[CR] Review เที่ยวตราด แบบไม่ข้ามเกาะ 3 วัน 2 คืน

สวัสดีครับ ทริปนี้จะมารีวิวการเดินทางไปเที่ยวจังหวัดตราด ช่วงวันที่ 26 – 28 เดือนกันยายน 2025 ที่ผ่านมา โดยมีสมาชิกร่วมเดินทางด้วยทั้งหมด 7 คน ซึ่งในทริปนี้พวกผมได้มีโอกาสเดินทางไปสัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวแบบฮีลใจเป็นเวลา 3 วัน 2 คืนครับ ใครที่เครียดกับการทำงานหรือกำลังเรียนอยู่ อยากให้ลองออกมาเที่ยวดูเพื่อจะฮีลใจได้ และสามารถมาตามรอยรีวิวนี้ได้เลยครับ

เริ่มกันที่วันแรกเลยครับ (26 กันยายน 2025)
พวกผมเดินทางด้วยรถทัวร์ของเชิดชัยทัวร์ในราคา 279 บาท เดินทางจากสถานีขนส่งเอกมัย เวลา 0.7.00 น.ไปยังสถานีขนส่ง จ.ตราด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 - 7 ชั่วโมง ทางทัวร์มีการตรวจสอบผู้โดยสารดีมาก มีน้ำดื่มกับของว่างให้ทานด้วย พอถึงขนส่งตราดเราก็เดินหารถที่จะพาพวกผมไปที่โรงแรม โดยรอบจะมีบริการรถสองแถวสามารถเรียกได้เลย พวกผมรู้สึกว่ารถสองแถวที่นั่นจะเรียกราคาค่าโดยสารแรงไปนิดหน่อยถ้ามากันเยอะๆจะคุ้มแต่ถ้ามากันน้อยจะแพงแต่ทางคนขับก็เป็นชาวบ้านแถวนั้น เขาก็อัธยาศัยดีนะ ติดแค่ราคาค่าโดยสารนิดหน่อย 
สำหรับวันแรกพวกผมไปพักในตัวเมือง พักที่ Trat hometown บรรยากาศที่พักภายนอกตกแต่งฟิวๆคาเฟ่ พนักงานดูแลดีมาก ห้องพักดี ตัวโรงแรมสะอาด เตียงนุ่ม แอร์เย็น มี Wi-Fi มีทีวี ดู Netflix ได้ มีไดร์เป่าผมด้วย คือใช้คำว่ามันคุ้มค่าเกินราคา 400 ที่จ่ายไปมาก ราคาที่พักต่อคืนก็ไม่แพงเลย ทางที่พักยังมีมุมที่หนุ่มๆสาวๆ สามารถมาถ่ายรูปเช็คอินได้ด้วย มุมสวยๆเพียบ แถมฝั่งตรงข้ามมีเซเว่น โรงพยาบาลตราด และมีรถสองแถวให้ใช้บริการเดินทางได้เช่นเดียวกัน 
อาหารมื้อแรกที่ถึงตราด พวกผมก็มุ่งหน้าไปที่ร้านแรกสามารถเดินจากที่พักไปร้านได้ใช้เวลาประมาณ 4 -5 นาที หรือถ้าคิดเป็นระยะทางก็ประมาณ 300 เมตรดึครับ ร้านมีชื่อว่า เกี๊ยวหนองบัวนะครับ เป็นร้านขึ้นชื่อในจังหวัด ตราด รสชาติอาหารโดยรวมประมาณ 9/10 แต่ที่จะให้รสชาติเกิน 11/10 ต้องสั่งเมนูนี้ บะหมี่ไก่ซีอิ๊วสูตรเบตง คือมันแบบอร่อยมาก ไก่ก็ชิ้นใหญ่เส้นบะหมี่ก็เส้นนุ่ม ตัวเส้นบะหมี่เหมือนไม่เคยกินที่ไหนมาก่อนเลย ราคาก็ไม่แรงราคาจับต้องได้สุดๆ
หลังจากกินของคาวแล้วก็ต้องปิดท้ายด้วยของหวานกันใช่ไหมครับ พวกผมก็เลยไปกันต่อที่ร้านขนมไทยป้าหนอม บรรยากาศร้านดีเป็นฟิวเหมือนบ้านต้นไม้ แต่ตัวร้านแอบหายากนิดนึง อาจจะต้องถามคนพื้นที่แถวๆนั้นและทางร้านใช้วัตถุดิบจากสีของธรรมชาติมาทำขนม ขนมชั้นสีทับทิมใช้สีจากครั่งกับใบปลากริม ที่ห้ามพลาดเลยคือขนมบันดุ๊ก ที่กินได้ที่จังหวัดตราด คล้ายขนมชั้น ในทุกเมนูจะมีถั่วทำให้กินรวมกันมีรสชาติหวานเค็ม อยากจะว่าพวกผมสั่งเกือบทุกเมนูแต่บิลออกมา 100 บาทกว่าๆ ซึ่งมันถูกมากๆและ ตัวขนมไม่ได้มาชิ้นเล็กๆด้วย โดยรวมคือได้ทั้งบรรยากาศชิวๆ กินขนมหวานราคาสบายกระเป๋า
หลังจากกพวกผมกินเสร็จก็ได้มุ่งหน้าต่อไปที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองไหว้เพื่อกราบไหว้เป็นสิริมงคลและขอให้เจ้าพ่อศาลหลักช่วยไม่ให้ฝนตกด้วยในการเที่ยวในครั้งนี้ อยากจะบอกว่าตลอดทั้งทริปสภาพอากาศแปรปรวนมากครับ55555 หลังจากไหว้ขอพรเสร็จพวกผมก็กลับโรงแรมเตรียมตัวออกไปกินข้าวมื้อกลางคืนกัน
มาต่อกันที่ช่วงกลางคืนครับ พวกผมก็ได้ไปกินหมาล่าร้านเว่ย เป็นร้านหมาล่าห้องแอร์ที่บรรยากาศดีมาก มีดนตรีสดด้วย ตัวน้ำซุปหมาล่าเข้มข้น เผ็ดชาลิ้นเลย เป็นฟิวหมาล่าชาบูๆ เมนูแนะนำไม่ควรพลาด คือ ข้าวผัดน้ำปลา3กระต่าย ชื่ออาจจะดูธรรมดาแต่รสชาติมันเกินขาดมาก มันคือข้าวผัดกับน้ำปลาตรา 3 กระต่าย ใส่กากหมู ใส่พริก ใส่หอมแดง ซึ่งมันเป็นรสชาติที่แบบอร่อยมากๆๆ จนอยากไปซ้ำอะ อยากจะพาไปรู้จักกับน้ำปลาแท้ตราสามกระต่าย เป็นแบรนด์น้ำปลาโดยครอบครัวชาวประมงแท้ๆ  แต่เดิมครอบครัวเป็นชาวประมงพื้นบ้านอยู่ที่เกาะกูด จังหวัดตราดครับ และอีกอย่างที่อยากบอกสำหรับใครอยากจะลองเที่ยวตัวเมืองตราดตอนกลางคืนดู ผมบอกเลยว่าตัวเมืองตราดเงียบเหงามากๆๆครับ แทบจะไม่ได้ยินเสียงรถวิ่งเลย แต่ผมว่ามันก็ดีเงียบสงบดีไม่เหมือนกับฝั่งเกาะที่วุ่นวาย และผู้คนพลุกพล่าน

มาต่อกันวันที่สองครับ (27 กันยายน 2025)
อยากจะบอกว่าเสียมากครับไม่ได้ไปตลาดเช้า เพราะคนที่รู้ทางไปตลาดเช้าไม่ตื่น ส่วนคนที่ตื่นก็ไปไม่ถูกทาง555555 สำหรับวันที่ 2 พวกผมก็จะเดินทางไปเที่ยวกันต่อที่ชุมชนบ้านไม้รูด ซึ่งต้องนั่งรถจากตัวเมืองไปประมาณ 1 ชั่วโมง รถที่นั่งไปเป็นการติดต่อไว้ล่วงหน้าจากคนในพื้นที่ ส่วนราคาค่ารถหารกันแล้วพวกผมไปกัน 7 คนหารกันคนละ 100 นิดๆผมมองว่าก็สมเหตุสมผล ส่วนที่พักพวกผมพักกันที่บ้านกำนันโฮมสเตย์ ซึ่งเจ้าของก็เป็นกำนันในชุมชนครับ บรรยากาศห้องพักดี เห็นวิวทะเลอ่าวไทย เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ตรงนั้นและได้วิวของคลองได้ยินเสียงเรือเป็นพัก ๆ ในช่วงเวลากลางวัน ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำอาชีพประมง ใครชอบอาหารทะเลก็จะได้กินของสดที่นี่เลย ธรรมชาติที่คลองไม้รูดดีมาก ๆ มีโอกาสได้เห็นนกเงือกหลายคู่ด้วย และที่นี่น้ำฝักบัวแรงดีมาก อาบน้ำสะใจสุด ๆ มีกาแฟ มีน้ำดื่ม มีตู้เย็นให้แช่ของได้ แต่ทั้งหมดนี้ต้องบริการตัวเอง Wi-Fi ก็มีให้ด้วยนะ
หลังจากที่พวกผมเก็บกระเป๋าเข้าที่พักเรียบร้อยแล้วก็ได้เดินไปสำรวจวิธีชุมชนแถวนั้นและได้พบว่าคนชุมชนนั้นจับปู จับกุ้งและกั้งซะส่วนใหญ่ และทางกำนันก็ได้แนะนำมาว่าในชุมชนมีร้านข้าวอาหารตามสั่งที่อร่อยอยู่ซึ่งสามารถสั่งผ่านกำนันได้ แต่พวกผมไม่สั่งพวกผมเลือกที่จะเดินเรียบริมคลองไปสำรวจรอบๆชุมชนและไปทานหน้าร้าน ร้านอาหารชื่อร้านป้านากับลุงปานนะครับ บรรยากาศร้านฟิวๆกินข้าวที่บ้านเลยครับ อาหารที่พวกผมสั่งส่วนมากเป็นอาหารทะเลทั้งหมด ซึ่งอาหารทะเลสดมาก เมนูที่ทางร้านแนะนำ คือข้าวคั่วพริกเกลือทะเล กับพวกหอยจ๊อกั้ง ซึ่งอันนี้ไม่ควรพลาดครับ แต่อยากจะบอกว่าเดินไกลมากต้องเดินไปกลับเกือบ 3 กิโลเมตรได้นะครับ ส่วนตัวผมบอกว่าชุมชนบ้านไม้รูดให้ฟิวแบบเกาะโอกิชิมะ ที่ญี่ปุ่นเลยครับ เป็นหมู่บ้านชาวประมงเหมือนกันกับชุมชนบ้านไม้รูด อีกอย่างคือน้องแมวเยอะมากครับ ฟินสุดๆ555555
หลังจากที่พวกผมกินข้าวกันเสร็จก็เดินกลับที่โฮมสเตย์เพื่อไปทำกิจกรรมกับทางโฮมสเตย์ ขอบอกไว้ก่อนนะครับพวกผมซื้อแพ็คเกจเที่ยวกับทางโฮมสเตย์ไว้นะครับ สำหรับที่แรกที่พี่ไกด์พาไปเที่ยวคือศาลาราชการุณย์ไปศึกษาประวัติศาสตร์ช่วงสงครามเขมรแดง ข้าง ๆจะมีหลวงพ่อแดงให้กราบไหว้ เป็นที่เคารพของคนในพื้นที่ ระหว่างที่ไหว้อยู่รถที่ขับผ่านไปผ่านมาก็บีบแตรเป็นการเคารพ แต่เดิมบริเวณศาลาราชการุณย์นี้ เป็นศูนย์สภากาชาดไทย ณ บ้านเขาล้าน ที่รองรับผู้อพยพชาวกัมพูชาที่ลี้ภัยสงครามเข้ามาฝั่งประเทศไทย ซึ่งสถานที่นี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้สร้างขึ้นมารองรับผู้อพยพชาวกัมพูชาที่ลี้ภัยสงครามครับ
ไปต่อกันที่หาดสองสีครับ หาดทรายที่นี่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติสร้างเม็ดทรายละเอียดสีขาวและสีน้ำตาลแดงมาบรรจบกัน จนกลายเป็นหาดทรายสองสีที่สังเกตได้ด้วยตาเปล่าและไม่ได้พบได้ทั่ว ๆ ไป นอกจากนี้ใกล้ ๆ ยังเป็นลานต้นไม้ 100 ปี ที่ต้นลำพูแต่ละต้นล้วนเติบโตยืนท้าลม โต้คลื่นในทะเลอย่างมั่นคง และต้นเสม็ดแดงไม้หายากประจำถิ่นอีกด้วยครับ
หลังจากไปชมหาดทรายสองสี พวกผมก็เดินทางไปต่อ เพื่อที่จะได้ไปนั่งเรือดูป่าชายเลน และได้ไปเป็นเหมือนเซียนหรั่งจับหอย เป็นกิจกรรมที่สนุกมาก ได้ช่วยกันหาเพื่อไปเป็นอาหารมื้อเย็นของวันครับ
หลังจากที่พวกผมทำกิจกรรมเสร็จก็ไปอาบน้ำ ทางบ้านกำนันโฮมสเตย์ ก็ได้จัดเตรียมอาหารให้เรียบร้อยซึ่งมันอลังการมาก กั้งตัวเท่าแขน ปูม้า ก็ตัวใหญ่ๆและยังมีหอยที่พวกผมไปหามาได้ ทางคนในชุมชนนั้นดูแลพวกผมดีมากเหมือนพวกผมเป็นลูกเป็นหลานเขา ทั้งแกะปู/กั้งให้กิน ปอกผลไม้ให้ และของขึ้นชื่อของคนในชุมชนนี้เป็นน้ำพริกกั้งซึ่งรสชาติ อร่อยมากทานง่าย มีความหวานและเผ็ดปลายครับ
หลังจากพวกผมกินข้าวเย็นเสร็จ ก็ได้นั่งคุยเล่นจนถึงดึก และพวกผมได้สังเกตว่าชุมชนไม้บ้านรูดเข้าบ้าน ปิดไฟกันเร็วมาก 2ทุ่มครึ่งคือเงียบเหงาอีกเช่นเคย ไม่ต่างจากตัวเมืองตราดเลยครับ55555 และช่วงเที่ยงคืนที่นี่จะได้ยินเสียงเรือของชาวบ้านที่ต้องออกเรือไปทำประมงและจะกลับมาอีกทีช่วงเที่ยงวันครับ