JJNY : 5in1 เปิดทางยึดภูมะเขือ!│พบทุ่น 2 ทุ่นใกล้ปราสาทโดนตวล│คนชายแดนพร้อมอพยพ│สุดารัตน์จี้เอาจริง│นันทนายันฟ้องกลับแน่

กระทู้ข่าว

ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา กองทัพบก สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ วุฒิสภา การเมือง

“ห้วยตามาเรีย” ยุทธศาสตร์สำคัญ กัมพูชาหวังเปิดทางยึดภูมะเขือ!

https://www.pptvhd36.com/news/สังคม/261165

“วาสนา นาน่วม” เปิดความสำคัญพื้นที่ “ห้วยตามาเรีย” ยุทธศาสตร์สำคัญ ถ้าทหารกัมพูชายึดได้ หวังเปิดทางยึดภูมะเขือต่อ!

จากกรณีเกิดเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดบริเวณพื้นที่ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเส้นทาง เป็นเหตุให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ จ.ส.อ. เทิดศักดิ์ สมาพงษ์ อาการข้อเท้าขวาขาด และพลทหารวชิระ พันธนา บาดเจ็บ จนส่งผลให้รัฐบาลไทยประกาศหยุดปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา

ล่าสุด “วาสนา นาน่วม” ผู้สื่อข่าวอาวุโส สายทหาร พูดคุยในรายการ “เรื่องใหญ่ live talk” ไว้อย่างน่าสนใจ

โดย วาสนา นาน่วม ระบุว่า ทหารไทยยึดพื้นที่ห้วยตามาเรีย และพื้นที่ภูมะเขือ แต่ในช่วงของการสู้รบก็มีการผลักดันกัน และทหารกัมพูชาก็รุกล้ำเข้ามา แต่ทหารไทยก็ยังอยู่ ทหารไทยก็ตีกันไว้หมด เพราะถ้ากัมพูชายึดห้วยตามาเรียได้ก็หวังจะกลับมายึดภูมะเขือ ทั้งนี้ที่ผ่านมาหลังจากทหารไทยยึดพื้นที่ภูมะเขือเสร็จ ก็วางกำลังตัดถนนของกัมพูชาด้านล่างเพื่อไม่ให้ใช้ถนน รวมทั้งมีการเข้ายึดพลาญยาว พลาญหินแปดก้อน ช่องโดนเอาว์ ยึดตลอดแนวกา 1.4 ตารางกิโลเมตร

แต่ที่เหลืออย่างเดียวคือห้วยตามาเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ระหว่างเขาพระวิหารกับภูมะเขือ ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์อีกจุดหนึ่งที่กัมพูชาพยามดันเข้ามา แต่ฝ่ายไทยก็ดันออก ซึ่งปัจจุบันก็ยังดันกันอยู่ โดยฝ่ายไทยยืนยันว่าจุดที่เหยียบกับระเบิดคือเส้นทางที่ทหารไทยใช้ลาดตระเวนประจำ แต่คาดว่ากัมพูชานำระเบิดมาหย่อนไว้เพราะเป็นระเบิดใหม่ เพราะเขารู้ว่าทหารไทยจะผลักดันให้เขาออกไป

วาสนา นาน่วม บอกอีกว่า เชื่อว่าการวางระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีข้อตกลงหยุดยิง จึงทำให้ฝ่ายไทยมีท่าทีที่แรงต่อเรื่องนี้ เพราะถือว่าเป็นการทำผิดข้อตกลง เพราะกองทัพไทยประกาศแล้วว่าทุ่นระเบิดคืออาวุธชนิดหนึ่ง ถือว่าเป็นการใช้อาวุธอย่างหนึ่ง ส่วนการถอนอาวุธตามข้อตกลงและเริ่มมีการดำเนินการไปแล้วนั้นก็จะต้องค้างไว้ก่อน หลังรัฐบาลไทยประกาศหยุดปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา

ส่วนสถานการณ์จากนี้ไปนั้น วาสนา มองว่า มีโอกาสเสี่ยงที่จะต้องมีการใช้กำลังกันอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นระดับไหน บางทีอาจจะปะทะเฉพาะจุด ซึ่งเชื่อว่าตอนนี้ถ้ากัมพูชาจะทำ เขาจะปะทะเฉพาะจุด เพราะมีความได้เปรียบเรื่องความเคยชินภูมิประเทศ แต่ถ้าเป็นการรบตลอดแนวเขาก็กลัวเราใช้กำลังทางอากาศอีก

ส่วนพื้นที่สุ่มเสี่ยงปะทะในรอบต่อไปก็มีทั้งพื้นที่ห้วยตามาเรีย ตาเมือนธม และภูมะเขือ ซึ่งการที่เขาขยับในพื้นที่ห้วยตามาเรีย ก็แสดงว่าเขารอวันที่จะขึ้นมายึดภูมะเขือ ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 น่าจะไม่มีการปะทะ และเป็นพื้นที่ที่กัมพูชาเอาไว้สร้างภาพเฉยๆ แต่ปัญหาจริงๆอยู่ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2

.
ยังเจอต่อเนื่อง ตรวจพบทุ่นระเบิด PMN-2 จำนวน 2 ทุ่น ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล
https://www.thairath.co.th/news/local/2894622
.
เจ้าหน้าที่ตรวจพบ ทุ่นระเบิด PMN-2 จำนวน 2 ทุ่น ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ล่าสุดดำเนินการเก็บกู้เรียบร้อยแล้ว
.
ภายหลังจากเกิดเหตุ "ทหารเหยียบระเบิด" ข้อเท้าขวาขาด ในพื้นที่ตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ ข้อเท้าขวาขาด 1 นาย ส่วนอีกนายแน่นหน้าอก นำตัวส่ง รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (https://www.thairath.co.th/news/local/2894512 ด่วน! “ทหารไทย” เหยียบระเบิดขาขาด 1 นาย แน่นหน้าอก 1 นาย พื้นที่ตามาเรีย)
.
ล่าสุด เฟซบุ๊ก กองทัพบก ทันกระแส โพสต์ข้อความโดยระบุว่า
.
"ยังพบอย่างต่อเนื่อง 10 พ.ย. 2568 ตรวจพบทุ่นระเบิด PMN-2 จำนวน 2 ทุ่น ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล ปัจจุบันดำเนินการเก็บกู้เรียบร้อยแล้ว" พร้อมติดแฮชแท็ก #สันติภาพไม่มีอยู่จริง.
.
https://www.facebook.com/RTATrend/posts/1125934533089290
.

.
คนชายแดนทวงถาม ทหารขาขาดรายที่ 7 มัวทำอะไรอยู่? พร้อมอพยพแล้ว!
https://www.dailynews.co.th/news/5287804/
.
ชาวนาบุรีรัมย์ตั้งคำถาม สถานการณ์ชายแเดนตอนนี้ตึงเครียด ไหนทหารไทยเคยพูดว่าจะไม่ให้มีขาที่ 7 ตอนนี้ทหารไทยขาขาดรายที่ 7 ครบแล้ว ทำอะไรอยู่ ชาวบ้านพร้อมอพยพแล้ว
.
เมื่อวันที่ 10 พ.ย. จากกรณีทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนมีทหารบาดเจ็บ 2 นาย หนึ่งในนั้นขาขาด เหตุเกิดที่ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อยู่ติดกับปราสาทเขาพระวิหาร จนกระทั่งเมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง โดยเฉพาะปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก พบกำลังฝ่ายกัมพูชาพยายามทำการยั่วยุทหารไทย โดยการยิงปืนเล็กเข้าใส่ฝั่งทหารไทย
.

ทหารไทยยังไม่มีการโต้ โดยขณะนี้ทหารทั้ง 2 ฝ่าย ได้ประจันหน้ากันอย่างใกล้ชิด ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียดเป็นอย่างมาก เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนที่ต้องคอยระวังและเร่งเก็บเกี่ยวข้าว ต้องตื่นตระหนกไปด้วย

นายสมควร ติมานพ อายุ 63 ปี บ้านเลขที่ 116 หมู่ 15 บ้านโคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เกษตรกรชาวนา เล่าว่า ตนทำนา 24 ไร่ ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว แต่กลับมามีความตึงเครียดขึ้นมาอีก ตอนนั้นจำได้ว่าทหารไทยเคยพูดเอาไว้ว่า จะไม่ให้ทหารไทยเสียขาอีกเป็นครั้งที่ 7 แต่ตอนนี้เกิดขึ้นแล้ว ทหารทำอะไรอยู่ ถึงแม้อยู่ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวข้าว แต่หากมีเรื่องก็พร้อมจะอพยพทันที เพราะเตรียมข้าวของไว้หมดแล้ว เงินเติมน้ำมันก็เตรียมแล้ว

.
สุดารัตน์ จี้รบ.เอาจริง หลังทหารไทยเหยียบระเบิดอีก ปล่อยกำลังพลต้องเสี่ยงชีวิตต่อเนื่อง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5450557
.

สุดารัตน์ จี้รบ.เอาจริง หลังทหารไทยเหยียบระเบิดอีก ปล่อยกำลังพลต้องเสี่ยงชีวิตต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย(ทสท.) กล่าวถึงกรณีที่ทหารไทยเหยียบระเบิดจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บริเวณห้วยตามาเรีย จังหวัดศรีสะเกษ โดยชี้ว่าการลงนามที่ผ่านมาไม่สร้างผลประโยชน์ที่จับต้องได้ต่อไทย โดยเฉพาะการคืนพื้นที่ชายแดนสำคัญที่มีข้อพิพาท ซึ่งประชาชนและกำลังพล ได้ตั้งคำถามว่าพื้นที่สามแห่งที่เป็นของไทยชัดเจน เช่น ปราสาทตาควาย ช่องอานม้า และบริเวณอื่นๆ ผู้มีอำนาจจะทวงคืนกลับมาหรือไม่

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า การสั่งให้หยุดยิงก่อนเวลา ทำให้ทหารไทยพลาดโอกาสในการยึดพื้นที่อธิปไตยของไทยคืน และสร้างความเสียเปรียบเชิงปฏิบัติการทางทหารในอนาคตอย่างชัดเจน กำลังพลยังคงต้องเผชิญความเสี่ยงในพื้นที่ชายแดน การหยุดยิงก่อนเวลานั้นไม่ได้ช่วยปกป้องอธิปไตยของชาติ แต่กลับสะท้อนว่ารัฐบาลยังขาดกรอบเจรจาทวิภาคีที่ชัดเจนและผลประโยชน์ที่จับต้องได้

ส่วนประเด็นปฏิญญาสันติภาพครั้งล่าสุด คุณหญิงสุดารัตน์ ตั้งคำถามถึงความจริงจังของการดำเนินงานร่วมกับกัมพูชาเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน โดยชี้ว่าปฏิญญาดังกล่าวยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม ทหารไทยยังต้องเสี่ยงชีวิต และล่าสุดมีการสูญเสียกำลังพลไทยไปอีกหนึ่งราย สร้างความกังวลต่อประชาชนและกำลังพลว่ารัฐบาลบริหารจัดการพื้นที่อย่างไร

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยแผนปฏิบัติการตามข้อตกลงอย่างชัดเจน ต้องกำหนดพื้นที่เป้าหมาย ระยะเวลา กำลังพล และงบประมาณ พร้อมกลไกติดตามผลร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นและภาคประชาสังคม เพื่อให้มั่นใจว่าการลงนามไม่ใช่แค่ถ้อยแถลงทางการทูต แต่สร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ลดความสูญเสียของกำลังพล

คุณหญิงสุดารัตน์ เน้นย้ำว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต้องเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ ไม่สามารถเพิกเฉยหรือถือเป็นอุบัติเหตุ ต้องลงมือจัดการปัญหาอย่างเร่งด่วน ชัดเจน และเป็นรูปธรรม เพื่อคุ้มครองอธิปไตยของชาติ ปกป้องความปลอดภัยของประชาชน และกำลังพลไทยในพื้นที่ชายแดน