[CR] รีวิวไปเที่ยววิชา GEN 441 Culture And Excursion ลงใต้ครั้งแรกก็ไปสงขลาซะเเล้ว 4 วัน 3 คืน

กระทู้รีวิว
เราเดินทางโดยเครื่องบินจากสนามบิน ดอนเมืองไปลงที่หาดใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางไปใต้ของเรากับเพื่อน และเป็นการได้ไปเที่ยวไกลๆกับเพื่อนครั้งแรกด้วย ตื่นเต้นสุดๆ 

พอไปถึงที่สนามบินหาดใหญ่ เราก็หารถที่นั่งออกไปยังตัวเมืองหาดใหญ่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกแท็กซี่ซึ่งในสนามบินหาดใหญ่นั้น ห้าม! เรียกรถในแอพเข้ามารับเด็ดขาด เพราะในสนามบินมีขนส่งคอยตรวจอยู่ (เจ้าถิ่นเขาแรงด้วย) แต่ก็ยังมีรถมินิบัสรถสองแถวอยู่ รถมินิบัส ราคาอยู่ที่ประมาณ 60 บาท ส่วนสองแถวเข้าเมืองจะอยู่ที่ประมาณ 20 บาท ก็จะรอนานนิดนึง แต่วันที่ไปเราดันโชคดีไม่ต้องรอสองแถวนั้น   
   

“แพลนวันแรกเราจะไปกินข้าวร้านเดชาไก่ทอด เจ้าเด็ดเจ้าดัง และไปเดินเล่นรอบๆตัวเมืองหาดใหญ่”

เราก็ลงรถที่ตลาดกิมหยง เพื่อที่จะเดินไปกินข้าวที่ร้านเดชาไก่ทอด ซึ่งจากตลาดกิมหยงเดินไปร้านเดชาก็ประมาณ…เมตร แต่เดินจริงๆก็รู้สึกแอบไกลเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่ก็ถือซะว่าออกกำลังกายละกัน 555

ถึงแล้วร้านเดชาไก่ทอด บรรยายกาศร้านก็ดูดี ตอนเข้ามาในร้านคือคนเยอะมากกกก ลูกค้าร้านนี้เป็นคนมาเลเซียซะส่วนใหญ่ เมนูที่ร้านก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งเมนูที่เป็นไก่ทอด เมนูซีฟู้ด ผัด แกง เรียกว่าครบจบในร้านเดียว นั่งไปสักพักอาหารก็มาเสิร์ฟ เมนูที่เราสั่งในวันนี้ก็คือ ไก่ทอดหาดใหญ่ ต้มยำรวมมิตร ข้าวหมก และเครื่องดื่มสั่งมาเป็นชาชัก ตัวไก่ทอดหาดใหญ่แะหอมเจียวจะมีความหอม แต่เรารู้สึกว่าไก่ติดแห้งๆ นิดนึง แต่ต้มยำกับข้าวหมกก็รสอร่อยถูกปาก หลั
จากกินอาหารเสร็จเราก็ เดินทางไปที่พัก“มานอนตะ โฮเท็ล”ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านไก่ทอดนัก ระหว่างเดินทาง ได้เรียก แกร๊ปมารับ คนขับคิดว่าเร่คือคนมาเลย์-พอรู้ว่าเป็นคนไทย จึงถามคำถามเเรกว่า ”น้องไก่ทอดเดชาอร่อย“ จึงตอบกลับไปว่าอร่อยนะครับ รสชาติถูกปาก ลุงคนขับรถถามกลับว่า จริงหรอพร้อมแสดงสีหน้าแปลกใจ เเละบอกว่า ”คนสงขลาเขาไม่กินกันนะ“ ลุงจึงยอมขับรถพาไปวนดูร้านที่แกเเนะนำ… หลงจากนั้นก้เดินทางถึงที่พัก นั่งพักได้ไม่นาน ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ ทำให้เหลือที่ไปไม่มาก ด้วยความที่คาใจอยากรู้ว่า เซนทรัลหาดใหญ่ เป็นยังไงบ้าง
เจริญมากเเค่ไหน จึงเลือกไปเดินห้างนี้กันในช่วงหัวค่ำ ทำให้รู้ว่าห้างเซนทรัลนี้เจริญเทียบๆกันห้างในกรุงเทพ อาจจะใกล้เคียงหรือเจริญมากกว่าเซนทรัลพระรามสองด้วยซ้ำ โดยส่วนตัวสิ่งที่น่าตื่นตามากกว่าคือ ชีวิตนี้ไม่เคยเดินเล่นในห้างเเล้ว เจอชาวมุสลิมเยอะขนาดนี้🤣 

จบวันเเรกไปแบบไม่มีอะไรมาก เปียกฝน💦บ้างนิดหน่อย 

เช้าวันที่ 2 ตื่นมาตอนสายๆเดินออกมาหาของกินหน้าโรงเเรมเจอกันร้าน ขนมดอกโดนที่เป็น
ร้านมอไซต์พ่วงข้าง จึงเดินเข้าไปลองสั่งมากินด้วย และยืนคุยกับเเม่ค้าไปเรื่อยเปื่อย เเละได้ตัดสินใจลองขอ แม่ค้าทำขนมดู ซึ่งเขาก็ใจดีให้ลองทำและสอนทุกขั้นตอน ตั้งเเต่ทาน้ำมันบนเตา ราดแป้ง รวมไปถึงขั้นตอนการที่ต้องกระดกกระทะ เพื่อให้ขนมกลับด้าน ตอนดูเขาทำเหมือนจะง่ายเเต่ลองทำเองเเล้วทำไม่ได้เลย ทำเสร็จก็ลองกินผลงานตัวเอง ขนมหน้าตามีความคล้ายคลึงขนมไข่ เเต่รสชาติต่างกันสิ้นเชิงเลย มันมีความเป็นกลิ่นไข่ไก่สูงมาก มีบางจังหวะที่รู้สึกรสชาติเหมือนกินไข่เจียว 
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ก็เรียกรสไปที่เมืองสงขลา วันนี้เราต้งใจไปเที่ยวในเมืองเก่ากันเเต่ดันไม่เป้นไปตามแพลนสักอย่าง ก่อนมาหาดใหญ่ สมาชิกหนึ่งในพวกเรา ได้ปวดเล็บขบมากเช้าวันที่สอง จึงเปลี่ยนแพลนหาร้านตัดเล็บขบในสงขลาแทน ซึ่งกว่าจะตัดเล็บเสร็จก็กินเวลาถึงบ่าย เราจึงตัดสินใจเข้าที่พักเพื่อเก็บสัมภาระก่อน ที่พักอยู่ใกล้กันมอ ราชภัฎสงขลา วันนี้อาการไม่ค่อยดี เแล้วก็เป็นอย่างที่คิด ”ฝนสงขลาตก ต้อนรับเราห่าใหญ่เลย“ กว่าจะหยุดก็กินเวลาหลายชั่วโมง จึงทำให้ไปไหนไม่ได้แล้ว ก่อนมาหาดใหญ่เราตั้งใจว่าจะต้องมากินโรตีให้ได้ โดยเล็งโรตีเจ้าดังหน้ามอทักษิณ เเต่พอฝนตกก็เลยไม่ได้ไปกิน ต้องหากินเเถวซอยโรงแรมแทน เดินการ้านอยู่นานจึงตัดสินใจเลือกร้านตามสั่งฮาลาลร้านนึง เพียงเพราะว่าร้านนี้มีโรตี กะว่ากินคาวเสร็จกินหวานต่อ เลยสั่งเมนูคาวเป้นอาหารจานเดี่ยว คนละจาน (ข้าวผัดเนื้อกระเทียมพริกไทย‘ไก่หรอบผัดพริก และที่ขาดไม่ได้โรตี!!!) สั่งอาหารเสร็จ ก๊ะที่เป้นเเม่ค้าเดินมาบอกว่าวันนี้ไม่มีโรตี เล่นทำเอาคอตกไปเลย  แต่ไม่เป้นไรกินเสร็จราถาม เเม่ค้าต่อว่า…ก๊ะๆเเถวนี้ร้านชาร้านโรตีมั้ย เราจึงเดินไปตามคำเเนะนำมาอยู่ที่ซอยข้าง เดินมาระยะนึงก็เห้นเเล้วว่ามีร้านโรตีสองฝั่ง ร้านเเรกไฟสีส้มสลัวๆ บรรยากาศคือร้านชาในอุดมคติ เเละอีกร้านตรงข้ามกันเป็นร้านที่ตกเเต่งคล้ายร้านเหล้าร้านเบียร็ เราจึงเลือกกินโรตีร้านเเรกที่ไฟสลัว เรามั่นใจมากร้านนี้ต้องมีโรตีเพราะมีป้ายฮาลาลใหญ่มาก พอเข้ามาเริ่มสั่งอาหาร กลับหาโรตีไม่เจอ…ร้านนี้มีเเต่ขนมปังปิ้ง ที่เจ็บใจกว่ามองไปร้านฝั่งตรงข้าม ที่เราเลือกไม่เข้ากลับเก็นคนนั่งกินโรตีอยู่ จนถึงตอนนี้หมดวันที่ 2 ก็ยังไม่ได้กินโรตี

และเเล้วก็วันที่ 3 กับเช้าวันใหม่ เนื่องจากฝนมักเป้นอุปสรรคหลักของทริปนี้มาเเล้วสองวันติดๆวันนี้เราจึงวางแผนออกจาก ที่พักเเต่เช้ามุ่งตรงสู่เมืองเก่า เช้าวันนี้อากาศค่อนข้างเป็นใจท้องฟ้าสดใสไร้ฝนตก เลือกปักหมุดมาลงที่ประตูเมืองเก่าสงขลา วึ่งเป็นสถานที่เเรกของเมืองที่สามารถเห้นได้ เเต่ภาพตรงหน้ากลับกลายเป็นประตูเมืองถูกคลุมด้วยผ้าใบสีเขียวพร้อมกับป้าย“ปิดปรับปรุง” โรตีก็อดประตูเมืองก้ไม่ได้ถ่าย…เเต่ไม่เป็นไรเมืองเก่ายังมีที่น่าสนใจอีกเยอะ เดินต่อมาไม่ถึง 100 เมตร ก็เจอกับตึกสูงทรงเก่าที่อยู่ตั้งเเต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่รอดจากการถูกทิ้งระเบิด ปัจจบันก็เป็นส่วนนึงของจุดที่น่าเช็คอินในเมืองสงขลา ถัดจากนั้นไปไกลก็เดินมาเจอกันวอยนึงที่ไม่ลึกและไม่กว้างมากนัก ที่กำแพงมีต้นไม้และเถาวัลย์เลื้อยอยู่ เป็นจุดที่ๆ วัยรุ่นทั้งไทยทั้งมาเลมาถ่ายรูปกันกำแพงกันเยอะมาก เดินจนสุดซอยก็พบกับวิวทะเลสาบสงขลา ที่มองเเล้วเห็นไปถึงเกาะยอ เเต่ไม่เเน่ใจนะว่าที่เห็นอันไหนคือเกาะยอ เเต่มั่นใจว่าที่เจอต้องมีเกาะยอเเน่ๆ
เดินออกจากซอยมาไม่ไกล มุ่งหน้าไปที่ ”บ้านอ้ายเหลียน“ ระหว่างทางย่านเมืองเก่าเเทบทุก
กำแพงต้องมีสตรีทอาร์ต/กราฟิตี้ ที่เเต่ละภาพมากบ่งบอกถึงวิถีชีวิตชาวสงขลา เช่นภาพร้านกาแฟ หรือเรือประมง มาถึงบ้านอ้านเหลียนก่อนมาไม่รู้มาก่อนว่าที่นี่มีอะไร จนมาเห็นของจริงภาพในบ้าง ตกแต่งเป็นทรงบ้านจีนจ๋าๆ ที่เดินเข้ามาเเล้วเหมือนหลุดมาในหนังจีนเลย (เปาปุ้นจิ้น)
ภาพในโชว์ของเก่า ของโบราณ ถ้วย ไห แจกัน รูปปั้นต่งๆรวมไปถึงพระพุทธรูป ด้วยเช่นกันประวัติคร่าวๆที่บอกว่า ชื่ออ้ายเหลียน เป็นภาาาจีนแปลว่าดอกบัว เเละเป็นชื่อของภรรยาของคุณกระจ่าง เจ้าของบ้านอ้ายเหลียน ที่สร้างเเละตั้งชื่อเพื่อรำลึกถึงภรรยา ที่นี่ถูกทำเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่ออนุรักษ์ความสวยงามในอดตีของย่านเมืองเก่านี้ เดินออกจากบ้านอ้ายเหลียนมุ่งหน้าสู่ ถนนนางงาม ศาลเจ้าพ่อกวนอู ทีเเรกคิดว่าจะลงใต้มาเเล้วเจอ ชาวมุสลิมสัมผัสวิถีมลายูเป็นหลักเเต่ ไม่ใช่เลยผู้คนรวมไปถึงสถานที่ๆเราไป ส่วนใหญ่คือชาวจีน(แต้จิ๋ว/ฮกเกี้ยน) ศาลเจ้าพ่อกวนอูมีขนาดที่ใหญ่โตมากนับเป็นสถานที่ที่ ผู้คนชาวไทยจีน เคารพและศรัทธา เเละข้างๆกับศาลเจ้าพ่อกวนอู ยังมีสาลดจ้าพ่อหลักเมืองอีกด้วยที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งเเต่สมัย รัชกาลที่ 3 มาเมืองเด่าที่นี่ เป้นอีกสถานที่ ที่ต้องมาเห็นด้วยตัวเอง เราเดินย้อนกลับมาใกล้ๆบ้านอ้ายเหลียน ใกล้ๆกันยังมีบ้านประไพรที่เป็นจุดเช้คแินแห่งใหม่เลย เป็นบ้านสไตล์จีนเก่าๆ เเละยังเป็นที่ของคุณกระจ่างเจ้าของบ้านอ้ายเหลียนโดยที่ ขื่อประไพรก็คือชื่อภรรยาคุณกระจ่างเช่นกัน การตกเเต่งสถานที่ถูกจัดวางด้วย รูปปั้นจีนโบราณ จาน ไห และเเจกันที่จัดอยู่ไปทั่วรอบบ้านเลย ซึ่งมองๆดูเเล้วเเปลกตาไม่น้อย แล้วก็จะเดินไปต่อที่ โรงสีแดงหรืออีกชื่อที่คนในพื้นที่เรียกกัน ก็คือ 
หับ โห้ หิ้น ในสมัยก่อนนั้นเป้นโรงสีข้าวตั้งเเต่ พ.ศ.2460 ของตระกูล หับ โห้ หิ้น โดยที่ในปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นสถานที่เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ของสงขลา ซึ่งที่นี่เป็นที่ตั้งของสมาคมคนรักสงขลาด้วยนะ เเละไฮไลท์เลยตรงหลังโรงสีมีท่าเรือติด ทะเลส่บสงขลาเเต่ วิวตรงนี้เห็นภูเขาใกล้ๆ และสวยกว่าจุดเเรกตรงกำแพงเถาวัลย์ ออกจากหับ โห้ หิ้น เดินไกลหน่อยรอบนี้ไปที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา” เเหล่งเรียนรู้ที่รวบรวมข้อมูลของ สงขลาและภาคใต้อย่างเเท้จริงเลย ภายในตัวอาคารเป็นศิลปะผสมผสานระหว่าง จีนและไทย เดิมทีเป็นคฤหาสน์เก่าของเจ้าเมืองสงขลา ที่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ที่นี่มีข้อมูลตั้งเเต่ของโอทอป ภูมิปัญญาของใช้ต่างๆของคนใต้ในโซน คาบสมุทรมลายู เช่น ผ้าปาเต๊ะ เรือกอและ เป็นต้น เเละยังมีของโบราณในยุคก่อนประวัติศาสตร์อย่าง หม้อ ไหดิน เรวมไปถึงรูปปั้นจเว็ต ที่เเสดงความเชื่อดั้งเดิมของคนในยุคก่อน ประวัติศาสตร์ เอาเป็นว่าถ้าจะให้เล่าหมดคงไม่ไหวเพราะมันเยอะมากจริงๆข้อมูลที่ๆนี่มีให้เราเรียนรู้ได้ ถ้าใครชอบประวัติศาสตร์ มีโอกาสมาเมืองเก่าจ่ายค่าเข้าชมคนละ 30 บาท ถือว่าคุ้มค่า เเละก่อนจะกลับอีกจุดที่น่าสนใจคือหน้าพิพิธภัณฑ์ มีกำแพงเมืองเก่าอยู่ตรงหน้าเรียงยาวที่ดูโบราณมากๆ ตามประวัติแล้วถูกสร้างขึ้นตั้งเเต่ยุค รัชกาลที่ 3 เช่นกัน

จบทริปท่องเที่ยววันนี้เราจึงนั่งมอไซต์กลับไป กินร้านสุกี้แถวประตูเมือง ก่อนที่จะเดินไปถนนใหญ่โบกรถตู้เรียกกลับหาดใหญ่ ใช้เวลาเดินทาง 1.20 ชั่วโมงโดยประมาณ มาลงที่ บขส.หาดใหญ่ จึงเรียกแกร๊ปกลับ โรงเเรมเดิมในวันเเรก(มานอนตะ) โชคดีมากที่ถึงโรมเเรมก่อนเพราะหลังจากนั้นฝนตกลงมาห่าใหญ่มาก

ชื่อสินค้า:   ท่องเที่ยว
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่