วันนี้ผมอยากมาแชร์สูตร "แกงเขียวหวานไก่" ที่ทำกินเองที่ไร ข้าวหมดหม้อทุกที! หลายคนอาจจะคิดว่าแกงเขียวหวานทำยาก โดยเฉพาะการทำให้ "กะทิแตกมัน" สวยๆ แบบโบราณ ไม่ใช่แค่น้ำแกงใสๆ จางๆ วันนี้ผมเลยรวบรวมเคล็ดลับฉบับทำจริง เจ็บจริง (เพราะเคยทำพังมาก่อน 555) มาฝากกันครับ รับรองว่าทำตามนี้ อร่อยเหมือนมีคุณยายมาทำให้กินแน่นอน
Image by Huahom from Pixabay
🥦 วัตถุดิบ (สำหรับ 3-4 ที่)
สะโพกไก่ หรือ น่องติดสะโพก: 500 กรัม (แนะนำส่วนนี้เพราะเนื้อนุ่ม ไม่กระด้างเหมือนอกไก่ครับ หั่นชิ้นพอดีคำ)
เลือดไก่ก้อน: 1 ก้อน (หั่นเต๋าพอดีคำ ลวกน้ำร้อนก่อนนิดนึงจะดีมากครับ -
อันนี้แล้วแต่ชอบนะ ไม่ใส่ก็ได้)
มะเขือเปราะ: 5-7 ลูก (ผ่าสี่ แล้วแช่น้ำเกลือทันที มะเขือจะได้ไม่ดำครับ)
มะเขือพวง: 1/2 ถ้วย (เด็ดขั้วออก)
พริกชี้ฟ้าแดง: 2 เม็ด (หั่นเฉียงๆ เอาไว้เพิ่มสีสัน)
ใบโหระพา: 1 กำมือใหญ่ๆ (เด็ดเอาแต่ใบ)
ใบมะกรูด: 4-5 ใบ (ฉีกเอาก้านกลางออก จะหอมกว่าหั่นครับ)
ส่วนเครื่องแกงและกะทิ
พริกแกงเขียวหวาน: 3-4 ช้อนโต๊ะ (ถ้าซื้อสำเร็จรูป เลือกร้านที่ไว้ใจได้ หรือถ้าตำเองจะเลิศมาก!)
หัวกะทิ: 1 ถ้วย (คั้นสดดีที่สุด ถ้าไม่มีใช้กะทิกล่องแบบอบควันเทียนก็พอไหวครับ)
หางกะทิ: 2-3 ถ้วย (ถ้าใช้กะทิกล่อง ให้เอากะทิผสมน้ำเปล่าอัตราส่วน 1:1)
เครื่องปรุงรส
น้ำตาลมะพร้าว (หรือน้ำตาลปี๊บ): 1.5 - 2 ช้อนโต๊ะ (สำคัญมาก! ห้ามใช้น้ำตาลทรายล้วนๆ รสชาติมันจะไม่นัวครับ)
น้ำปลาแท้อย่างดี: 3-4 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น: เล็กน้อย (ประมาณปลายช้อนชา)
💡 เคล็ดลับความอร่อยฉบับต้นตำรับ (อ่านก่อนทำ!)
"การผัดกะทิให้แตกมัน" คือหัวใจสำคัญ: อย่าใจร้อนเทกะทิพรวดเดียวหมด เราต้องค่อยๆ เอาหัวกะทิลงไปผัดไฟอ่อนๆ เคี่ยวจนมัน "แตกมัน" คือเห็นน้ำมันกะทิลอยหน้าขึ้นมาจริงๆ ก่อนจะใส่พริกแกงลงไปผัดตาม วิธีนี้จะทำให้แกงหอมและสีสวยธรรมชาติโดยไม่ต้องพึ่งน้ำมันพืชเลยครับ
ผัดเนื้อไก่กับเครื่องแกง: เมื่อกะทิแตกมันและผัดพริกแกงจนหอมฟุ้งแล้ว ให้เอาเนื้อไก่ลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้าเนื้อ
ก่อน เติมหางกะทิ วิธีนี้จะทำให้เนื้อไก่มีรสชาติ ไม่จืดชืด
น้ำตาลปี๊บคือเดอะแบก: ความหวานละมุนที่ปลายลิ้นของแกงไทย มาจากน้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลปี๊บครับ มันจะหวานนวลๆ ไม่หวานแหลมเหมือนน้ำตาลทราย
โหระพาใส่ตอนจบ: ใส่ปุ๊บ กดให้จมน้ำแกงปั๊บ แล้วปิดไฟเลยครับ ถ้าต้มต่อนาน กลิ่นหอมจะหายหมดและใบจะดำไม่น่ากิน
🍳 วิธีทำ (แบบเข้าใจง่ายๆ)
เตรียมกะทิแตกมัน: ตั้งกระทะหรือหม้อ ใช้ไฟกลางค่อนอ่อน เท
หัวกะทิ ลงไปเคี่ยว (แบ่งใส่ทีละนิดก็ได้ครับ) เคี่ยวไปเรื่อยๆ ใจเย็นๆ จนเริ่มเห็นน้ำมันกะทิใสๆ แยกชั้นออกมา
ผัดพริกแกง: ใส่พริกแกงเขียวหวานลงไปผัดกับหัวกะทิที่แตกมันแล้ว ผัดจนกลิ่นหอมฉุยฟุ้งไปทั่วบ้าน (ขั้นตอนนี้ระวังจามนะครับ ฮ่าๆ) ถ้าแห้งไป เติมหัวกะทิเพิ่มได้นิดหน่อย
ลงไก่: ใส่เนื้อไก่ที่หั่นไว้ลงไปผัดกับพริกแกง ผัดจนผิวนอกของไก่เริ่มสุกตึงๆ ใส่ใบมะกรูดฉีกลงไปผัดด้วยตอนนี้เลยส่วนหนึ่ง เพื่อดับคาวไก่และเพิ่มความหอม
เติมหางกะทิ: เท
หางกะทิ ลงไป เร่งไฟขึ้นนิดหน่อย รอจนเดือดพล่าน
ปรุงรส: ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว น้ำปลา เกลือนิดหน่อย ชิมรสตามชอบ ให้มีรสเค็มนำ หวานตาม มันกะทิ และเผ็ดกำลังดี (รสชาติจะยังเข้มข้นอยู่นะครับ เพราะเดี๋ยวเราใส่มะเขือแล้วน้ำจากผักจะออกมาอีกนิด)
ใส่ผัก: พอน้ำแกงเดือดจัด ใส่มะเขือเปราะและมะเขือพวงลงไป กดให้จมน้ำแกง (ต้องเดือดจัดๆ นะครับ ไม่งั้นมะเขือดำ) ต้มต่อสักพักจนมะเขือสุกตามความชอบ (ผมชอบแบบกรุบๆ หน่อย ไม่เละมาก) ใส่เลือดไก่ตามลงไป
ขั้นตอนสุดท้าย: ชิมรสครั้งสุดท้าย ถ้าโอเคแล้ว ใส่พริกชี้ฟ้าซอย และ
ใบโหระพา ลงไป ใช้ทัพพีกดให้ใบโหระพาจมน้ำแกงปุ๊บ
ปิดไฟทันที!
แจกสูตรลับ "แกงเขียวหวานไก่" แบบต้นตำรับ กะทิแตกมันสวย หอมไปสามบ้านแปดบ้าน!
Image by Huahom from Pixabay
🥦 วัตถุดิบ (สำหรับ 3-4 ที่)
สะโพกไก่ หรือ น่องติดสะโพก: 500 กรัม (แนะนำส่วนนี้เพราะเนื้อนุ่ม ไม่กระด้างเหมือนอกไก่ครับ หั่นชิ้นพอดีคำ)
เลือดไก่ก้อน: 1 ก้อน (หั่นเต๋าพอดีคำ ลวกน้ำร้อนก่อนนิดนึงจะดีมากครับ - อันนี้แล้วแต่ชอบนะ ไม่ใส่ก็ได้)
มะเขือเปราะ: 5-7 ลูก (ผ่าสี่ แล้วแช่น้ำเกลือทันที มะเขือจะได้ไม่ดำครับ)
มะเขือพวง: 1/2 ถ้วย (เด็ดขั้วออก)
พริกชี้ฟ้าแดง: 2 เม็ด (หั่นเฉียงๆ เอาไว้เพิ่มสีสัน)
ใบโหระพา: 1 กำมือใหญ่ๆ (เด็ดเอาแต่ใบ)
ใบมะกรูด: 4-5 ใบ (ฉีกเอาก้านกลางออก จะหอมกว่าหั่นครับ)
ส่วนเครื่องแกงและกะทิ
พริกแกงเขียวหวาน: 3-4 ช้อนโต๊ะ (ถ้าซื้อสำเร็จรูป เลือกร้านที่ไว้ใจได้ หรือถ้าตำเองจะเลิศมาก!)
หัวกะทิ: 1 ถ้วย (คั้นสดดีที่สุด ถ้าไม่มีใช้กะทิกล่องแบบอบควันเทียนก็พอไหวครับ)
หางกะทิ: 2-3 ถ้วย (ถ้าใช้กะทิกล่อง ให้เอากะทิผสมน้ำเปล่าอัตราส่วน 1:1)
เครื่องปรุงรส
น้ำตาลมะพร้าว (หรือน้ำตาลปี๊บ): 1.5 - 2 ช้อนโต๊ะ (สำคัญมาก! ห้ามใช้น้ำตาลทรายล้วนๆ รสชาติมันจะไม่นัวครับ)
น้ำปลาแท้อย่างดี: 3-4 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น: เล็กน้อย (ประมาณปลายช้อนชา)
💡 เคล็ดลับความอร่อยฉบับต้นตำรับ (อ่านก่อนทำ!)
"การผัดกะทิให้แตกมัน" คือหัวใจสำคัญ: อย่าใจร้อนเทกะทิพรวดเดียวหมด เราต้องค่อยๆ เอาหัวกะทิลงไปผัดไฟอ่อนๆ เคี่ยวจนมัน "แตกมัน" คือเห็นน้ำมันกะทิลอยหน้าขึ้นมาจริงๆ ก่อนจะใส่พริกแกงลงไปผัดตาม วิธีนี้จะทำให้แกงหอมและสีสวยธรรมชาติโดยไม่ต้องพึ่งน้ำมันพืชเลยครับ
ผัดเนื้อไก่กับเครื่องแกง: เมื่อกะทิแตกมันและผัดพริกแกงจนหอมฟุ้งแล้ว ให้เอาเนื้อไก่ลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้าเนื้อ ก่อน เติมหางกะทิ วิธีนี้จะทำให้เนื้อไก่มีรสชาติ ไม่จืดชืด
น้ำตาลปี๊บคือเดอะแบก: ความหวานละมุนที่ปลายลิ้นของแกงไทย มาจากน้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลปี๊บครับ มันจะหวานนวลๆ ไม่หวานแหลมเหมือนน้ำตาลทราย
โหระพาใส่ตอนจบ: ใส่ปุ๊บ กดให้จมน้ำแกงปั๊บ แล้วปิดไฟเลยครับ ถ้าต้มต่อนาน กลิ่นหอมจะหายหมดและใบจะดำไม่น่ากิน
🍳 วิธีทำ (แบบเข้าใจง่ายๆ)
เตรียมกะทิแตกมัน: ตั้งกระทะหรือหม้อ ใช้ไฟกลางค่อนอ่อน เท หัวกะทิ ลงไปเคี่ยว (แบ่งใส่ทีละนิดก็ได้ครับ) เคี่ยวไปเรื่อยๆ ใจเย็นๆ จนเริ่มเห็นน้ำมันกะทิใสๆ แยกชั้นออกมา
ผัดพริกแกง: ใส่พริกแกงเขียวหวานลงไปผัดกับหัวกะทิที่แตกมันแล้ว ผัดจนกลิ่นหอมฉุยฟุ้งไปทั่วบ้าน (ขั้นตอนนี้ระวังจามนะครับ ฮ่าๆ) ถ้าแห้งไป เติมหัวกะทิเพิ่มได้นิดหน่อย
ลงไก่: ใส่เนื้อไก่ที่หั่นไว้ลงไปผัดกับพริกแกง ผัดจนผิวนอกของไก่เริ่มสุกตึงๆ ใส่ใบมะกรูดฉีกลงไปผัดด้วยตอนนี้เลยส่วนหนึ่ง เพื่อดับคาวไก่และเพิ่มความหอม
เติมหางกะทิ: เท หางกะทิ ลงไป เร่งไฟขึ้นนิดหน่อย รอจนเดือดพล่าน
ปรุงรส: ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว น้ำปลา เกลือนิดหน่อย ชิมรสตามชอบ ให้มีรสเค็มนำ หวานตาม มันกะทิ และเผ็ดกำลังดี (รสชาติจะยังเข้มข้นอยู่นะครับ เพราะเดี๋ยวเราใส่มะเขือแล้วน้ำจากผักจะออกมาอีกนิด)
ใส่ผัก: พอน้ำแกงเดือดจัด ใส่มะเขือเปราะและมะเขือพวงลงไป กดให้จมน้ำแกง (ต้องเดือดจัดๆ นะครับ ไม่งั้นมะเขือดำ) ต้มต่อสักพักจนมะเขือสุกตามความชอบ (ผมชอบแบบกรุบๆ หน่อย ไม่เละมาก) ใส่เลือดไก่ตามลงไป
ขั้นตอนสุดท้าย: ชิมรสครั้งสุดท้าย ถ้าโอเคแล้ว ใส่พริกชี้ฟ้าซอย และ ใบโหระพา ลงไป ใช้ทัพพีกดให้ใบโหระพาจมน้ำแกงปุ๊บ ปิดไฟทันที!