“นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟ” หรือเรียกว่า “นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟ ฟอน สไตน์เฟลด์ (Saint Hermann Joseph - Heiliger Hermann Josef von Steinfeld)” นักบุญแฮร์มันน์ (ต่อมาได้ศาสนนามว่า “ยอแซฟ (Joseph - Josef)” ในฐานะฤาษี) ท่านเกิดราวปีค.ศ. 1150 ที่เมืองโคโลญ (Cologne - Köln) ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ยังเด็ก ท่านได้แสดงความจงรักภักดีอย่างลึกซึ้งต่อพระมารดาพระเจ้า และแทบจะทันทีที่ท่านพูดได้ ท่านก็ขอร้องให้มารดาสอนท่านให้รู้จักเคารพพระมารดา บิดามารดาของท่านยากจนมาก แต่พวกท่านสอนให้ท่านวางใจในพระเยซูและพระแม่มารีย์ และท่านจะเล่าความต้องการในวัยเด็กทั้งหมดของท่านอย่างเรียบง่ายที่สุดให้พระเยซูและพระแม่มารีย์ฟัง ท่านมักจะต้องเดินเท้าเปล่าในสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ และวันหนึ่งท่านมาสวดภาวนาต่อหน้ารูปปั้นพระแม่มารีย์ โดยเท้าของท่านเต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำจากความหนาวเหน็บ
“เฮอร์แมน” แม่พระตรัส “ทำไมลูกจึงเดินเท้าเปล่าเมื่ออากาศหนาวเหน็บเช่นนี้?”
“ข้าแต่พระแม่ เพราะลูกไม่มีรองเท้าใส่ เพราะบิดามารดาของลูกยากจน” ท่านกล่าวตอบ
“ไปที่ก้อนหินนั้นสิ” แม่พระตรัส “แล้วลูกจะพบเงินทั้งหมดเพื่อซื้อรองเท้า” ท่านเดินไปหาเงินค่ารองเท้าของท่านตามที่พระแม่มารีย์ตรัสไว้ แล้วกลับมาขอบคุณพระแม่มารีย์ “เมื่อใดก็ตามที่ลูกต้องการอะไร” พระแม่มารีย์ตรัสกับท่าน “สิ่งเดียวที่ลูกต้องทำ คือ ไปที่ก้อนหินนั้น แต่ลูกต้องไปด้วยความมั่นใจอันเปี่ยมล้นเสมอ”
ท่านไม่เคยใช้พระพรพิเศษนี้เลย ยกเว้นเมื่อยามจำเป็นจริงๆ และพระพรพิเศษนี้ไม่เคยทำให้ท่านผิดหวัง เพื่อนๆของท่านพบหินก้อนนั้น แต่ก็ไม่พบเงินอะไรนั่นเลย
วันต่อมา นักบุญแฮร์มันน์แวะที่วัดเพื่อขอบคุณพระแม่มารีย์สำหรับรองเท้าคู่ใหม่ และแน่นอนว่า ท่านอยากจะนำไปให้พระแม่มารีย์และพระกุมารเยซูดู ทันใดนั้นท่านก็นึกขึ้นได้ว่า “ท่านจะถวายอะไรให้พระแม่มารีย์เพื่อแสดงความขอบคุณได้ละ?” ท่านยากจนเกินกว่าจะซื้อเทียนมาจุดได้ และท่านก็ไม่มีดอกไม้เลย ทันใดนั้นท่านก็นึกขึ้นได้ว่า มารดาท่านได้มอบแอปเปิลสีแดงสดให้ท่านพร้อมกับอาหารกลางวัน ใช่แล้ว ท่านจะนำแอปเปิลนั้นไปถวายพระแม่มารีย์ และพระนางก็สามารถนำไปถวายพระกุมารเยซูได้ แต่มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง รูปปั้นนั้นอยู่สูง และนักบุญแฮร์มันน์ก็ตัวเล็กมาก ท่านยืนเขย่งเท้าพยายามเอื้อมมือไปที่รูปปั้น แต่รูปปั้นก็ยังสูงเกินไป ท่านพูดว่า "นี่ครับ พระแม่มารีย์" จากนั้นพระกร (แขน) และพระหัตถ์ (มือ) ของรูปปั้นก็เอื้อมลงไปรับของขวัญและกล่าวขอบคุณท่าน ผู้ที่มาเยี่ยมชมวัดในเวลาต่อมาเห็นรูปปั้นยื่นพระหัตถ์ลงมาและถือแอปเปิลไว้ จนกระทั่งทุกวันนี้ บรรดาผู้ศรัทธายังคงวางแอปเปิลสดไว้ที่เชิงรูปปั้นนี้เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว
“นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟ (Saint Hermann Joseph - Heiliger Hermann Josef von Steinfeld)” ตอนยังเด็ก จะนำแอปเปิลนั้นไปถวายพระแม่มารีย์ และพระนางก็สามารถนำไปถวายพระกุมารเยซูได้ แต่มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง รูปปั้นนั้นอยู่สูง และนักบุญแฮร์มันน์ก็ตัวเล็กมาก ท่านยืนเขย่งเท้าพยายามเอื้อมมือไปที่รูปปั้น แต่รูปปั้นก็ยังสูงเกินไป ท่านพูดว่า "นี่ครับ พระแม่มารีย์" จากนั้นพระกร (แขน) และพระหัตถ์ (มือ) ของรูปปั้นก็เอื้อมลงไปรับของขวัญและกล่าวขอบคุณท่าน
มีหลายสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้จากเรื่องนี้ได้ ประการแรก การหันเข้าหาพระแม่มารีย์ด้วยความต้องการทั้งหมดของเรา ประการที่สอง การสำนึกในพระหรรษทาน , การถวายคำภาวนา , การเสียสละ , เทียนหรือดอกไม้ หรือสิ่งใดก็ตามที่สำคัญต่อเราด้วยความกตัญญู พระแม่มารีย์คงทรงซาบซึ้งพระทัยเพียงใดที่ได้เห็นนักบุญแฮร์มันน์ถวายแอปเปิลแด่พระนาง นับเป็นอัศจรรย์ แต่ท่านไม่คิดว่า เป็นเรื่องแปลกที่พระแม่มารีย์จะทรงเอื้อมพระหัตถ์ลงมารับของขวัญของพระนาง ขอให้เราเป็นเหมือนนักบุญแฮร์มันน์ ที่มีความศรัทธาในพระแม่มารีย์ดุจเด็กๆ เพราะพระนาง คือ แม่อย่างแท้จริง และเรา คือ ลูกๆของพระนางอย่างแท้จริง
เมื่ออายุได้ 12 ปี นักบุญแฮร์มันน์ได้เข้าอารามของ “คณะพรีมอนสตราเทนเซียน (Premonstratensian - Order of Canons Regular of Prémontré - OPraem)” ที่เมืองสไตน์เฟลด์ (Steinfeld) ประเทศเยอรมนี และดำเนินชีวิตอย่างทูตสวรรค์ด้วยความบริสุทธิ์และการภาวนาที่นั่นอารามแห่งนั่น
โลโก้ “คณะพรีมอนสตราเทนเซียน (Premonstratensian - Order of Canons Regular of Prémontré - OPraem)”
พระสงฆ์ “คณะพรีมอนสตราเทนเซียน (Premonstratensian - Order of Canons Regular of Prémontré - OPraem)”
แม่ชี “คณะพรีมอนสตราเทนเซียน (Premonstratensian - Order of Canons Regular of Prémontré - OPraem)”
เมื่อท่านมีอายุมากพอ ท่านก็ได้รับการยอมรับให้เป็นสมาชิกของคณะ และได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารในโรงอาหาร แม้ว่าท่านจะทำงานที่ต่ำต้อยเหล่านี้อย่างขยันขันแข็ง แต่ในฐานะรหัสนิก (Mystic) ผู้เปี่ยมด้วยพระพร ท่านคงอยากจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการสวดภาวนามากกว่า พระแม่มารีย์ทรงยุติปัญหาของท่านด้วยนิมิต พระนางตรัสกับท่านว่า “ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัยไปกว่าการเห็นผู้รับใช้พี่น้องชายหญิงของตนเองด้วยกิจเมตตา”
ต่อมานักบุญแฮร์มันน์ ในฐานะภราดา ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลวัดน้อย ท่านชอบงานนั้น เพราะมันทำให้ท่านมีโอกาสได้อยู่ในวัดน้อยของอารามมากขึ้น
หลังจากได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ นักบุญแฮร์มันน์มีชื่อเสียงในด้านความศรัทธาที่ท่านได้ประกอบพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ อันที่จริง ท่านสวดภาวนาในพิธีมิสซาอย่างมีความสุขมากจนมิสซาของท่านดำเนิน “ตลอดไป” ในที่สุด ก็ไม่มีใครอยากช่วยท่านในพิธีมิสซา เพราะพิธีนี้กินเวลาของผู้ประกอบพิธีไปมาก!
ในฐานะฤาษี นักบุญแฮร์มันน์ ในฐานะพระสงฆ์ ยังคงรักษาความบริสุทธิ์ของจิตวิญญาณไว้ได้อย่างสมบูรณ์ตามแบบฉบับของท่านเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ท่านเป็นที่รักใคร่ของผู้คนมากมาย เพราะความพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกคน ถึงแม้ว่าท่านจะมีทักษะเชิงปฏิบัติ (ท่านเป็นช่างซ่อมและช่างทำนาฬิกาที่เชี่ยวชาญ) แต่โดยพื้นฐานแล้ว ท่านเป็นผู้รำพึงอย่างลึกซึ้ง
เพื่อนๆของท่านเรียกท่านอย่างติดตลกว่า "ยอแซฟ" เพราะท่านสนใจในพระแม่มารีย์และพระกุมารเยซู โดยทั่วไปแล้ว ท่านมักจะประกาศว่า ตัวท่านเองไม่คู่ควรที่จะได้รับชื่อตามบิดาของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ แต่พระแม่มารีย์ทรงโปรดปรานชื่อนี้ จึงทรงสวมแหวนแต่งงานบนนิ้วของท่านในนิมิตเพื่อยืนยันว่า ท่านคือคู่ชีวิตทางจิตวิญญาณของพระนาง จากนิมิตนี้ นักบุญแฮร์มันน์จึงเพิ่มคำว่า "ยอแซฟ" เข้าไปในศาสนนามอีกชื่อหนึ่งของท่าน
พระแม่มารีย์ทรงโปรดปรานชื่อ “ยอแซฟ (Joseph - Josef)” นี้ จึงทรงสวมแหวนแต่งงานบนนิ้วของ “นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟ (Saint Hermann Joseph - Heiliger Hermann Josef von Steinfeld)” ในนิมิตเพื่อยืนยันว่า ท่านคือคู่ชีวิตทางจิตวิญญาณของพระนาง จากนิมิตนี้ นักบุญแฮร์มันน์จึงเพิ่มคำว่า "ยอแซฟ" เข้าไปในศาสนนามอีกชื่อหนึ่งของท่าน
นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟไม่เคยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และพระแม่มารีย์ทรงตักเตือนข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆ ในตัวผู้เป็นที่รักของพระนาง และเพื่อเป็นการตอบแทนของหมั้นนี้ พระนางทรงประทานความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัสทั้งทางกายและจิตใจแก่ท่าน ซึ่งรุนแรงเป็นพิเศษในวันฉลองสำคัญต่างๆของพระศาสนจักร แต่ด้วยไม้กางเขน พระแม่มารีย์ได้นำพระหรรษทานมาให้ท่านเพื่อแบกรับความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัสนี้อย่างกล้าหาญ ดังนั้นหัวใจของท่านจึงได้ละทิ้งสิ่งของทางโลก และท่านก็พร้อมสำหรับการเสียชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งท่านเสียชีวิตเมื่อ 7 เมษายน ค.ศ. 1241
นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟได้รับการประกาศเป็นนักบุญ (Saint) เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 1958 โดยเป็นนักบุญคนสุดท้ายที่ได้รับการประกาศเป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปาปีโอ ที่ 12 (Pope Pius XII) วันฉลองของท่าน คือ ทุกวันที่ 7 เมษายน ของทุกปี
“พระสันตะปาปาปีโอ ที่ 12 (Pope Pius XII)” ผู้ประกาศให้ “นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟ (Saint Hermann Joseph - Heiliger Hermann Josef von Steinfeld)” เป็นนักบุญ (Saint) เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 1958
นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟ (Saint Hermann Joseph - Heiliger Hermann Josef von Steinfeld)
#คริสต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #ชีวประวัติ #นักบุญ #ประวัติศาสตร์ #นักบุญแฮร์มันน์ยอแซฟ #นักบุญแฮร์มันน์ยอแซฟฟอนสไตน์เฟลด์ #รหัสนิก #ฤาษี #อาราม #คณะพรีมอนสตราเทนเซียน #พรีมอนสตราเทนเซียน #เยอรมนี #ประเทศเยอรมนี #catholic #SaintHermannJoseph #SaintHermann #mystic #premonstratensian #OrderOfCanonsRegularOfPrémontré #OPraem #HeiligerHermannJosephVonSteinfeld
CR. : คริสต์ศรัทธา
https://www.facebook.com/share/p/1ZZHrxBTyZ/
ชีวประวัติ นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟ (Saint Hermann Joseph - Heiliger Hermann Josef von Steinfeld)
“นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟ” หรือเรียกว่า “นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟ ฟอน สไตน์เฟลด์ (Saint Hermann Joseph - Heiliger Hermann Josef von Steinfeld)” นักบุญแฮร์มันน์ (ต่อมาได้ศาสนนามว่า “ยอแซฟ (Joseph - Josef)” ในฐานะฤาษี) ท่านเกิดราวปีค.ศ. 1150 ที่เมืองโคโลญ (Cologne - Köln) ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ยังเด็ก ท่านได้แสดงความจงรักภักดีอย่างลึกซึ้งต่อพระมารดาพระเจ้า และแทบจะทันทีที่ท่านพูดได้ ท่านก็ขอร้องให้มารดาสอนท่านให้รู้จักเคารพพระมารดา บิดามารดาของท่านยากจนมาก แต่พวกท่านสอนให้ท่านวางใจในพระเยซูและพระแม่มารีย์ และท่านจะเล่าความต้องการในวัยเด็กทั้งหมดของท่านอย่างเรียบง่ายที่สุดให้พระเยซูและพระแม่มารีย์ฟัง ท่านมักจะต้องเดินเท้าเปล่าในสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ และวันหนึ่งท่านมาสวดภาวนาต่อหน้ารูปปั้นพระแม่มารีย์ โดยเท้าของท่านเต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำจากความหนาวเหน็บ
“เฮอร์แมน” แม่พระตรัส “ทำไมลูกจึงเดินเท้าเปล่าเมื่ออากาศหนาวเหน็บเช่นนี้?”
“ข้าแต่พระแม่ เพราะลูกไม่มีรองเท้าใส่ เพราะบิดามารดาของลูกยากจน” ท่านกล่าวตอบ
“ไปที่ก้อนหินนั้นสิ” แม่พระตรัส “แล้วลูกจะพบเงินทั้งหมดเพื่อซื้อรองเท้า” ท่านเดินไปหาเงินค่ารองเท้าของท่านตามที่พระแม่มารีย์ตรัสไว้ แล้วกลับมาขอบคุณพระแม่มารีย์ “เมื่อใดก็ตามที่ลูกต้องการอะไร” พระแม่มารีย์ตรัสกับท่าน “สิ่งเดียวที่ลูกต้องทำ คือ ไปที่ก้อนหินนั้น แต่ลูกต้องไปด้วยความมั่นใจอันเปี่ยมล้นเสมอ”
ท่านไม่เคยใช้พระพรพิเศษนี้เลย ยกเว้นเมื่อยามจำเป็นจริงๆ และพระพรพิเศษนี้ไม่เคยทำให้ท่านผิดหวัง เพื่อนๆของท่านพบหินก้อนนั้น แต่ก็ไม่พบเงินอะไรนั่นเลย
วันต่อมา นักบุญแฮร์มันน์แวะที่วัดเพื่อขอบคุณพระแม่มารีย์สำหรับรองเท้าคู่ใหม่ และแน่นอนว่า ท่านอยากจะนำไปให้พระแม่มารีย์และพระกุมารเยซูดู ทันใดนั้นท่านก็นึกขึ้นได้ว่า “ท่านจะถวายอะไรให้พระแม่มารีย์เพื่อแสดงความขอบคุณได้ละ?” ท่านยากจนเกินกว่าจะซื้อเทียนมาจุดได้ และท่านก็ไม่มีดอกไม้เลย ทันใดนั้นท่านก็นึกขึ้นได้ว่า มารดาท่านได้มอบแอปเปิลสีแดงสดให้ท่านพร้อมกับอาหารกลางวัน ใช่แล้ว ท่านจะนำแอปเปิลนั้นไปถวายพระแม่มารีย์ และพระนางก็สามารถนำไปถวายพระกุมารเยซูได้ แต่มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง รูปปั้นนั้นอยู่สูง และนักบุญแฮร์มันน์ก็ตัวเล็กมาก ท่านยืนเขย่งเท้าพยายามเอื้อมมือไปที่รูปปั้น แต่รูปปั้นก็ยังสูงเกินไป ท่านพูดว่า "นี่ครับ พระแม่มารีย์" จากนั้นพระกร (แขน) และพระหัตถ์ (มือ) ของรูปปั้นก็เอื้อมลงไปรับของขวัญและกล่าวขอบคุณท่าน ผู้ที่มาเยี่ยมชมวัดในเวลาต่อมาเห็นรูปปั้นยื่นพระหัตถ์ลงมาและถือแอปเปิลไว้ จนกระทั่งทุกวันนี้ บรรดาผู้ศรัทธายังคงวางแอปเปิลสดไว้ที่เชิงรูปปั้นนี้เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว
“นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟ (Saint Hermann Joseph - Heiliger Hermann Josef von Steinfeld)” ตอนยังเด็ก จะนำแอปเปิลนั้นไปถวายพระแม่มารีย์ และพระนางก็สามารถนำไปถวายพระกุมารเยซูได้ แต่มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง รูปปั้นนั้นอยู่สูง และนักบุญแฮร์มันน์ก็ตัวเล็กมาก ท่านยืนเขย่งเท้าพยายามเอื้อมมือไปที่รูปปั้น แต่รูปปั้นก็ยังสูงเกินไป ท่านพูดว่า "นี่ครับ พระแม่มารีย์" จากนั้นพระกร (แขน) และพระหัตถ์ (มือ) ของรูปปั้นก็เอื้อมลงไปรับของขวัญและกล่าวขอบคุณท่าน
มีหลายสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้จากเรื่องนี้ได้ ประการแรก การหันเข้าหาพระแม่มารีย์ด้วยความต้องการทั้งหมดของเรา ประการที่สอง การสำนึกในพระหรรษทาน , การถวายคำภาวนา , การเสียสละ , เทียนหรือดอกไม้ หรือสิ่งใดก็ตามที่สำคัญต่อเราด้วยความกตัญญู พระแม่มารีย์คงทรงซาบซึ้งพระทัยเพียงใดที่ได้เห็นนักบุญแฮร์มันน์ถวายแอปเปิลแด่พระนาง นับเป็นอัศจรรย์ แต่ท่านไม่คิดว่า เป็นเรื่องแปลกที่พระแม่มารีย์จะทรงเอื้อมพระหัตถ์ลงมารับของขวัญของพระนาง ขอให้เราเป็นเหมือนนักบุญแฮร์มันน์ ที่มีความศรัทธาในพระแม่มารีย์ดุจเด็กๆ เพราะพระนาง คือ แม่อย่างแท้จริง และเรา คือ ลูกๆของพระนางอย่างแท้จริง
เมื่ออายุได้ 12 ปี นักบุญแฮร์มันน์ได้เข้าอารามของ “คณะพรีมอนสตราเทนเซียน (Premonstratensian - Order of Canons Regular of Prémontré - OPraem)” ที่เมืองสไตน์เฟลด์ (Steinfeld) ประเทศเยอรมนี และดำเนินชีวิตอย่างทูตสวรรค์ด้วยความบริสุทธิ์และการภาวนาที่นั่นอารามแห่งนั่น
โลโก้ “คณะพรีมอนสตราเทนเซียน (Premonstratensian - Order of Canons Regular of Prémontré - OPraem)”
พระสงฆ์ “คณะพรีมอนสตราเทนเซียน (Premonstratensian - Order of Canons Regular of Prémontré - OPraem)”
แม่ชี “คณะพรีมอนสตราเทนเซียน (Premonstratensian - Order of Canons Regular of Prémontré - OPraem)”
เมื่อท่านมีอายุมากพอ ท่านก็ได้รับการยอมรับให้เป็นสมาชิกของคณะ และได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารในโรงอาหาร แม้ว่าท่านจะทำงานที่ต่ำต้อยเหล่านี้อย่างขยันขันแข็ง แต่ในฐานะรหัสนิก (Mystic) ผู้เปี่ยมด้วยพระพร ท่านคงอยากจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการสวดภาวนามากกว่า พระแม่มารีย์ทรงยุติปัญหาของท่านด้วยนิมิต พระนางตรัสกับท่านว่า “ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัยไปกว่าการเห็นผู้รับใช้พี่น้องชายหญิงของตนเองด้วยกิจเมตตา”
ต่อมานักบุญแฮร์มันน์ ในฐานะภราดา ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลวัดน้อย ท่านชอบงานนั้น เพราะมันทำให้ท่านมีโอกาสได้อยู่ในวัดน้อยของอารามมากขึ้น
หลังจากได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ นักบุญแฮร์มันน์มีชื่อเสียงในด้านความศรัทธาที่ท่านได้ประกอบพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ อันที่จริง ท่านสวดภาวนาในพิธีมิสซาอย่างมีความสุขมากจนมิสซาของท่านดำเนิน “ตลอดไป” ในที่สุด ก็ไม่มีใครอยากช่วยท่านในพิธีมิสซา เพราะพิธีนี้กินเวลาของผู้ประกอบพิธีไปมาก!
ในฐานะฤาษี นักบุญแฮร์มันน์ ในฐานะพระสงฆ์ ยังคงรักษาความบริสุทธิ์ของจิตวิญญาณไว้ได้อย่างสมบูรณ์ตามแบบฉบับของท่านเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ท่านเป็นที่รักใคร่ของผู้คนมากมาย เพราะความพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกคน ถึงแม้ว่าท่านจะมีทักษะเชิงปฏิบัติ (ท่านเป็นช่างซ่อมและช่างทำนาฬิกาที่เชี่ยวชาญ) แต่โดยพื้นฐานแล้ว ท่านเป็นผู้รำพึงอย่างลึกซึ้ง
เพื่อนๆของท่านเรียกท่านอย่างติดตลกว่า "ยอแซฟ" เพราะท่านสนใจในพระแม่มารีย์และพระกุมารเยซู โดยทั่วไปแล้ว ท่านมักจะประกาศว่า ตัวท่านเองไม่คู่ควรที่จะได้รับชื่อตามบิดาของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ แต่พระแม่มารีย์ทรงโปรดปรานชื่อนี้ จึงทรงสวมแหวนแต่งงานบนนิ้วของท่านในนิมิตเพื่อยืนยันว่า ท่านคือคู่ชีวิตทางจิตวิญญาณของพระนาง จากนิมิตนี้ นักบุญแฮร์มันน์จึงเพิ่มคำว่า "ยอแซฟ" เข้าไปในศาสนนามอีกชื่อหนึ่งของท่าน
พระแม่มารีย์ทรงโปรดปรานชื่อ “ยอแซฟ (Joseph - Josef)” นี้ จึงทรงสวมแหวนแต่งงานบนนิ้วของ “นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟ (Saint Hermann Joseph - Heiliger Hermann Josef von Steinfeld)” ในนิมิตเพื่อยืนยันว่า ท่านคือคู่ชีวิตทางจิตวิญญาณของพระนาง จากนิมิตนี้ นักบุญแฮร์มันน์จึงเพิ่มคำว่า "ยอแซฟ" เข้าไปในศาสนนามอีกชื่อหนึ่งของท่าน
นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟไม่เคยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และพระแม่มารีย์ทรงตักเตือนข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆ ในตัวผู้เป็นที่รักของพระนาง และเพื่อเป็นการตอบแทนของหมั้นนี้ พระนางทรงประทานความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัสทั้งทางกายและจิตใจแก่ท่าน ซึ่งรุนแรงเป็นพิเศษในวันฉลองสำคัญต่างๆของพระศาสนจักร แต่ด้วยไม้กางเขน พระแม่มารีย์ได้นำพระหรรษทานมาให้ท่านเพื่อแบกรับความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัสนี้อย่างกล้าหาญ ดังนั้นหัวใจของท่านจึงได้ละทิ้งสิ่งของทางโลก และท่านก็พร้อมสำหรับการเสียชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งท่านเสียชีวิตเมื่อ 7 เมษายน ค.ศ. 1241
นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟได้รับการประกาศเป็นนักบุญ (Saint) เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 1958 โดยเป็นนักบุญคนสุดท้ายที่ได้รับการประกาศเป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปาปีโอ ที่ 12 (Pope Pius XII) วันฉลองของท่าน คือ ทุกวันที่ 7 เมษายน ของทุกปี
“พระสันตะปาปาปีโอ ที่ 12 (Pope Pius XII)” ผู้ประกาศให้ “นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟ (Saint Hermann Joseph - Heiliger Hermann Josef von Steinfeld)” เป็นนักบุญ (Saint) เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 1958
นักบุญแฮร์มันน์ ยอแซฟ (Saint Hermann Joseph - Heiliger Hermann Josef von Steinfeld)
#คริสต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #ชีวประวัติ #นักบุญ #ประวัติศาสตร์ #นักบุญแฮร์มันน์ยอแซฟ #นักบุญแฮร์มันน์ยอแซฟฟอนสไตน์เฟลด์ #รหัสนิก #ฤาษี #อาราม #คณะพรีมอนสตราเทนเซียน #พรีมอนสตราเทนเซียน #เยอรมนี #ประเทศเยอรมนี #catholic #SaintHermannJoseph #SaintHermann #mystic #premonstratensian #OrderOfCanonsRegularOfPrémontré #OPraem #HeiligerHermannJosephVonSteinfeld
CR. : คริสต์ศรัทธา
https://www.facebook.com/share/p/1ZZHrxBTyZ/