[CR] ทริปมนต์รักอุบล! 3 วัน 2 คืน พักโฮมสเตย์ติดโขง งบ 1,500 บาท/คน ได้เรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้าน (โขงเจียม)

สวัสดีค่าาาา กระทู้นี้อยากมาแชร์ประสบการณ์การไปทริปที่ “ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ไป”ของพวกเรา 7 คน ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าประทับใจเกินคาด ทั้งบรรยากาศ อาหาร และความอบอุ่นของคนในหมู่บ้าน

จุดเริ่มต้นของทริป
เริ่มต้นจากรายวิชาในมหาวิทยาลัยที่อาจารย์ให้โจทย์ว่า “ให้ไปดูและศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวบ้าน” ตอนนั้นพวกเรานั่งงงกันหมดเลยว่าจะไปไหนดี เพราะที่พักหลายที่เต็มหมด บางที่ก็ราคาสูงเกินงบ…จู่ ๆ ก็มีคลิปใน Tiktok เด้งขึ้นมาบนฟีด เป็นที่พักติดแม่น้ำโขง หลังบ้านมีภูเขา ธรรมชาติล้อมรอบสุด ๆ

ชื่อที่พักคือ “บ้านของฉัน โฮมสเตย์” อยู่ที่ ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานีราคาเพียง 1,500 บาทต่อคน (3 วัน 2 คืน) รวมทั้งที่พักและอาหารทุกมื้อแล้ว บังเอิญวันว่างของโฮมสเตย์ตรงกับวันที่พวกเราไม่มีเรียนพอดี เลยจัดเลยสิคะไม่รอช้า

การเดินทาง
พวกเราเริ่มเดินทางจาก สถานีกลางบางซื่อ เวลา 19:20 น. และถึง สถานีอุบลฯ ประมาณ 06:15 น. ค่ารถไฟขาไปคนละ 329 บาท ขากลับรถไฟชั้น 2 แอร์เย็นสบาย 499 บาท ถึงอุบลปุ๊บ ก็หารถเหมาหน้าสถานี (ได้ราคาประมาณ 150 บาท ตกคนละแค่ 21.5 บาทเอง) จากนั้นก็ไปฝากท้องกันที่ร้านในตำนานของอุบล นั่นก็คือ “ก๋วยจั๊บญวนเจ๊เนือง” ร้านเล็กแต่เก่าแก่กว่า 20 ปี เส้นสด น้ำซุปหอมพริกไทยสุด ๆ บอกเลยว่าคนท้องถิ่นแนะนำจริงจัง หลังทานเสร็จ พวกเราก็แวะ 7-11 ซื้อของใช้ แล้วต่อรถตู้ไป ต.นาโพธิ์กลาง (คนละ 120 บาท ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.) พอถึงปลายทาง ก็มีพี่ ๆ จากโฮมสเตย์มารับถึงที่


กิจกรรมวันแรก
พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เริ่มกิจกรรมแรกคือ “ร้อยพวงดอกไม้” เพื่อใช้ในพิธี ไหลเรือไฟ ของหมู่บ้านคันท่าเกวียน ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดกันมานานเราได้เรียนรู้ว่าชาวบ้านเชื่อว่าการลอยเรือไฟคือการปล่อยสิ่งไม่ดีให้ลอยไปตามน้ำ เหมือนลอยกระทงแต่เป็นแบบอีสานแท้ ๆ ระหว่างรอพิธีเริ่ม พวกเรายังได้รู้จักกับ “เม็ดกระบก” (อัลมอนด์ของไทย) รสชาติมันคล้ายอัลมอนด์เลย แต่แข็งมากกก ต้องคั่วเกลือก่อนกิน 😅 คนในหมู่บ้านทำขายเป็นอาชีพเสริมด้วย น่ารักมากที่คุณยายชวนเราลองกระเทาะเอง — ซึ่งแข็งจริง ๆ เพื่อนผู้ชายยังกระเทาะไม่ออก 555 ตกเย็นพอถึงเวลาพิธี พวกเราก็ได้ร่วมจุดไฟที่เรือเพื่อนำสิ่งไม่ดีออกไป ถือเป็นว่าเป็นประสบการณ์อบอุ่นและศักดิ์สิทธิ์สุด ๆ ❤️





วันที่สอง
ตื่นกันตั้งแต่หกโมงเพื่อไปตักบาตรตามประเพณีวันออกพรรษา (แล้วแอบอู้กลับมานอนต่อหน่อย) อาหารเช้าวันนี้คือ เนื้อทอดแดดเดียว + แจ่วบอง และข้าวเหนียว ที่อร่อยมากกก จากนั้นก็เตรียมตัวไปขึ้นเขาเวลา 09:30 น. พอขึ้นถึงน้ำตกก็ได้เล่นน้ำกันเต็มที่

พี่ไกด์ยังย่างไก่ ทำส้มตำให้กินบนเขาอีก คือฟีลแบบพาเข้าธรรมชาติสุด ๆ พออิ่มแล้วก็เดินต่อไปยังจุดชมวิวที่เห็นแม่น้ำโขงและหมู่บ้านจากมุมสูง — วิวอลังการสุด ๆ

ตอนเย็นพี่ไกด์แบ่งเราเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งไปดู สะพานขาวตอนพระอาทิตย์ตก อีกกลุ่มไปดู ทุ่งนาปลูกข้าวเหนียว เขียวขจีสุดสายตา 🌾 มื้อเย็นคือ ต้มปลาใส่ผักแขยง กับ ผัดผัก ปลาทอด

ก่อนนอนพวกเราก็มีปาร์ตี้เล็ก ๆ ปิดท้ายวันอย่างอบอุ่น 💫


วันสุดท้าย

เช้าวันสุดท้ายเริ่มด้วย ข้าวต้มหมูสับร้อน ๆ ก่อนกลับเราวาดรูปและเขียนความรู้สึกฝากไว้ให้ทางที่พัก 💌 พี่ไกด์ขับรถไปส่งทันเวลาพอดี (เพราะเก็บของช้าไปหน่อย 555) นั่งรถตู้กลับมาบขส. แล้วต่อรถไฟกลับกรุงเทพฯ



ถึงสถานีกลางบางซื่อโดยสวัสดิภาพ เป็นอันจบทริปนี้อย่างสมบูรณ์ 💕

ความรู้สึกหลังทริป
การเดินทาง 3 วัน 2 คืนที่โขงเจียมครั้งนี้เป็นมากกว่าการทำโจทย์วิชาเรียน เพราะมันกลายเป็นหนึ่งในทริปที่ อบอุ่น เรียบง่าย และเต็มไปด้วยความทรงจำที่ดีที่สุด ที่พวกเรา 7 คนเคยได้ไปสัมผัสมาเลยค่ะ ก่อนไปอาจจะแค่ทำตามหน้าที่ แต่หลังจากกลับมา ทริปนี้กลายเป็นมากกว่าแค่การเรียนรู้... มันคือการ "ฮีลใจ" อย่างแท้จริง
ตลอดเวลาที่อยู่ที่ บ้านของฉัน โฮมสเตย์ พวกเราได้หลุดออกจากความวุ่นวายของชีวิตในเมืองโดยสิ้นเชิง ได้ตื่นมาพร้อมกับอากาศบริสุทธิ์ของโขงเจียม และเสียงน้ำไหลของแม่น้ำโขง ได้เห็นทุ่งนาเขียวขจีสุดสายตา และวิวแม่น้ำที่อลังการจากยอดเขา
สิ่งที่ประทับใจที่สุด คือการได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้านจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการได้ร่วม ร้อยพวงดอกไม้ และ พิธีไหลเรือไฟ ในวันออกพรรษา ซึ่งเป็นประเพณีที่ศักดิ์สิทธิ์และอบอุ่นอย่างไม่เคยสัมผัสมาก่อน หรือแม้แต่การได้รู้จัก เม็ดกระบก ที่ต้องใช้แรงกระเทาะอย่างมาก ซึ่งทำให้เราเห็นถึงความอดทนและอาชีพเสริมที่น่ารักของคนในชุมชน
นอกจากนี้ รสมือบ้าน ๆ จาก ต้มปลาใส่ผักแขยง และ เนื้อทอดแดดเดียวกับแจ่วบอง ก็อร่อยจนพวกเราต้องขอเติมข้าวเหนียวซ้ำ ๆ ซึ่งเป็นความประทับใจที่ไม่สามารถหาได้จากในเมือง และที่สำคัญที่สุดคือการดูแลอย่างดีของ พี่ๆไกด์ ที่พาพวกเราเดินเขา เล่นน้ำตก และย่างไก่ ตำส้มตำให้กินท่ามกลางธรรมชาติมันคือฟีลลิ่งของการพาเข้าป่าอย่างแท้จริง

ถ้ากำลังมองหาที่พักผ่อนที่ไม่ใช่แค่การถ่ายรูปสวย ๆ แต่ต้องการสัมผัสกับ มิตรภาพ ความเรียบง่าย และธรรมชาติแบบใกล้ชิดสุด ๆ เพื่อเติมพลังชีวิตและค้นหาความสงบ เราขอแนะนำ “บ้านของฉัน โฮมสเตย์ โขงเจียม” ที่อุบลราชธานี แห่งนี้ด้วยความเต็มใจเลยค่ะ!