ใช้ปากดูดเลือดที่จุดที่งูพิษกัดแล้วบ้วนเลือดทิ้งไป สามารถช่วยชีวิตผู้ถูกกัดได้จริงไหม

สมัยก่อนนานมาแล้ว หนังไทยหลาย ๆ เรื่อง ที่ฉายกัน
พอคนถูกงูพิษกัดทีแขน หรือ ขา
ก็จะใช้ ปากดูด เลือดที่จุดงูกัด แล้ว บ้วนเลือดทิ้งไป 2-3 ครั้ง

1...ขอถามครับว่า  การทำดังกล่าว สามารถช่วยชีวิตคนถูกงูพิษกัดได้จริงไหม

2...ถ้าวิธีการดูดเลือดออกที่จุดงูกัด ช่วยไม่ได้จริง  
ในกรณ๊ที่อยู่ในป่าเขา ห่างไกลแพทย์  ถ้าพบแบบนี้ ควรทำอย่างไรดีครับ

ขอขอบคุณทุกท่านทีเข้ามาครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
การใช้ปากดูดเลือดนั้นช่วยไม่ได้ค่ะ อาจยิ่งทำให้มีความเสี่ยงถึงชีวิตมากขึ้นกว่าเดิมอีก

เราก็เพิ่งได้รู้เมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ ถ้าถูกงูพิษกัด เราห้ามทำวิธีเหมือนในละคร

ห้ามใช้ปากดูดพิษงู เพราะจะทำให้แผลติดเชื้อ และผู้ดูดเองก็อาจมีอันตรายค่ะ ถ้าหากในช่องปากมีบาดแผล มีเหงือกอักเสบ ฯลฯ

ห้ามขันชะเนาะหรือห้ามรัดเหนือบาดแผลที่ถูกงูพิษกัด เพราะจะทำให้เลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ  อาจทำให้อวัยวะบริเวณนั้นมีสภาพที่แย่ลงมากๆ  บางคนอาจถึงขั้นโดนตัดอวัยวะเลยก็มีค่ะ

แต่สิ่งที่ควรทำจริงๆก็คือ...

รีบล้างแผลด้วยน้ำสะอาด และรีบทำการดามบริเวณที่ถูกกัด  เพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณส่วนนั้นขยับเขยื้อนน้อยที่สุด  พิษงูจะไม่กระจายเร็ว

และห้ามทำตัวเองให้มีอาการเหนื่อยหรือทำให้ตัวเองใจเต้นแรง  เพราะจะทำให้เลือดสูบฉีด  พิษอาจจะกระจายเร็วกว่าปกติ

ระหว่างเคลื่อนย้ายผู้เจ็บเพื่อรีบนำตัวส่ง รพ.อยู่นั้น พยายามมีสติให้ได้มากที่สุด  แล้วต้องยกหรือประคองบาดแผลบริเวณนั้น ให้มีระดับที่ต่ำกว่าหัวใจด้วยค่ะ

งูพิษเขาไม่ได้กัดปุ๊บแล้วพิษจะรีบเข้าสู่หัวใจเลยในทันที แต่จะมีระยะเวลาของมันค่ะ ขึ้นอยู่ที่การปฐมพยาบาลเบื้องต้นของเราด้วย

แต่ถ้าอยู่ในป่าห่างไกลผู้คน ห่างไกล รพ.มากๆ อันนี้ก็คงต้องทำใจค่ะ หรือจะลองเสี่ยงดวงทำตามละครไทย ทำอย่างไรก็ได้ให้ตัวเองรู้สึกดีไปก่อนค่ะ เพราะถ้าถูกกัดตอนอยู่ในป่า อยู่ไกล รพ.มาก มันก็คงต้องทำใจ 😅

และเราก็เพิ่งรู้เช่นกัน ว่าการถูกงูพิษกัด แม้จะนำตัวคนเจ็บส่งถึง รพ. ส่งถึงมือหมอแล้ว แม้จะรู้แน่ชัดว่าถูกงูอะไรกัดมา เขาจะไม่ฉีดเซรุ่มในทันที

แต่จะให้เราพักรอดูอาการ และรักษาตามอาการ เพื่อหลีกเลี่ยงการให้เซรุ่มมากที่สุด  และการให้เซรุ่มเลยถือเป็นทางเลือกท้ายๆ

เราก็สงสัยเหมือนกันค่ะ ว่าทำไมรู้ทั้งรู้แน่ชัดว่างูพิษชนิดไหนกัดมา ทำไมหมอไม่รีบฉีดเซรุ่มให้แต่ทีแรก นั่นเพราะการฉีดเซรุ่ม มีผลข้างเคียงที่รุนแรง อาจเกิดการแพ้ขั้นรุนแรงมากๆ มันจึงเป็นทางเลือกเกือบสุดท้ายจริงๆที่เขาจะฉีดให้ แล้วก็ต้องเสี่ยงดวงเอาว่าคนไข้คนนั้นจะแพ้เซรุ่มมั้ย  ไม่ใช่ว่าเขาหวงเซรุ่มค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่