ข่าวดี! 'คนละครึ่งพลัส' เฟส2 ผู้ร่วมเฟสแรกได้สิทธิต่อเลย ส่วนคนที่ไม่ร่วมเฟสแรกรับ 4 พัน เริ่มใช้ ม.ค.69

ข่าวดี! คนละครึ่งพลัส เฟส2 ผู้ร่วมเฟสแรกได้สิทธิต่อเลย ส่วนคนที่ไม่ร่วมเฟสแรกรับ 4 พัน เริ่มใช้มกราคม 69

เมื่อวันที่ 12 กันยายน นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงโครงการคนละครึ่งพลัสว่า ข้อมูลวันที่ 11 พ.ย. 2568 เวลา 23.00 น. มีประชาชนใช้จ่ายสำเร็จแล้ว  19,760,269 คน จากจำนวนผู้ได้รับสิทธิ 20,000,000 คน ยอดการใช้จ่ายรวม 31,837.1 ล้านบาทบาท โดยแบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่าย 15,877.3 ล้านบาท และส่วนที่รัฐบาลจ่าย 15,473.4ล้านบาท ส่วนยอดการใช้จ่ายผ่าน Food Delivery อยู่ที่ 486.4 ล้านบาท จากร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้ว 903,480 ร้านค้า
นอกจากนี้มีประชาชนที่ถูกตัดสิทธิ 239,731 คน เนื่องจากไม่ได้เริ่มใช้จ่ายครั้งแรกภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งถือว่าไม่ประสงค์เข้าร่วมโครงการ ขณะเดียวกันมีจำนวนคนที่ใช้เงินคนละครึ่งหมดแล้ว 457,151 คน ปลัดกระทรวงการคลัง ยังได้เปิดเผยความคืบหน้าคนละครึ่งพลังเฟส2 ว่า  มีแนวโน้มว่าผู้ที่เข้าร่วมโครงการเฟสแรกจะมีสิทธิร่วมต่อในเฟสใหม่ เพื่อให้เศรษฐกิจฐานรากคึกคักอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้กระทรวงการคลังมีแนวคิดเบื้องต้นว่าผู้ที่เข้าร่วมคนละครึ่งพลัส เฟสแรก และใช้สิทธิครบ 2,000 บาท จะสามารถเข้าร่วมต่อในเฟส 2 ได้ ส่วน ผู้ที่ไม่เข้าร่วมเฟสแรก สามารถลงทะเบียนใหม่ในเฟส 2 และได้รับวงเงิน 4,000 บาท เพื่อให้มียอดสิทธิเท่ากันกับผู้ที่ร่วมในเฟสก่อน
นายลวรณ กล่าวว่า เงินจากผู้ที่ไม่ได้ใช้สิทธิภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน  จะถูกนำมารวมไว้ใช้ในเฟส 2 และรัฐบาลจะใช้งบประมาณจากงบฯกลางปีงบประมาณ 2569 ในการดำเนินโครงการ 

ส่วนระยะเวลา ในการดำเนินการ น่าจะเสนอครม.ได้ในเดือนธันวาคม และจะเริ่มใช้สิทธิในเดือนมกราคม 2569



“คนละครึ่งพลัส” บน Grab ทะลุล้านออร์เดอร์ คนนิยมสั่ง 80-120 บาทต่อบิล

Grab เผยอินไซต์สั่งดีลิเวอรี่ผ่านโครงการ “คนละครึ่งพลัส” พบยอดออร์เดอร์ทะลุ 1 ล้าน คนนิยมสั่ง 80-120 บาทต่อบิล คนในอีโคซิสเต็มรับอานิสงส์ทั่วหน้า ฝั่งร้านค้ายอดขายโต 3 เท่า ไรเดอร์รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้น 13%

นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่งพลัสในครั้งนี้ ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามทั้งจากผู้บริโภคและผู้ประกอบการร้านค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจร้านอาหาร ไม่เฉพาะแต่การใช้จ่ายที่หน้าร้าน แต่ยังรวมถึงการสั่งอาหารผ่านบริการฟู้ดดีลิเวอรี่ด้วย

แกร็บร่วมส่งเสริมนโยบายของรัฐบาลอย่างเต็มที่โดยให้การสนับสนุนทั้งผู้ประกอบการร้านอาหารและผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการคิด GP ในอัตราพิเศษเพียง 7% จัดส่งฟรี 5 กิโลเมตร รวมถึงการให้ส่วนลดสูงสุดถึง 3,000 บาทสำหรับผู้บริโภคที่สั่งอาหารผ่านโครงการคนละครึ่งพลัส เป็นต้น

ในเฟสนี้มีร้านอาหารที่ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการกับแกร็บเพิ่มขึ้นกว่า 50%  โดยเฉพาะร้านขนาดเล็กและสตรีตฟู้ด ขณะเดียวกันยังเห็นความคึกคักของฝั่งผู้บริโภคนับตั้งแต่วันแรก สะท้อนผ่านการใช้จ่ายบนแพลตฟอร์มที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

โดยมีผู้ใช้บริการสั่งอาหารผ่านโครงการคนละครึ่งพลัสกับแกร็บจนมากกว่า 1 ล้านออเดอร์ในช่วงเวลาไม่กี่วันนับตั้งแต่เริ่มโครงการ อีกทั้งยังช่วยดันยอดขายให้ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการเติบโตขึ้นกว่า 3 เท่า ถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สะท้อนความสำเร็จของนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาลด้วย

อย่างไรก็ตาม โครงการคนละครึ่งพลัสไม่เพียงช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในกลุ่มผู้บริโภค และสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้นให้กับร้านอาหาร แต่ยังส่งผลเชิงบวกไปถึงคนในอีโคซิสเต็ม ไม่ว่าจะเป็นไรเดอร์ผู้จัดส่งอาหาร ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้น 13% นับตั้งแต่เริ่มโครงการ รวมถึงกลุ่มผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวัตถุดิบสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม

สำหรับอินไซต์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการสั่งอาหารดีลิเวอรี่ผ่านโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ในช่วง 5 วันแรก ประกอบด้วย

คนส่วนใหญ่นิยมสั่งอาหารดีลิเวอรี่ผ่านโครงการคนละครึ่งพลัสด้วยมูลค่าประมาณ 80-120 บาทต่อออร์เดอร์ รองลงมาคือมูลค่า 120-150 บาทต่อออร์เดอร์
ออร์เดอร์ที่มีมูลค่าสูงสุด คือเมนูสเต็กเนื้อ จากร้านเฮงเจริญ บุชเชอรี่ ในย่านลาดพร้าว ด้วยมูลค่ารวม 2,935 บาท

มื้อกลางวัน คือช่วงเวลาที่มีคนสั่งอาหารดีลิเวอรี่ผ่านโครงการคนละครึ่งพลัสมากที่สุด โดยเฉพาะระหว่างเวลา 11.00-12.00 น.
โครงการคนละครึ่งพลัสช่วยกระตุ้นให้มีความถี่ในการสั่งอาหารดีลิเวอรี่เพิ่มขึ้น โดยพบว่ามีคนสั่งอาหารตั้งแต่ 2 ออร์เดอร์ต่อวันขึ้นไปเพิ่มขึ้นถึง 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงปกติ

เมนูอาหารที่คนนิยมสั่งผ่านโครงการคนละครึ่งพลัสมากที่สุด คือส้มตำ รองลงมาคือ ก๋วยเตี๋ยว และไก่ทอด ขณะที่ชาไทย ยืนหนึ่งในฐานะเครื่องดื่มยอดนิยม ตามมาด้วยชาเขียวหรือมัทฉะ และโกโก้เย็น

ร้านอาหารที่มียอดขายเติบโตสูงสุดจากโครงการคนละครึ่งพลัส คือ “ร้านอยู่นี่ ตามสั่ง ข้าวผัด สเต็ก” ในกรุงเทพฯ โดยมียอดขายเติบโตถึง 18 เท่าจากช่วงปกติ จากยอดขายหลักร้อยกลายเป็นหลักหมื่นต่อวัน

ร้านพาสต้า บ่? ในย่านจรัญ 35 ทำสถิติสร้างยอดขายสูงที่สุดจากการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส ด้วยยอดขายเฉลี่ยต่อวันสูงกว่าครึ่งแสนบาท
5 จังหวัดที่มีการสั่งอาหารดีลิเวอรี่ผ่านโครงการคนละครึ่งพลัสมากที่สุด คือกรุงเทพฯ ชลบุรี ขอนแก่น โคราช และเชียงใหม่

“แกร็บจะยังคงเดินหน้าสนับสนุนโครงการคนละครึ่งพลัสในเฟสต่อ ๆ ไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับมหภาคและขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเวลาทุกคนต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน”

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/ict/news-1919386


 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่