[CR] น้า Low Batt :: อุทัยธานี 1 คืน ทริปเน้นเช็คสภาพข้อเข่า

กระทู้รีวิว

สวัสดีครับทุก ๆ ท่าน

คำเตือน !!! รูปเยอะ สัญญาณเน็ตแรง ๆ ค่อยเปิดกระทู้นี้นะครับ

ทริปนี้เป็นทริปสั้น ๆ ง่าย ๆ ไม่ได้เน้นกินเที่ยวอะไรมากมาย เรื่องของเรื่องคือกลางปีหน้าลูกสาวตั้งใจจะลากผมกับท่าน.ผบ ไปเที่ยวจีนแถวลี่เจียงให้ได้ ความที่ผมไม่ได้ออกแรดมาหลายปี ลูกสาวก็ไม่มั่นใจว่าสุขภาพของผมจะยังมีสภาพพร้อมลุยเหมือนเดิมไหวหรือเปล่า จังหวะลูกว่างพอดีก็เลยชวนไปอุทัยฯ เพื่อหาเรื่องเช็คสภาพผมนิดหน่อย ด้วยการเดินขึ้นบันได 449 ขั้น ของวัดสังกัสฯ

ทริปนี้มีเป้าหมายมีแค่นี้เอง ส่วนที่เหลือถือเป็นกำไรชีวิต

ลองมาดูกันครับว่าชายชราอายุเลยหกสิบ ไม่ออกกำลังกาย ไม่ดื่มแอลฯ แต่สูบจัดคนนี้จะเดินขึ้นไหวหรือไม่ไหว

ทริปนี้ออกเดินทางเมื่อวันจันทร์ที่เพิ่งผ่านมา โดยต้องไปขึ้นรถที่ขนส่งหมอชิต.2 รถจะออกแปดโมงเช้า
ออกจากบ้านราวตีห้าครึ่ง เรียก grab มารับ แล้วไปแวะรับลูกสาวกับเพื่อนที่คอนโดแถวกัลปพฤกษ์ จากนั้นก็ตรงไปหมอชิต.2 ไปถึงราว ๆ หกโมงครึ่งนิดหน่อย ต้องไปทำเรื่องออกตั๋วที่จองออนไลน์เอาไว้ก่อนหน้านี้ที่ชั้นสอง

ออกตั๋วมา หน้าตาแบบนี้ ราคารวม 317.- เป็นราคาปลายทางคลองลาน ถึงเราจะลงแค่ จ.อุทัยฯ ก็จะต้องจ่ายราคาเท่ากับไปลงคลองลาน ผู้สูงวัยถ้าแจ้งก่อนจองตั๋วจะมีส่วนลดรวมแล้วเหลือ 229.- แต่ลูกสาวผมลืมแจ้งก่อนก็เลยโดนราคาปกติไปตามระเบียบ ถ้าจะเน้นราคาถูกก็ต้องข้ามฝั่งถนนไปติดต่อรถตู้เข้า จ.อุทัยฯ ราคาจะถูกกว่า คือ 199.-

มีเวลาเหลือก็เลยเดินไปทางขวามือของเคาน์เตอร์ออกตั๋ว สุดทางจะเป็นศูนย์อาหาร เป็น 7-11. เวลาเหลือเยอะก็เลยจัดข้าวรองท้องไว้ก่อนหนึ่งจาน ราดสามอย่างราคา 60.- รสชาติพอจะกันหิวได้ ส่วนพวกเมนูก๋วยเตี๋ยว เด็ก ๆ กินไปคนละสองสามคำก็วางตะเกียบบอกกินไม่ลง หวานเจี๊ยบบบ เปลี่ยนเป็นเดินไปซื้อข้าวกล่องใน 7 แล้วยกมานั่งกินแทนก๋วยเตี๋ยว

หกโมงกว่าวันธรรมดา เพิ่งมีร้านข้าวมาเปิดขายแค่สองสามราย

ราดสามอย่าง 60.- จ่ายด้วยคูปองที่เพิ่งแลกมา

กินเสร็จเจ็ดโมงหน่อย ๆ ก็เดินลงมาชั้นล่าง เดินตัดไปที่จุดจอดรถของ บขส. โดยเฉพาะ ซึ่งจะเป็นคนละชานชาลากับพวกรถร่วมของบริษัทเดินรถต่าง ๆ

นั่งรอที่แถว ๆ ชานชาลา #22 เพื่อรอรถเข้าชานชาลา

เดินไปสูบบุหรี่ที่ริมรั้วในจุดที่ทางขนส่งจัดไว้ให้ ก่อนจะเดินกลับมาขึ้นรถที่เพิ่งเข้าเทียบชานชาลา #22

จัดแจงเรื่องที่นั่งเรียบร้อย จนท.จะนำขนมและน้ำดื่มมาแจกให้

ขนมภายในถุง น้ำดื่ม ทิชชู่เปียก เป็นของ S&P ทุกรายการ

รถออกตรงตามเวลาแปดโมงเช้า มีแวะรับคนเพิ่มที่ บขส.รังสิต และที่ สนง.บขส. ประตูน้ำพระอินทร์ จากนั้นก็นั่งไปยาว ๆ จนราวสิบโมงนิด ๆ เข้าเขต อ.อินทร์บุรี จะมีจอดให้เข้าห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสาย กินอาหารฟรีด้วยหางตั๋วโดยสาร ถ้าไม่กินก็ใช้สิทธิแลกซื้อได้ ตั๋วละ 25.- รวมตั๋วแล้วซื้อของกินขนมนมเนยก็ได้ ถ้าราคาเกินก็จ่ายเพิ่ม ถ้าไม่เกินก็ไม่ต้องจ่ายแต่ไม่มีการทอนเงินสดคืน จุดนี้รถจะแวะจอดพักทั้งขาขึ้นและขาล่อง

หลังจอดพักประมาณไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ออกเดินทางต่อ รถจะเลี้ยวเข้าสถานีขนส่ง จ.อุทัยฯ ไปถึงตอนราว ๆ สิบเอ็ดโมงครึ่ง รถแค่แวะเข้ามาส่ง ผดส.แล้วก็ไปต่อ รวมเวลาเดินทางทั้งหมดก็ประมาณสามชั่วโมงครึ่ง

ตัวอาคารเห็นแต่รถตู้ รถมินิบัส แล้วก็รถสองแถวที่จะออกไปตามอำเภอมาจอดรอ ผดส.กัน

ส่วนผม ลงจากรถแล้วก็ไปติดต่อเรื่องจองตั๋ว บขส.ขากลับไว้ก่อนเลย ติดต่อรถ บขส.ต้องมาติดต่อที่ สนง.แห่งนี้เท่านั้น

จองตั๋วล่วงหน้าคือรับประกันว่าได้ที่นั่งตามที่ระบุเลขไว้แน่นอนแต่ต้องจ่ายราคาเต็ม คือ 317.- แต่ละวันจะมีสามรอบเวลาให้เลือก
ถ้าอยากจ่ายราคา จ.อุทัยธานี คือ 209.- ต้องรอซื้อตั๋วตอนรถเข้าท่ารถก่อนเพื่อดูว่ามีที่นั่งว่างหรือไม่ ถ้าว่างก็จ่าย 209.- ถ้าไม่ว่างก็อดขึ้นรถ

จัดการเรื่องตั๋วขากลับเสร็จ ต่อไปก็จัดการเรื่องหาเช่ามอ'ไซค์ หาข้อมูลดูแล้วมีขึ้นมาแค่รายเดียวเท่านั้นคือ ของ ลุงนรินทร์ ระยะทางเดินเท้าจาก บขส.ประมาณสิบนาที หลังจากที่โทรคุยกันเรียบร้อยก็เดินไปที่ร้านทันที

หน้าตาร้านให้เช่ามอ'ไซค์ by ลุงนรินทร์ คือทั้งตึกนี่แหละ คุณลุงดูเรื่องรถ คุณป้าดูเรื่องเอกสาร ทำกันแค่สองคนเท่านั้น เก่งจริง ๆ

ใครไปเที่ยวแล้วอยากหาเช่ารถขี่ก็โทรสอบถามตามเบอร์นี้ได้เลย ค่าเช่าราคาคันละ 300.- ในเวลา 24 ชั่วโมง

ลุงบอกว่าปกติก็จะมีหลายคันมีทั้งใหม่ทั้งเก่า มีทั้งรถมีเกียร์ มีทั้งรถออโต้ แต่ตอนนี้เหลือแค่สองคันนี้แหละก็เลยไม่ต้องเลือกมากให้ปวดหัวครับ ต้องเช่าทั้งสองคันพอดีเพราะเรามากันสี่คน ลุงบอกถ้าล้มหรือมีแผลถลอกกลับมานิดหน่อยก็ไม่ว่ากัน อย่าให้มีแตกมีหักก็แล้วกัน อันนั้นต้องคิดเงินค่าเสียหายเพิ่ม พอได้ใช้งานจริง ๆ ต้องบอกว่าคุณลุงดูแลรถดีมาก เห็นรถเก่า ๆ แต่เครื่องแน่น นิ่ม บิดเป็นมา

จัดแจงเรื่องเอกสารเรียบร้อยก็เลยถือโอกาสฝากกระเป๋าไว้กับทางร้านก่อนซักสองชั่วโมง แล้วจะไปหากินข้าวก่อนไปวัดสังกัสฯ กันต่อ คุณลุงคุณป้าก็เลยชื้ไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เฮียโพธิ์ ที่อยู่ใกล้ ๆ กันว่า ไปกินร้านนี้เลย เราก็เลยไม่เลือกมากละ หิวข้าวแล้วด้วย

คนไม่เยอะ สั่งไม่นานก็ได้กินละ โดยสรุปก็คือ รสชาติใช้ได้ ไม่ขี้เหร่ แต่ปริมาณน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยชามละ 50.-

เล็กน้ำไก่สองอย่าง

เล็กแห้งไก่สองอย่าง

บะหมี่น้ำลูกชิ้นหมู

เล็กหมูตุ๋น

กินเสร็จก็พากันขี่ไปวัดสังกัสฯ เราจะเดินขึ้นบันไดก็ต้องมาทางเส้นนี้

หน้าตาบันไดที่เราจะเดินขึ้นกันครับ 449 ขั้น มาดูซิว่าผมจะเดินขึ้นไหวไหม ถ้าไม่ไหวก็ลงไปแว้นซ์เพื่อขึ้นอีกทาง

เดิน ๆ พัก ๆ ไปสามสี่รอบ ใช้เวลาไม่นานนัก สุดท้ายก็เดินขึ้นมาถึงจนได้ครับ

เดินขึ้นมาก็จะเจอกับระฆังใบใหญ่แขวนไว้ก่อนเลย

ด้านข้างก็จะเป็นจุดชมวิวตัวเมืองด้านโรง'บาลอุทัย

จากนั้นก็เดินชมอะไรต่อกันนิดหน่อย ชมบรรยากาศบนวัดสังกัสฯ กันแบบรวม ๆ ครับ

ถ้าเดินตรงไปตามทางที่เห็นก็จะตรงไปเจอลานจอดรถ ถ้าจะไปหมุดแผนที่โลกก็ต้องเดินไปขึ้นอีกเนินจากด้านลานจอดรถ

อาคารถัดมา มองที่แรกนึกว่าวิหารพระนอน แต่ไม่ใช่ครับ เป็นห้องนิทรรศการฯ

ข้างในด้านขวามือเป็นหมู่พระพุทธรูป

ด้านซ้ายมือเป็นห้องนิทรรศการฯ

ออกจากห้องนิทรรศการฯ เดินต่อไปก็เป็นลานจอดรถ เดิมทีตั้งใจจะเดินไปดู หมุดโลก ที่อยู่บนยอดเขาสะแกกรัง ซึ่งก็คือยอดแหลมที่เห็นในรูปละครับ แต่เพื่อนลูกสาวอยากไปชมวิหารแก้วที่วัดท่าซุง เพราะยังไม่เคยไป ตอนนั้นราวบ่ายสองผมลองคำนวณด้วยสายตาแล้วเราทำเวลาไปไม่ทันวิหารแก้วเปิดแน่ ๆ เพราะต้องเอากระเป๋าไปเช็คอินก่อน แล้วค่อยไปวิหารแก้ว ไว้โอกาสหน้าค่อยว่ากันใหม่แล้วกันนะ .... หมุดโลก