== Mast Mein Rehne Ka (2023) คนเหงา.. ในเมืองใหญ่ ==



วิรัช ชายชราวัยเกษียณที่อาศัยอยู่ตามลำพัง ชีวิตของเขาอยู่ในแบบแผนทุกอย่างตั้งแต่ตื่นเช้าจนถึงเข้านอน
ทั้งไปออกกำลังกายท่สวนสาธารณะ กินข้าวที่เริ่มเดิม ซื้อของที่ร้านชำเจ้าเดิม อ่านหนังสือแบบเดิม
กิจวัตรทุกอย่างของวิรัช เป็นระเบียบในทุกวันไม่เคยเปลี่ยนแปลง



ปาร์กัช หญิงชราที่เดินทางกลับมาจากแคนาดา หลังการเสียชีวิตของสามี
เธอกลับมาอยู่มุมไบตัวคนเดียว แม้ว่าจะมีชีวิตที่ดีในต่างแดน หากแต่ลูกชายคนเดียวกลับไม่เข้าใจในตัวของแม่
ปาร์กัชตัดสินใจกลับบ้านเพื่อหวังว่าสังคมเดิมๆที่เธอเคยมี จะช่วยเยียวยาใจให้เธอได้บ้าง
แต่ปรากฏว่าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่ปาร์กัชคิดไว้...



นันเฮ ชายหนุ่มเจี๋ยมเจี้ยม ที่มีฝีมือในการตัดเสื้อ เขาได้รับโอกาสให้ทำงานใหญ่
หากแต่ว่าต้องใช้เงินทุน จำนวนมาก.. นันเฮ ที่ไม่อยากพลาดเงินก้อนโต
จึงตัดสินใจรับงานไว้ทั้งที่ตัวเองไม่รู้จะหาทุนรอนมาจากไหน
สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไปเป็นโจรบุกไปปล้นบ้านของคนรวยที่อยู่ตัวคนเดียวในเมือง



และ ราณี หญิงสาวที่เป็นนักต้มตุ๋น แต่ละวันเธอมักจะขอเงินชาวบ้านตรงสี่แยก
ไม่ก็ทำงานที่ไม่สุจริตอีกหลายอย่าง อาทิ หลอกลวง ต้มตุ๋น รวมถึงขโมยของกับเพื่อนๆชาวแก๊ง..
ในสายตาของคนอื่น ราณี ไม่เคยมีค่าอะไรเลย นอกจากกาฝากของสังคม...



Mast Mein Rehne Ka ภาพยนตร์อินเดียภาษาฮินดี ผลงานการกำกับและเขียนบทโดย  Vijay Maurya
นำเสนอเรื่องราวจากคอนเซปต์เรื่องที่ว่า ชายคนหนึ่งเลือกบ้านของชายชราสำหรับการปล้นครั้งแรก
โดยเป็นการเริ่มต้นเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนในเหตุการณ์นี้มองชีวิตในรูปแบบใหม่และกับเพื่อนใหม่ท่ามกลางความมืดมนของเมืองมุมไบ ..



หน้าหนังบอกว่าเรื่องนี้เป็น comedy drama ครับ ซึ่งช่วงแรกของหนังก็เป็น  comedy จริงๆล่ะ
หากแต่เมื่อผ่านไปช่วงครึ่งหลังก็เป็นดราม่าได้สุดๆเช่นเดียวกัน จนแทบจะเรียกได้ว่าเหมือนหนังคนละเรื่องไปเลยทีเดียว ..



Mast Mein Rehne Ka นำเสนอเรื่องราวของคนเหงาในเมืองใหญ่อย่างมุมไบ มหานครที่ไม่เคยหลับใหล
ทุกชีวิตต่างเคลื่อนไหวเช่นเดียวกันกับคนทั้ง 4 ที่เป็นตัวเอกของเรื่องนี้ที่ไม่น่าจะมีอะไรข้องเกี่ยวกันได้..
หากแต่การก่อเหตุร้ายของชายคนนึงก็เชื่อมโยงทุกชีวิตให้เข้ามาในเรื่องราวเดียวกัน



ดูแล้วได้แง่คิดดีๆหลายอย่างครับในเรื่องของการใช้ชีวิต และที่สำคัญอีกอย่างก็คือปัญหาของสังคมผู้สูงวัยที่เป็นกันทั่วโลก
ไม่ใช่เฉพาะแค่ในบ้านเราเท่านั้น.. คนแก่มีจำนวนมากขึ้นและพวกเขาเหล่านั้นก็มักจะอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีใครให้พูดคุยด้วย
ดังนั้นการตกเป็นเหยื่อจากเหตุร้ายหรืออาชญากรรมหลายๆอย่างจึงมักเป็นข่าวที่ให้เราได้พบเจออยู่เสมอ
นี่คือปัญหาสังคมที่ไม่อาจเพิกเฉยได้นะครับ



อย่างไรก็ตามแม้ว่าการนำเสนอต่างๆจะดีและน่าสนใจ ก็แต่มีข้อติเช่นเดียวกัน
บทในช่วงท้ายดูเบาหวิวไปมาก ทั้งๆที่หนังมีเวลามากถึง 2 ชั่วโมงกับอีก 7 นาที
หากแต่ปมหลายๆอย่างในช่วงท้ายกลับไม่ได้ทำให้ผู้ชมอย่างเราได้อินและเข้าใจกับมันเท่าที่ควรจำเป็น
หลายอย่างเหมือนถูกตัดให้จบๆไป จนทำให้สิ่งที่ปูมาทั้งเรื่องนั้นมันขาดหายไปอย่างน่าเสียดายจริงๆ...


เพราะหนังมันฝังใจ


=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่