
- แม้โดยรวมของหนังจะ Run ไปข้างหน้าอย่างเบาสบายตาม Field ของหนังญี่ปุ่นที่นิยมนำเสนอใน way นี้โดยไม่ต้องเสียเวลาเอะใจให้มากความแต่หน่วงเอาเรื่องตรงที่ปมของตัวละครที่นำเสนอมามันสามารถซื้อใจให้ผมสะกิดอะไรบางอย่างผ่านบรรยากาศสดใสจนเหม่อลอยที่ส่วนใหญ่สาละวนไปมาระหว่างโรงเรียนก็บ้านใครหลายคนได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่เริ่มออกตัวในระยะเวลาถึง 2 ชั่วโมง 11 นาทีที่ระหว่างทางสุ่มเสี่ยงต่อการวูบหลับเป็นอย่างมาก
- เพียงแค่เปิดเรื่องมาเห็นครูสาวนั่งมองวิวด้วยสีหน้าเบื่อโลกบนเรือยอร์ชที่กำลังแล่นไปยังเกาะแห่งหนึ่งปุ๊ปภาพในหัวก็ไปคิดถึงหนัง Classic เรื่อง Twenty-Four Eyes (1954) ตรงที่มันเกริ่นถึงตัวละครนำที่เป็นครูที่ได้รับหน้าที่มาประจำการจำเป็นในโรงเรียนแห่งใหม่ที่ดันอยู่ห่างไกลจากที่ที่เคยอยู่แถมยังเล่าถึงการเผชิญหน้ากับสังคมภายในที่มีทั้งเด็กนักเรียนกระทั่งสภาพแวดล้อมที่ครูสาวต้องรับมือทันทีที่ก้าวมาถึงเหมือนกันจะต่างกันตรงที่ยุคสมัย , Concept ของหนัง และ นิสัยที่ยังไม่ได้เป็นมิตรของคุณเธอเท่านั้นแหล่ะที่เข้าถึงง่ายกว่าเมื่อมองบริบทในปัจจุบัน

- ช่วงแรกที่กำลังทำความรู้จักว่าอะไรเป็นอะไร ? ยังประติดประต่อไม่ค่อยถูกด้วยเพราะมีตัวละครทยอยกันมารายงานตัวไม่ขาดสายโดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนหญิงสาวที่อยู่ชมรมประสานเสียงและกลุ่มนักเรียนชายที่เข้ามาสมัครชมรมเพื่ออาหวังอะไรบางอย่างจนจำได้ไม่หมดว่าใครเป็นใคร ? พร้อมกับคิดตามไปว่าจะจัดการแบ่งสรรปันส่วนยังไงให้พอดีกับการฝึกซ้อมประกวดร้องเพลงที่เป็นหัวใจสำคัญเช่นกัน พอเริ่มเข้าที่จึงสังเกตุได้เต็มปากว่าปมที่ประเคนตามทางมาส่วนใหญ่จะเทไปที่ตัวครูสาวคนใหม่ที่มีความนัยเกี่ยวกับเปียโน , หัวหน้าชมรมสาวที่มีปมไม่ชอบขี้หน้าผู้ชาย และ เด็กชายที่เข้ามาเป็น Member ใหม่มีปมแบกภาระดูแลพี่ชายที่เป็นออทิสติก ไปมาหาสู่มากกว่าเน้นไปที่การฝึกซ้อมที่นำเสนอมาไม่เยอะ ซึ่งก็ทราบแก่ใจได้อยู่ว่ามันเป็นส่วนประกอบอย่างหนึ่งให้เราสามารถเห็นภาพและมีส่วนรวมไปด้วยกันได้สะดวกกว่าว่าแต่ละคนมีความในใจอะไร ? ทำไมถึงอยากเข้าชมรมนี้ ?

- ถึงระหว่างนั้นจะมีปมตัวละครอื่นเข้ามาแทรกอย่างปมของเพื่อนชายที่เข้ามาเป็น Member ชมรมเพราะเห่อครูสาวคนใหม่กับแอบชอบหัวหน้าชมรมด้วยกันก็ดีหรือปมเพื่อนของครูสาวคนใหม่เป็นระยะก็ไม่ได้รบกวนสมาธิหรือ Timeline จนไหลออกนอกทางกลับช่วยทำให้ Details มี Layers ต่อการติดตามและสำรวจแง่มุมอื่นที่ง่ายขึ้นโดยเฉพาะความขัดแย้งของตัวละครที่เลี้ยงเวลาช่วงนี้นานพอสมควรจนอยากรู้อย่างห่วง ๆ ว่าหวยจะออกมาเป็นเลขอะไร ? ในเมื่อต่างคนต่างมีปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกในขณะที่วันแข่งจริงก็เริ่มขยับเข้ามาเรื่อย ๆ จนมาถึงบทสรุปเท่านั้นแหล่ะกลายเป็นว่าทำเอาผมรู้สึกตื้นตันจนเผลอน้ำตาคลอเบ้าออกมาตรงที่มันขอต่อเวลาออกไปเล็กน้อยเพื่อเคลียร์ทางทุกสิ่งแล้วหาทางลงจอดได้อย่างสง่างดงามไปพร้อมกับความหมายของการมีฝันที่เป็นแรงผลักดันสำคัญและหล่อเลี้ยงให้เรามีชีวิตต่อไปอย่างมีความหวังว่าต้องมีสักวันที่ฝันเป็นจริง ถึงมันจะเร็วหรือช้าก็ตาม

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
[CR] No.171 Have a Songs on Your Lips (2015) : ร้องนำ ทำนอง ประลองเสียง ร้อยเรียงความฝัน
- แม้โดยรวมของหนังจะ Run ไปข้างหน้าอย่างเบาสบายตาม Field ของหนังญี่ปุ่นที่นิยมนำเสนอใน way นี้โดยไม่ต้องเสียเวลาเอะใจให้มากความแต่หน่วงเอาเรื่องตรงที่ปมของตัวละครที่นำเสนอมามันสามารถซื้อใจให้ผมสะกิดอะไรบางอย่างผ่านบรรยากาศสดใสจนเหม่อลอยที่ส่วนใหญ่สาละวนไปมาระหว่างโรงเรียนก็บ้านใครหลายคนได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่เริ่มออกตัวในระยะเวลาถึง 2 ชั่วโมง 11 นาทีที่ระหว่างทางสุ่มเสี่ยงต่อการวูบหลับเป็นอย่างมาก
- เพียงแค่เปิดเรื่องมาเห็นครูสาวนั่งมองวิวด้วยสีหน้าเบื่อโลกบนเรือยอร์ชที่กำลังแล่นไปยังเกาะแห่งหนึ่งปุ๊ปภาพในหัวก็ไปคิดถึงหนัง Classic เรื่อง Twenty-Four Eyes (1954) ตรงที่มันเกริ่นถึงตัวละครนำที่เป็นครูที่ได้รับหน้าที่มาประจำการจำเป็นในโรงเรียนแห่งใหม่ที่ดันอยู่ห่างไกลจากที่ที่เคยอยู่แถมยังเล่าถึงการเผชิญหน้ากับสังคมภายในที่มีทั้งเด็กนักเรียนกระทั่งสภาพแวดล้อมที่ครูสาวต้องรับมือทันทีที่ก้าวมาถึงเหมือนกันจะต่างกันตรงที่ยุคสมัย , Concept ของหนัง และ นิสัยที่ยังไม่ได้เป็นมิตรของคุณเธอเท่านั้นแหล่ะที่เข้าถึงง่ายกว่าเมื่อมองบริบทในปัจจุบัน
- ช่วงแรกที่กำลังทำความรู้จักว่าอะไรเป็นอะไร ? ยังประติดประต่อไม่ค่อยถูกด้วยเพราะมีตัวละครทยอยกันมารายงานตัวไม่ขาดสายโดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนหญิงสาวที่อยู่ชมรมประสานเสียงและกลุ่มนักเรียนชายที่เข้ามาสมัครชมรมเพื่ออาหวังอะไรบางอย่างจนจำได้ไม่หมดว่าใครเป็นใคร ? พร้อมกับคิดตามไปว่าจะจัดการแบ่งสรรปันส่วนยังไงให้พอดีกับการฝึกซ้อมประกวดร้องเพลงที่เป็นหัวใจสำคัญเช่นกัน พอเริ่มเข้าที่จึงสังเกตุได้เต็มปากว่าปมที่ประเคนตามทางมาส่วนใหญ่จะเทไปที่ตัวครูสาวคนใหม่ที่มีความนัยเกี่ยวกับเปียโน , หัวหน้าชมรมสาวที่มีปมไม่ชอบขี้หน้าผู้ชาย และ เด็กชายที่เข้ามาเป็น Member ใหม่มีปมแบกภาระดูแลพี่ชายที่เป็นออทิสติก ไปมาหาสู่มากกว่าเน้นไปที่การฝึกซ้อมที่นำเสนอมาไม่เยอะ ซึ่งก็ทราบแก่ใจได้อยู่ว่ามันเป็นส่วนประกอบอย่างหนึ่งให้เราสามารถเห็นภาพและมีส่วนรวมไปด้วยกันได้สะดวกกว่าว่าแต่ละคนมีความในใจอะไร ? ทำไมถึงอยากเข้าชมรมนี้ ?
- ถึงระหว่างนั้นจะมีปมตัวละครอื่นเข้ามาแทรกอย่างปมของเพื่อนชายที่เข้ามาเป็น Member ชมรมเพราะเห่อครูสาวคนใหม่กับแอบชอบหัวหน้าชมรมด้วยกันก็ดีหรือปมเพื่อนของครูสาวคนใหม่เป็นระยะก็ไม่ได้รบกวนสมาธิหรือ Timeline จนไหลออกนอกทางกลับช่วยทำให้ Details มี Layers ต่อการติดตามและสำรวจแง่มุมอื่นที่ง่ายขึ้นโดยเฉพาะความขัดแย้งของตัวละครที่เลี้ยงเวลาช่วงนี้นานพอสมควรจนอยากรู้อย่างห่วง ๆ ว่าหวยจะออกมาเป็นเลขอะไร ? ในเมื่อต่างคนต่างมีปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกในขณะที่วันแข่งจริงก็เริ่มขยับเข้ามาเรื่อย ๆ จนมาถึงบทสรุปเท่านั้นแหล่ะกลายเป็นว่าทำเอาผมรู้สึกตื้นตันจนเผลอน้ำตาคลอเบ้าออกมาตรงที่มันขอต่อเวลาออกไปเล็กน้อยเพื่อเคลียร์ทางทุกสิ่งแล้วหาทางลงจอดได้อย่างสง่างดงามไปพร้อมกับความหมายของการมีฝันที่เป็นแรงผลักดันสำคัญและหล่อเลี้ยงให้เรามีชีวิตต่อไปอย่างมีความหวังว่าต้องมีสักวันที่ฝันเป็นจริง ถึงมันจะเร็วหรือช้าก็ตาม
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้