🚨 วิธีไปห้องฉุกเฉิน…ให้ได้ตรวจก่อนใคร! 🚨

🚨 วิธีไปห้องฉุกเฉิน…ให้ได้ตรวจก่อนใคร! 🚨

หลายคนคงเคยเจอเหตุการณ์
ไปถึงห้องฉุกเฉินแล้วต้องนั่งรอเป็นชั่วโมง
บางคนมาทีหลัง แต่ได้แซงคิวตรวจก่อน
จนเริ่มสงสัยว่า… “ตกลงต้องทำยังไงถึงจะได้ตรวจก่อน?”

วันนี้จะมาบอกเทคนิคให้ฟังกันครับ

========================

✅ วิธีที่1  ไปห้องฉุกเฉินแบบหัวใจไม่เต้นแล้วหรือหยุดหายใจไปแล้ว

ถ้าหัวใจหยุดเต้นหรือหยุดหายใจไปแล้ว
คุณจะได้เป็นคิวแรกของห้องฉุกเฉินทันที

ไม่ว่าหมอจะกำลังยุ่งแค่ไหน
จะมีทีมวิ่งเข้ามาช่วย CPR กดหน้าอก ใส่ท่อช่วยหายใจ และช็อกไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจ
ทุกวินาทีคือการยื้อชีวิตของคุณให้กลับมาไวที่สุด

✅ วิธีที่2 ไปห้องฉุกเฉินแบบหมดสติ ปลุกไม่ตื่น (GCS score<8)

ถ้าคนไข้หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ปลุกไม่ตื่น
จะได้รับการตรวจโดยเร็วที่สุดเหมือนกัน
เพื่อหาสาเหตุ เช่น น้ำตาลต่ำ ความดันตก เลือดออกในสมอง เป็นต้น
และแก้ไขให้เร็วที่สุด

✅ วิธีที่3 ไปห้องฉุกเฉินแบบชักกระตุกต่อเนื่องไปถึงรพ. ก็ยังไม่หยุด

ถ้าไปถึงโรงพยาบาลแล้วยังชักไม่หยุด
ทีมแพทย์จะรีบให้ยาและช่วยเหลือทันที
ให้ชักหยุดเร็วที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองบาดเจ็บ

========================

ถ้าทั้ง 3 ข้อข้างบนนี้คุณทำไม่ได้
แปลว่า… คุณจะ "ไม่อยู่ในคิวที่ 1" ของห้องฉุกเฉิน
แต่มันก็ดีแล้วนะครับที่ไม่เกิดขึ้น 😅

เพราะนั่นคือกลุ่มที่เรียกว่า
👉 ฉุกเฉินวิกฤต อันตรายถึงชีวิต (Emergency Severity Index ระดับ 1)
ที่ต้องได้รับการรักษาทันที

💡 สิ่งที่หลายคนยังไม่รู้คือ…
ห้องฉุกเฉินไม่ได้เรียงคิวตาม “ใครมาก่อนได้ตรวจก่อน”
แต่เรียงตาม “ใครอาการหนักกว่าถึงจะได้ตรวจก่อน”

ดังนั้น…
คนที่มาทีหลังแต่หัวใจหยุดเต้นอาจได้แซงคิวมาตรวจเป็นคนแรก
กลับกัน คนที่มาเป็นคนแรกแต่อาการไม่หนัก อาจจะต้องรอคิวทั้งวันถึงจะได้ตรวจก็ได้

========================

ระบบนี้มีชื่อว่า Emergency Severity Index (ESI)
ใช้เพื่อคัดแยกความเร่งด่วนของผู้ป่วย ไม่ได้ดูว่าใครมาถึงก่อน
แต่ดูว่าใครเสี่ยงต่อชีวิตมากที่สุด

🩺 ระดับของ “ความฉุกเฉินทางการแพทย์” ตาม Emergency Severity Index (ESI) แบ่งออกเป็น 5 ระดับ ตามความรุนแรงของอาการ ดังนี้ 👇

🔹 ลำดับที่ 1 : ฉุกเฉินวิกฤต อันตรายถึงชีวิต (Resuscitation)
คือภาวะที่ผู้ป่วย อาจเสียชีวิตได้ทันที หากไม่ได้รับการช่วยเหลือ
ต้องได้รับการตรวจและรักษา “ทันทีทันใด”
เช่น หัวใจหยุดเต้น หยุดหายใจ หมดสติ ไม่รู้สึกตัว หรือชักต่อเนื่อง

🔹 ลำดับที่ 2 : ฉุกเฉินจริงและเร่งด่วน (Emergency)
เป็นกลุ่มที่มี “ความเสี่ยงสูง” เช่นกัน แต่ยังพอมีเวลารอได้เล็กน้อย
จะได้รับการรักษาภายใน 20 นาที
เช่น
• ปวดศีรษะรุนแรงหรืออ่อนแรงเฉียบพลัน สงสัยหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก
• เจ็บหน้าอก สงสัยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
• สงสัยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis)
• หายใจเหนื่อย หอบแรง

🔹 ลำดับที่ 3 : ฉุกเฉินแต่ไม่เร่งด่วน (Urgency)
ยังคงเป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษา แต่สามารถรอได้ระดับหนึ่ง
จะได้รับการดูแลภายใน 60 นาที
เช่น ปวดท้องมาก มีแผลขนาดใหญ่ เป็นต้น

🔹 ลำดับที่ 4 : เจ็บป่วยเร่งด่วน แต่ไม่ถึงขั้นฉุกเฉิน (Semi-urgency)
อาการมีผลต่อความไม่สบายตัว แต่ไม่อันตรายต่อชีวิต
จะได้รับการตรวจภายใน 120–180 นาที
เช่น อาเจียนมาก เวียนหัว บ้านหมุน หรืออุบัติเหตุเล็กน้อยที่อาจจะต้องเอกซเรย์

🔹 ลำดับที่ 5 : ผู้ป่วยทั่วไป ไม่ฉุกเฉิน ไม่รีบ (Non-urgency)
คือกลุ่มที่อาการไม่รุนแรง สามารถรอได้โดยไม่เกิดอันตราย
เช่น ผื่นคัน เป็นหวัด มีไข้ทั่วไป หรือมาขอใบรับรองแพทย์

ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะได้รับการตรวจ หลังจากไม่มีผู้ป่วยระดับ 1–4 รออยู่แล้ว
ซึ่งหมายความว่า… มักต้องรอนานมาก

========================

ลองทายกันดูสิครับ 🤔
กลุ่มไหนในประเทศไทยที่มาห้องฉุกเฉินบ่อยที่สุด
และมักไม่พอใจบุคลากรทางการแพทย์มากที่สุด?

....
....

คำตอบคือ…
ผู้ป่วยในลำดับที่ 4 และ 5 นั่นเอง

กลุ่มนี้มักมาด้วยเหตุผลว่า
มาห้องฉุกเฉินน่าจะได้ตรวจก่อนเพราะที่นี่คือห้องฉุกเฉิน

แต่ในความเป็นจริง ห้องฉุกเฉินไม่ได้เรียงคิวตามลำดับการมาถึง
แต่เรียงตามความเร่งด่วนของอาการ ⚖️
คนที่อาการหนักกว่า จะได้ตรวจก่อนเสมอ

ดังนั้น หากอาการอยู่ในระดับ 4–5
อาจต้องรอให้ทีมแพทย์ดูแลผู้ป่วยที่อาการรุนแรงกว่าก่อน
ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงต้องรอนาน ⏳

และเมื่อรอนานมากเข้า หลายคนเริ่มรู้สึกว่า “ไม่มีใครสนใจ”
จนกลายเป็นโพสต์บ่นลงโซเชียลว่า
“โรงพยาบาลแย่ ไม่มีคนสนใจ” 💬

แต่จริงๆแล้ว
บุคลากรทางการแพทย์เค้ากำลังช่วยชีวิตผู้ป่วยคนอื่นอยู่ครับ ❤️‍🩹

========================

💡 สรุป
• ห้องฉุกเฉินเรียงคิวตาม “ความรุนแรงของอาการ” ไม่ใช่ “ลำดับการมาถึง”
• ผู้ป่วยที่อาการอาจถึงชีวิต จะได้ตรวจก่อนทุกคน
• ถ้าอาการไม่เร่งด่วน ไปแผนกผู้ป่วยนอก (OPD) จะเหมาะกว่า

เพราะในห้องฉุกเฉิน…
ทุกนาทีคือชีวิตของใครบางคน ❤️
CR https://www.facebook.com/share/17pBodnU4b/?mibextid=wwXIfr
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่