คนละครึ่ง ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือแค่กระตุ้น กิเลส ให้เงินหมดเร็วกว่าเดิม ?
คนละครึ่ง ใช้เงินรัฐช่วย... แต่สุดท้าย จบโครงการ ต้อง "กู้" มาใช้จ่ายของจำเป็น หรือเปล่า ?
'โครงการคนละครึ่ง' เป็นนโยบายที่ดีมากในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แต่ขณะเดียวกัน ผมดก็เริ่มเห็นคนรอบตัว หรือแม้แต่ตัวเอง ที่ใช้จ่ายกับสิ่งที่ไม่ได้จำเป็นจริงๆ มันจะเป็น ดาบสองคม หรือเปล่า
ร้านบุฟเฟต์แพงๆ คนเต็ม จนต้องรอคิว กาแฟราคาแพงๆก็ขายดี
เรารู้สึกว่า พอได้ลด 50% แล้วมันคุ้ม ซึ่งจริงๆแล้วมันอาจไม่ได้จำเป็น สำหรับตอนนี้เลย
และปัญหาที่พบบ่อยที่สุด แม้เราจะซื้อเฉพาะของที่จำเป็นคือ " ร้านค้าเพิ่มราคา "
ไม่ได้เพิ่มจนเกินราคาที่กำหนด แต่เพิ่มจากเดิม เท่าที่เห็นเพิ่มทุกร้าน 10-20% เช่น น้ำมันพืช จาก 48-50 บาท เป็น 56 บาท
สุดท้าย โครงการจบลง เงินที่มีอยู่ก็หมดไปอย่างรวดเร็ว คนที่มีเงินน้อยๆ 2000 ก็ถือว่าไม่น้อยนะ
เมื่อเงินเก็บหมด แต่มีเรื่องจำเป็นต้องใช้ (เช่น ค่าเทอม, ค่าน้ำ/ค่าไฟ) สุดท้ายก็ต้องไปกู้ยืมหรือเป็นหนี้บัตรเครดิต
แม้ 'จ่ายแค่ครึ่งเดียว' ซึ่งพอรวมๆ กันแล้วเงินที่ต้องจ่ายออกไปกลับเยอะกว่าตอนที่ไม่มีโครงการเสียอีก พอโครงการจบปุ๊บ เงินเก็บที่มีอยู่ก็หายเกลี้ยง พอเดือนถัดมาเกิดเหตุฉุกเฉินต้องใช้เงินจริงๆ กลายเป็นว่าต้องไปหาหยิบยืม หรือต้องเข้าสู่วัฏจักรหนี้สินทันที มันกลายเป็นว่ารัฐช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าหนึ่ง แต่เรากลับควักเงินในกระเป๋าอีกใบออกไปซื้อความสุขชั่วคราวแทน...
สุดท้าย ท้ายสุดแล้ว คนละครึ่งพลัส จะเป็นตัวทำลายเศรษฐกิจ อีกตัว หรือเปล่า
คนละครึ่งพลัส++ ตัวพังเศรษฐกิจ ตัวใหม่ หรือเปล่า
คนละครึ่ง ใช้เงินรัฐช่วย... แต่สุดท้าย จบโครงการ ต้อง "กู้" มาใช้จ่ายของจำเป็น หรือเปล่า ?
'โครงการคนละครึ่ง' เป็นนโยบายที่ดีมากในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แต่ขณะเดียวกัน ผมดก็เริ่มเห็นคนรอบตัว หรือแม้แต่ตัวเอง ที่ใช้จ่ายกับสิ่งที่ไม่ได้จำเป็นจริงๆ มันจะเป็น ดาบสองคม หรือเปล่า
ร้านบุฟเฟต์แพงๆ คนเต็ม จนต้องรอคิว กาแฟราคาแพงๆก็ขายดี
เรารู้สึกว่า พอได้ลด 50% แล้วมันคุ้ม ซึ่งจริงๆแล้วมันอาจไม่ได้จำเป็น สำหรับตอนนี้เลย
และปัญหาที่พบบ่อยที่สุด แม้เราจะซื้อเฉพาะของที่จำเป็นคือ " ร้านค้าเพิ่มราคา "
ไม่ได้เพิ่มจนเกินราคาที่กำหนด แต่เพิ่มจากเดิม เท่าที่เห็นเพิ่มทุกร้าน 10-20% เช่น น้ำมันพืช จาก 48-50 บาท เป็น 56 บาท
สุดท้าย โครงการจบลง เงินที่มีอยู่ก็หมดไปอย่างรวดเร็ว คนที่มีเงินน้อยๆ 2000 ก็ถือว่าไม่น้อยนะ
เมื่อเงินเก็บหมด แต่มีเรื่องจำเป็นต้องใช้ (เช่น ค่าเทอม, ค่าน้ำ/ค่าไฟ) สุดท้ายก็ต้องไปกู้ยืมหรือเป็นหนี้บัตรเครดิต
แม้ 'จ่ายแค่ครึ่งเดียว' ซึ่งพอรวมๆ กันแล้วเงินที่ต้องจ่ายออกไปกลับเยอะกว่าตอนที่ไม่มีโครงการเสียอีก พอโครงการจบปุ๊บ เงินเก็บที่มีอยู่ก็หายเกลี้ยง พอเดือนถัดมาเกิดเหตุฉุกเฉินต้องใช้เงินจริงๆ กลายเป็นว่าต้องไปหาหยิบยืม หรือต้องเข้าสู่วัฏจักรหนี้สินทันที มันกลายเป็นว่ารัฐช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าหนึ่ง แต่เรากลับควักเงินในกระเป๋าอีกใบออกไปซื้อความสุขชั่วคราวแทน...
สุดท้าย ท้ายสุดแล้ว คนละครึ่งพลัส จะเป็นตัวทำลายเศรษฐกิจ อีกตัว หรือเปล่า