เคยคิดไหมว่า... บ้านในกรุงเทพฯ หรือตามหัวเมืองใหญ่ๆ เนี่ย ทำไมมันแพงจังวะ เมื่อเทียบกับเงินเดือนที่เราได้?
มันมีตัวชี้วัดตัวนึงที่คนในแวดวงการเงินเขาดูกัน ซึ่งโคตรจะตรงกับความรู้สึกนี้เลย นั่นคือ "PIR" (Housing Price to Income Ratio) หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า "สัดส่วนราคาบ้านต่อรายได้" นี่แหละ!
🧐 PIR มันคืออะไรกันแน่?
พูดง่ายๆ เลยนะ มันคือการบอกว่า "ต้องใช้รายได้รวมทั้งปีของเรา กี่ปี ถึงจะซื้อบ้านนั้นได้?"
วิธีคิดก็ง่ายมาก: เอา ราคาบ้านเฉลี่ย มาหารด้วย รายได้ประจำปีเฉลี่ยของครัวเรือน
ตัวอย่าง: สมมติว่า PIR ของเราเท่ากับ 5
นั่นแปลว่า: เราต้องเก็บเงินจากรายได้ทั้งหมด (แบบไม่ใช้จ่ายอย่างอื่นเลยนะ) เป็นเวลา 5 ปี ถึงจะซื้อบ้านหลังนั้นได้! โหดปะล่ะ?
📈 ทำไมตัวเลขนี้ถึงสำคัญ?
ไอ้ PIR เนี่ย มันไม่ได้เป็นแค่ตัวเลขสถิติเฉยๆ นะ แต่มันคือ "มาตรวัดความลำบากในการซื้อบ้าน":
ถ้า PIR สูง (เช่น เกิน 5 ขึ้นไป): นั่นคือตัววัดบอกว่าบ้านมัน "แพงเกินไปแล้ว!" ราคาบ้านสูงกว่าเงินเดือนเรามาก บ่งบอกว่าเรามีโอกาสที่จะเป็นเจ้าของบ้านนี้ยากเกินไป หรือ เราไม่มีปัญญาซื้อมันนั่นแหละ
ถ้า PIR ต่ำ (ไม่เกิน 3): อันนี้ถือว่าดี ถือว่า "สมเหตุสมผล" คือเราเอื้อมถึงได้ ซื้อบ้านได้โดย ไม่ต้องแบกภาระหนักจนเกินไป
แต่ที่น่าแปลกใจคือ มันเป็นตัวเลขที่ คนซื้อบ้าน ไม่ค่อยสนใจหรือดูกันเลย ดูแค่ว่า "ผ่อนบ้านล้านละ 6,000-7,000" และ "ผ่อนไม่เกิน 50% ของรายได้"
และที่น่าแปลกและน่าตกใจไปมากกว่านั้นคือ....
🏙️ กรุงเทพฯ และปริมณฑล: ความจริงที่บาดใจ
PIR ในกรุงเทพฯ โดยประมาณ คือ 21 (ข้อมูลจากการวิเคราะห์ของ The Standard Wealth) ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ราคาบ้านในกรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้นสูงกว่า รายได้ครัวเรือนเฉลี่ยถึง "21 เท่า" เลยทีเดียว!
แปลว่าอะไร?
ถ้า PIR เท่ากับ 21 นั่นหมายความว่า ถ้าเราเป็นคนที่มีรายได้เฉลี่ยของคนกรุงเทพฯ และเราไม่กินไม่ใช้เลยแม้แต่บาทเดียว เราต้องเก็บเงิน 21 ปี ถึงจะซื้อบ้านโดยเฉลี่ยได้หนึ่งหลัง! (ซึ่งในโลกความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้เลย)
เคยได้ยินเรื่อง "PIR" (Housing Price to Income Ratio) มั้ย?
มันมีตัวชี้วัดตัวนึงที่คนในแวดวงการเงินเขาดูกัน ซึ่งโคตรจะตรงกับความรู้สึกนี้เลย นั่นคือ "PIR" (Housing Price to Income Ratio) หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า "สัดส่วนราคาบ้านต่อรายได้" นี่แหละ!
🧐 PIR มันคืออะไรกันแน่?
พูดง่ายๆ เลยนะ มันคือการบอกว่า "ต้องใช้รายได้รวมทั้งปีของเรา กี่ปี ถึงจะซื้อบ้านนั้นได้?"
วิธีคิดก็ง่ายมาก: เอา ราคาบ้านเฉลี่ย มาหารด้วย รายได้ประจำปีเฉลี่ยของครัวเรือน
ตัวอย่าง: สมมติว่า PIR ของเราเท่ากับ 5
นั่นแปลว่า: เราต้องเก็บเงินจากรายได้ทั้งหมด (แบบไม่ใช้จ่ายอย่างอื่นเลยนะ) เป็นเวลา 5 ปี ถึงจะซื้อบ้านหลังนั้นได้! โหดปะล่ะ?
📈 ทำไมตัวเลขนี้ถึงสำคัญ?
ไอ้ PIR เนี่ย มันไม่ได้เป็นแค่ตัวเลขสถิติเฉยๆ นะ แต่มันคือ "มาตรวัดความลำบากในการซื้อบ้าน":
ถ้า PIR สูง (เช่น เกิน 5 ขึ้นไป): นั่นคือตัววัดบอกว่าบ้านมัน "แพงเกินไปแล้ว!" ราคาบ้านสูงกว่าเงินเดือนเรามาก บ่งบอกว่าเรามีโอกาสที่จะเป็นเจ้าของบ้านนี้ยากเกินไป หรือ เราไม่มีปัญญาซื้อมันนั่นแหละ
ถ้า PIR ต่ำ (ไม่เกิน 3): อันนี้ถือว่าดี ถือว่า "สมเหตุสมผล" คือเราเอื้อมถึงได้ ซื้อบ้านได้โดย ไม่ต้องแบกภาระหนักจนเกินไป
แต่ที่น่าแปลกใจคือ มันเป็นตัวเลขที่ คนซื้อบ้าน ไม่ค่อยสนใจหรือดูกันเลย ดูแค่ว่า "ผ่อนบ้านล้านละ 6,000-7,000" และ "ผ่อนไม่เกิน 50% ของรายได้"
และที่น่าแปลกและน่าตกใจไปมากกว่านั้นคือ....
🏙️ กรุงเทพฯ และปริมณฑล: ความจริงที่บาดใจ
PIR ในกรุงเทพฯ โดยประมาณ คือ 21 (ข้อมูลจากการวิเคราะห์ของ The Standard Wealth) ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ราคาบ้านในกรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้นสูงกว่า รายได้ครัวเรือนเฉลี่ยถึง "21 เท่า" เลยทีเดียว!
แปลว่าอะไร?
ถ้า PIR เท่ากับ 21 นั่นหมายความว่า ถ้าเราเป็นคนที่มีรายได้เฉลี่ยของคนกรุงเทพฯ และเราไม่กินไม่ใช้เลยแม้แต่บาทเดียว เราต้องเก็บเงิน 21 ปี ถึงจะซื้อบ้านโดยเฉลี่ยได้หนึ่งหลัง! (ซึ่งในโลกความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้เลย)