ทำไมแม่ถึงเข้มงวดกับลูกคนโตและคนกลาง แต่น้องคนเล็กไม่ทำงานอะไรเลย กลับไม่ตำหนิสักคำ

แอบคิดว่าตั้งชื่อหัวกระทู้ไม่ตรงคำถาม เพราะพิมพ์ไปพิมพ์มาอยากเปลี่ยนเรื่องถามแล้ว แต่มันแก้ไม่ได้แล้วอ่าเนอะ😅​


สวัสดีค่ะูกคนกลางในหมู่พี่น้อง 3 คน เรียกนามสมมุติว่า A B C ตามลำดับ

พี่สาวเราทำงานประจำเป็นครูโมงครึ่งทุกวันนางแทบไม่มีเวลาผ่อนคลายเลย ส่วนเราเป็นลูกคนกลางเมื่อก่อนเคยทำงานประจำแต่ลาออกมาเปิดร้านเล็กๆกับเขียนนิยาย รายได้ไม่แน่นอนแต่จ่ายเงินเดือนให้พ่อแม่ได้ทุกเดือนไม่เคยขาด ค่าน้ำค่าไฟก็ร่วมกันหารกับคนในบ้าน ส่วนน้องคนเล็กหลังจบ ม.6 ก็ไม่เรียนต่อ เคยยื่นคะแนนไป 1 ครั้งตามระบบ(เรากับพี่ไปนั่งกดนั่งพิมพ์ให้) แต่ตอนนั้นพวกเรายุ่งกับงานจนลืมว่าวันยืนยันสิทธิคือวันไหน รู้ตัวอีกทีก็เลยกำหนดไปแล้ว พอถามน้องทำไมไม่บอกน้องก็ทำหน้าเฉยๆบอกจำวันไม่ได้เหมือนกัน ตอนนั้นแบบเอ้ยยย!! วันยืนยันมหาวิทยาลัยลืมเหรอ แม่ก็บอกช่างเถอะค่อยยื่นปีหน้าระหว่างนั้นก็ค้นหาตัวเองแบบเมืองนอกไง(แต่ตอนเรากับพี่อยากซิ่วห้ามเสียงแข็งมาก)

และคงเดาได้ว่าปีหน้าไม่เคยมาถึง ปีนี้เข้าปีที่ 3 แล้วตั้งแต่ที่น้องเราจบม.6 น้องเราก็ยังไม่ได้เรียนที่ไหนและไม่ทำงานด้วย แม้แต่พาร์ทไทม์ก็ไม่เคยทำ ตอนเราพยายามเสนอว่าไม่เรียนต่อแล้วก็ได้ถ้าไม่ชอบ แต่ต้องทำงานนะตอนแรกแม่ค้านหัวชนฝามากว่าอย่าเลย น้องทำไม่ได้หรอก ยกประสบการณ์ทำงานที่ไม่ดีของคนรู้จักคนนู้นคนนี้มาเต็ม เขากลัวน้องทำงานไม่ได้แล้วจะโดนด่า

(น้องสาวเราเป็นสมาธิสั้นการเรียนรู้ช้าค่ะ รักษาที่รามาตั้งแต่เกิดแม่บอกว่าหมอก็บอกว่าจบมัธยมมาได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว ล่าสุดไม่ได้รักษาแล้วนะคะหมอบอกคลื่นสมองปกติ) เราเข้าใจว่าคงไปต่อระดับมหาวิทยาลัยไม่ไหว แต่ชีวิตก็ต้องดิ้นต่อไม่ทำงานจะให้น้องเอาเงินที่ไหนใช้

เรากับพี่ช่วยกันหางานที่คิดว่าไม่ต้องคิดอะไรเยอะอย่างงานบริการ แต่แม่บอกเสิร์ฟอาหารไม่ได้นะเดี๋ยวน้องทำของเขาหก ในครัวร้อนไม่ได้นะเดี๋ยวเดินชนกันน้ำมันลวกน้องทำไง เลยจบที่ร้านชานมไข่มุก​เงินเดือนดีได้เท่าเราที่ทำงานบัญชีในตอนนั้นเลยพูดละเศร้า...

วันไปสัมภาษณ์เราไปเป็นเพื่อนน้องนั่งอยู่รออยู่หน้าร้าน สักพักน้องเดินถือกระดาษมาถาม ที่อยู่บ้านเราเขียนยังไง ฉันแบบห๊ะ?? แต่ปกติแกสั่งของออนไลน์ได้นะ น้องบอกลืมวิธีเขียนไปแล้ว เรารู้ในตอนนั้นเลยว่าสัมภาษณ์ไม่ผ่านแน่ๆ และก็ไม่ผ่านจริงๆ แล้วหลังจากนั้นพอพูดเรื่องให้น้องหางานทำแม่ก็จะพาพูดเปลี่ยนเรื่อง บอกว่าไม่ต้องหรอก ยังไม่ถึงเวลา (3ปีแล้วนะ)

แล้วมีอยู่วันนึงแม่ก็บอกว่าให้น้องมาทำงานที่ร้านเราสิ ให้วันละ 300 ก็พอ เราปฏิเสธแม่ก็ไม่พอใจบอกทำไมไหนอยากให้น้องทำงาน เราบอกไปตรงๆเลยว่าในสายตาเราน้องไม่ควรทำงานกับที่บ้าน เพราะน้องติดสบาย เคยให้น้องมาช่วยงานแล้วทำชุ่ยมากเห็นเราเป็นพี่เลยไม่กลัวแม่ก็ให้ท้าย ดุหน่อยงอนเดินไปเล่นโทรศัพท์ไม่ทำไม่เอาแล้ว มันน่าดุไหมล่ะมีครั้งนึงนางไม่อ่านใบเสร็จออเดอร์ 4 ใบวางอยู่ เรายุ่งๆบอกอ่านใบเสร็จนะว่าลูกค้าสั่งอะไรบ้าง หาใบที่รายการตรงแล้วใส่ถุงแปะเลขเลย สักพักมีไรเดอร์เลขนึงมานางก็หาใบเสร็จที่ตรงกับเลขไรเดอร์คนนั้นแล้วแปะใส่อันที่เราทำเสร็จใส่ไปเลย แต่องในนั้นมันคนล่ะเมนูกัน!!​เพราะมันไม่ใช่ออเดอร์ของไรเดอร์คนนั้นไงงง.....แถมเครื่องเคียงก็ใส่ไปไม่ครบด้วย พอดุก็บอกตัวอักษรเล็กเกินขี้เกียดเพ่ง แบบจะกรี๊ดดดด พอแม่รู้ก็ไม่ให้ว่าน้องบอกเราไม่สอนให้ละเอียดเอง แล้วคือร้านเราก็ไม่ได้ขาดคนจะให้เรารับน้องเข้ามาเป็นต้นทุนเพิ่มทำไม??   คือน้องควรไปทำงานกับคนแปลกหน้าน้องจะได้เกรงใจ ทำกับเราก็เป็นงี้ตลอด สรุปก็ไม่ได้ทำงานต่อไป

น้องเราก็กินๆนอนๆเล่นเกม ไปเรียนเสริมทักษะบางวัน(ไปเรียนญี่ปุ่นมา 3 คอร์ส ปัจจุบันยังแปลไม่ออกเลย ่ไปเรียนทำอาหารก็จบในคลาสนั้นแหละ ไม่ต่อยอดอะไรต่อ ) วันไหนขี้เกียดก็ไม่ไปเรียนแม่ก็ไม่ว่านั่งเล่นเกมทั้งวัน

แม่ให้ค่าขนมน้องวันละ  200 ส่วนตอนเรากับพี่อายุเท่าน้องอยู่หอต่างจังหวัดได้วันละ 150 ค่าอาหาร 3 รวมค่าวิน  ค่าปกรณ์การเรียน    ส่วนน้อง 1 มื้อได้ 200 ตอนเย็นใช้เงินหมดอยากกินอย่างอื่นที่ไม่ใช่แม่ทำก็ขอเงินแม่เพิ่มไปซื้อตามสั่ง แล้วกินไม่หมด เห้อ

พี่สาวเรารู้สึกอยากลาออกจากที่ทำงานปัจจุบันเพราะผู้บริหารไม่ดี​และอะไรหลายๆอย่าง เขาหาที่อื่นไว้แล้ว 3 ที่ แต่แม่บอกอย่าออกจากที่นี่เลย ทำงานที่ไหนก็เหนื่อยไปที่ใหม่ใช่ว่าจะดีขึ้นเราไม่รู้สักหน่อย พี่เราเป็นคนชอบท่องเที่ยวเขาบอกมันคือการฮีลใจ ปีนึไป 2 ครั้ง แม่ก็จะบ่นว่าอยากให้พี่เก็บเงินไว้เขาก็แก่แล้วเผื่อเขาป่วยเข้าโรงพยาบาลอะไรเดี๋ยวไม่มีจ่าย(แต่ป่วยนิดนึงไม่ยอมไปหาหมอนะ บอกเป็นหนักค่อยไป เฮอะ) หรือในวันหยุดเขาจะชอบโทรปลุกพี่สาวแต่เช้าเพื่อให้ลงมาตากผ้าที่เขาซักไว้ก่อนออกไปร้านกับพ่อ พี่บอกให้ C ตากสิตื่นเช้าสักวันไม่ตายหรอก แม่บอกไม่ได้มันไม่ลงมาหรอกAก็รู้  

แล้วก็ชอบถามเราว่าเดือนนี้ยอดขายนิยายเราได้เท่าไหร่ เราไม่เคยบอกเลยเขาก็หงุดหงินจี้ถามว่าเท่าไหร่แม่ไม่เอาเงินลูกหรอก แม่แค่อยากรู้ว่าลูกมีเงินจริงหรือเปล่า แต่เราก็ไม่บอกเพราะรู้นิสัยว่าเขาเป็นพวกขี้กังวลถ้ารู้ว่าเดือนนี้เราได้ 30,000 แล้วเดือนหน้าได้ 25,000 ขึ้นมาเขาจะเครียดทันทีจะพูดย้ำๆอยู่นั่นว่าทำไมมันน้อยลง เกินอะไรขึ้น ทำไมๆๆๆ ต้องติดต่อใครไหม โดนแกล้งหรือเปล่าหรือลูกไม่ซื้อโฆษณา เราเลยแก้ปัญหาโดยการไม่บอกเลยสักเดือนดีกว่า

เหตุการณ์คร่าวๆก็ประมาณนี้ แต่เหตุการณ์ที่ทำให้เรามาตั้งกระทู้เพราะวันนี้เราปิดร้านเร็ว เนื่องจากของไม่พร้อมขายมันยังไม่ได้ที่ ขายไปก็เสียชื่อ เรากับพี่เลยถือโอกาสออกไปกินปิ้งย่างกัน ส่วนน้องสาวไม่ไป จะเล่นเกมอยู่บ้าน(คือติดบ้านมากไปเที่ยวกับครอบครัวก็นั่งอยู่ในรถเล่นเกม) ก่อนออกไปเรากับพี่คุยกันบ่อยมากว่าเสียดายขายไม่ได้ของมันยังหมักไม่ได้ที่ พูดอยู่ข้างๆน้องนั่นแหละ พอเรากับพี่ออกไป​ไม่นานแม่กลับบ้านมาไม่เจอตัวเรากับพี่อยู่ร้าน โทรหาพี่ฉุนเฉียวเลย ไม่ขายของเหรอ!!ออกไปไหน ช่วงนี้มันคนล่ะครึ่งกำลังขายได้​!! บ่นยาวววว จนพี่บอกว่ามันยังหมักไม่ได้ที่จะให้ขายอะไร แม่เราเขาชอบฝืนให้เราขายของที่ไม่สมบูรณ์ เขาจะให้เราแต่ขายๆๆๆๆๆ พ่อยังปิดร้าน 1 วัน แต่เราต้องขายของทุกวัน พอเขารู้ว่าที่ปิดร้านเพราะอะไรก็บอกว่าทำไมเรากับพี่ไม่บอกเขาล่ะว่าของยังหมักไม่ได้ที่ แม่จะได้ดู  เรางงดูอะไร?? แล้วอ​ยู่ๆให้โทรไปบอกแม่ๆไก่ยังหมักไม่ได้ที่อะ แปลกป้ะ?? พอเราถามแม่ว่าอ่าวคนที่อยู่ในบ้านไม่มีใครบอกเลยเหรอนี่พูดหลายรอบมากเลยนะ น้องไม่บอกอะไรเลยเหรอ แม่บอกน้องบอกไม่รู้อยู่ๆพี่ๆก็เดินออกไปเที่ยว เอ้า

คือแม่จะป้องกันทุกอย่างเกี่ยวกับน้องเลย แม่สั่งให้พี่ไปตากผ้าแต่พี่ประชุมอยู่เราทำออเดอร์อยู่ เราเลยบอกให้น้องไปตากผ้า สรุปแม่เดินไปตากเองงี้บอกไม่ต้องๆแม่ทำเองได้ หรือเราบอกให้น้องไปซื้อของให้หน่อยของในร้านหมด แม่บอกไม่ต้องให้พ่อไปจะมืดแล้วอันตราย​เดี๋ยวน้องลื่นล้ม ห๊ะ??


ส่วนถ้าสงสัยว่าคุณพ่อไปไหนทำไมไม่ทำอะไรเลย เขาก็ว่าน้องอยู่นะคะ แต่ไม่บ่อยเวลากลับมาแล้วเห็นน้องนอนเล่นโทรศัพท์ ขยะเต็มถังไม่ทิ้งถุงอาหารกองเต็มโต๊ะงี้ เขาก็บ่นว่าวันๆทำอะไรบ้างเนี่ย แค่นั้นแม่ก็มาเบรกแล้ว ถ้าเป็นสมัยก่อนพ่อไม่หยุดแค่นี้หรอกค่ะแต่พออายุเยอะขึ้นเขาน่าจะเหนื่อยและปลงไปแล้ว ​แต่เขาก็บ่นบ่อยๆว่า​กู 65 แล้วนะ ควรเกษียณอยู่บ้านได้แล้ว แต่แม่ก็จะบอกว่าหยุดทำไม จะอยู่บ้านนอนเล่นเหรอสู้ออกไปทำงานหาเงินดีกว่า ต่อให้ย้ายของที่ร้านมาที่บ้านคิดเหรอว่าลูกค้าจะมาซื้อมีแค่ลูกค้าเก่าเท่านั้นแหละหยุดแล้วเราจะเอาเงินที่ไหนใช้ คือเราเข้าใจที่พ่อพูดว่าเขาอยากให้น้องไปทำงานสักที เขาแก่แล้วควรเกษียณอยู่บ้านได้แล้ว เ​รากับพี่ให้พ่อแม่คนละ 5,000 ถ้ามีน้องอีก เขาก็อยู่ได้สบายๆของใช้เรากับพี่ก็ซื้อเข้าบ้าน แต่พอน้องไม่ทำงาน นอกจากไม่ได้เงินยังต้องเอาเงินที่พ่อขายของได้ไปเลี้ยงน้องอีก ถ้าพ่อไม่ขายต่อแม่จะเอาเงินที่ไหนให้น้องเดือนนึงตั้ง 6,000++ เรากับพี่ไม่ให้แน่ๆ

นอกจากน้องกับแม่คือเครียดกันทุกคนตอนนี้





: อยากถามเพื่อนๆชาวพันทิปว่าเราควรทำยังไงดีคะ ปล่อยไปเลยก็ไม่ได้คิดสภาพถ้าวันนึงแม่ไม่อยู่แล้วน้องเราคงเอาชีวิตไม่รอดแน่ๆ แล้วเรากับพี่ก็คงไม่สามารถเลี้ยงน้องไปได้ตลอดชีวิต อาจไปแต่งงานมีครอบครัวมีเส้นทางชีวิตของตัวเอง ไม่สามารถวางเงิน่ให้น้องใช้ไปวันละ 200 ตลอดชีวิตแน่  ชีวิตคนเราไม่แน่นอนเรากับพี่อาจจากไปก่อนน้องก็ได้  ต่อให้ทิ้งเงินก้อนไว้ให้ตามนิสัยน้องใช้หมดภายในเวลาไม่นานแน่นอน







อาจมีคำเขียนผิดแปลกๆเพราะเราเขียนในโทรศัพท์ ลบทีหายไปทั้งบรรทัด เปลี่ยนเป็นคำอื่นหรือสระซ้ำซ้อนเดี๋ยวค่อยมาแก้อีกทีนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่