เมื่อยอดวิวชนะความจริง: บทเรียนจากกฎเหล็กอินฟลูฯ จีน สู่คำถามของสังคมไทย



ล่าสุดจีนออกกฎเหล็กบังคับให้อินฟลูเอนเซอร์ไลฟ์สด ที่ให้ความรู้ หรือแสดงความเห็นในประเด็นที่ถือว่าเป็น "วิชาชีพเฉพาะทาง" เช่น การแพทย์ / สุขภาพ /กฎหมาย/ การเงิน/ การศึกษา ต้องมีวุฒิการศึกษา หลักฐานรับรอง หรือใบอนุญาตวิชาชีพที่เกี่ยวข้องมายืนยัน! ถ้าไม่มีอาจโดนปรับ แพลตฟอร์มก็ต้องมีการตรวจสอบด้วย
 
ย้อนมอง "บ้านเรา" อินฟลูฯ ไทย มีใบอะไรบ้าง?ในขณะที่จีนบอกว่า "ไม่มีวุฒิ ห้ามพูดเรื่องจริงจังเพื่อสกัดกั้นข่าวปลอม คำแนะนำผิดๆ ที่อาจทำลายสังคมโดย ลองมองย้อนมาที่สังคมไทย ที่เต็มไปด้วย "ผู้เชี่ยวชาญกำมะลอ" บนโลกออนไลน์
 
คำถามคือ "ความน่าเชื่อถือ" ของเนื้อหาที่ไหลบ่าในฟีดเราทุกวันนี้ มันวัดกันที่ "ยอดไลก์" หรือ "ความรู้จริง" กันแน่!!
 
เพราะถ้าพูดเรื่องจริงจังที่ไม่มีใบอนุญาตก็เสี่ยงบิดเบือนข้อมูลและสร้างความเสียหาย และถ้าพูดเรื่องบันเทิงที่ไม่สร้างสรรค์ก็เสี่ยงชี้นำสังคมไปในทิศทางที่ไม่เหมาะสม
 
จีนกำลังทำให้เห็นว่าการสื่อสารบนโลกออนไลน์ไม่ได้เป็นแค่ "เสรีภาพในการพูด" อีกต่อไป แต่มันคือ "ความรับผิดชอบทางวิชาชีพ" ที่ส่งผลกระทบต่อสังคม
 
นโยบายนี้อาจจะดูเข้มงวดและมองได้ว่าเป็นเรื่องการจำกัดเสรีภาพทางความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) แต่ในอีกแง่หนึ่ง มันก็สะท้อนถึง วิกฤตความน่าเชื่อถือ (Credibility Crisis) ในโลกออนไลน์อย่างรุนแรง คำถามที่ทิ้งไว้ให้สังคมไทยคือ เราจะจัดการกับ "อินฟลูฯ" ที่ให้ข้อมูลผิดๆ ได้อย่างไร? โดยที่รัฐไม่ถูกกล่าวหาว่า "ปิดปาก" ประชาชน
 
สังคมไทยต้องการ "ใบอนุญาตอินฟลูเอนเซอร์" ในสาขาเฉพาะทางเหมือนจีนหรือไม่? หรือเราจะใช้กลไกของ "วุฒิภาวะทางปัญญา" ของผู้รับสารอย่างเดียว? เพราะถ้าวันนี้เรายังปล่อยให้ยอดวิวชนะความจริง... อนาคตเราจะเชื่ออะไรได้บ้าง?
 
(บทความโดย น.ส.วีรินทร์ อรวัฒนพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC)
https://www.facebook.com/share/p/1Fi2QcawKi/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่