส่วนตัว ก็อาจจะเข้าถึงยานั้นได้
• คนที่สิทธิ์ยังไม่ครอบคลุมยานั้น หมอก็จำเป็นต้องให้การรักษา "มาตรฐานที่ดีที่สุด" ที่มีอยู่ในสิทธิ์นั้นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือยาเคมีบำบัด หรือยามุ่งเป้าตัวที่เบิกได้ครับ
---
🎗️ สรุปง่ายๆ ตามความเป็นจริง
* หมอไม่ได้เลือกยาจาก "ฐานะ" แต่เลือกจาก "ชิ้นเนื้อ" ก่อนเป็นอันดับแรก
* ถ้าชิ้นเนื้อ "ไม่มีเป้า" การให้คีโมคือ "ถูกต้องที่สุด" ไม่ว่าจะรวยหรือจน
* ถ้าชิ้นเนื้อ "มีเป้า" ยามุ่งเป้าถึงจะเป็น "ทางเลือก"
* เมื่อเป็นทางเลือกแล้ว "สิทธิ์การเบิกจ่าย" และ "ค่าใช้จ่าย" จึงจะเป็น "ปัจจัยที่สอง" ที่ต้องนำมาพิจารณาครับ
หมอเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นนะครับ แต่อยากให้คนไข้และญาติมั่นใจว่า ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด คือการวินิจฉัย "ชนิด" ของโรคให้ถูกต้อง การที่บางคนได้คีโม ไม่ได้แปลว่าหมอรักเขาน้อยกว่า หรือเพราะเขาจนครับ แต่บ่อยครั้งมันแปลว่า "คีโมคืออาวุธที่เหมาะกับโรคของเขาที่สุด" ครับ
ถ้ายังมีข้อสงสัยในแนวทางการรักษาของตัวเอง ถามหมออายุรศาสตร์มะเร็งวิทยาเจ้าของไข้ได้เลยนะครับ การสื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมาสำคัญที่สุดครับ
คุณสามารถแบ่งเป็นประสบการณ์การเบิกจ่ายยามุ่งเป้าได้ โดยช่วยบอกโรคมะเร็งที่เป็น ระยะที่เป็น และค่าใช้จ่ายที่คุณต้องเสียให้ผู้อ่านท่านอื่นได้ทราบข้อมูลเป็นสังเขป
หมอมีคลิปให้ความรู้เรื่องยามุ่งเป้าและยาภูมิคุ้มกันบำบัด และ
อีกคลิปนึง เรื่องผู้ป่วยมะเร็งไม่มีเงินตายสถานเดียว จริงหรือ หาชมได้ครับ
ใน comment
#หมอชวลิต #ยามุ่งเป้า #เคมีบำบัด #รักษามะเร็ง #สิทธิ์การรักษา #ข้อเท็จจริงมะเร็ง
ปล. ห้ามขายประกันโดยเด็ดขาด
CR https://www.facebook.com/share/1BQUB9aQaS/?mibextid=wwXIfr