เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนจากความเจ็บป่วยของพี่น้องประชาชน ให้สามารถฟื้นฟูและหายป่วยได้ด้วยดี รัฐบาลมีการออกมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อช่วยเหลือเยียวยา และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวผ่านกองทุนสุขภาพทั้ง 3 กองทุนได้แก่กองทุนหลักประกันสุขภาพทั่วหน้า (บัตรทอง), กองทุนประกันสังคม และกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ซึ่งผู้เจ็บป่วยสามารถขอเข้ารับการรักษาได้ในโรงพยาบาลที่เปHนคู่สัญญาของแต่ละกองทุน
อย่างไรก็ตาม ในกรณีฉุกเฉิน การเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลคู่สัญญาอาจไม่ทันการณ์ และค่าใช้จ่ายในการรักษาจะสร้างภาระด้านการเงินให้แก่ผู้ป่วยและญาติมิตรได้ในภายหลัง
เพื่อแก้ปัญหานี้ รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีออกกฎกระทรวงสาธารณสุข ลงในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560 เพื่อให้สถานพยาบาลดำเนินการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินที่มีอันตรายจนถึงแก่ชีวิต หรืออาจทำให้เกิดการพิการในภายหลังได้โดยเร่งด่วนตามหลักเกณฑ์ของศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติกำหนด
ผู้มีสิทธิเข้ารับการรักษาฉุกเฉินวิกฤตประกอบไปด้วย
1 ผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพทั่วหน้า (บัตรทอง)
2 ผู้มีสิทธิประกันสังคม
3 ผู้มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
ซึ่งผู้เข้ารับการรักษาสามารถดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
1 ผู้รับบริการตรวจสอบสิทธิของตนเอง
2 แจ้งโรงพยาบาลว่าขอใช้สิทธิ “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” (รองรับโรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลนอกคู่สัญญา)
3 โรงพยาบาลทำการประเมินอาการผู้ป่วยว่าเข้าข่ายหรือไม่
4 หากผลการประเมินพบว่าเข้าข่ายสามารถเข้ารับการรักษาโดยไม่ต้องสำรองจ่ายได้ใน 72 ชั่วโมง หรือเมื่อพ้นวิกฤต แต่ถ้าหากไม่อยู่ในข่ายให้ย้ายไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลคู่สัญญาของกองทุนที่มีสิทธิ หรือชำระค่ารักษาเอง
ในเบื้องต้น 6 อาการที่เข้าข่ายฉุกเฉินวิกฤตประกอบไปด้วย
1 หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ
2 หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรงหายใจติดขัดมีเสียงดัง
3 ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น
4 เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง
5 แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกพูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วนหรือชักต่อเนื่องไม่หยุด
6 อาการอื่นที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมองที่เป็นอันตรายต่อชีวิต หากพบอาการที่เข้าข่าย
หากมีข้อสงสัย โทร 1669 สายด่วน สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
สำหรับนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมี สิทธิทุกที่ (Universal Coverage for Emergency Patients; UCEP) นี้เป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ รัฐสวัสดิการ โดยรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อให้ประชาชนชาวไทยทุกคนได้มั่นใจว่าในนาทีวิกฤตของชีวิต ก็จะยังได้รับการบริการทางการแพทย์ได้อย่างทันท่วงที
#รัฐสวัสดิการ #สวัสดิการแห่งรัฐ #เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิทุกที่
#สร้างไทยไปด้วยกัน #ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
#PMOC #ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี
อ้างอิง
- สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ, “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข”,
https://www.niems.go.th/1/uploadattachfile/2022/ebook/415827_20220625102853.pdf
- กระทรวงสาธารณสุข, “9 ข้อควรรู้ก่อนใช้สิทธิ UCEP”,
https://pr.moph.go.th/_WEBADMIN/uploads/attfiles/UCEP.pdf
- สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, “นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ (UCEP)”,
https://www.nhso.go.th/page/coverage_rights_emergency_patients
@@@ โครงการ ucep @@@@
อย่างไรก็ตาม ในกรณีฉุกเฉิน การเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลคู่สัญญาอาจไม่ทันการณ์ และค่าใช้จ่ายในการรักษาจะสร้างภาระด้านการเงินให้แก่ผู้ป่วยและญาติมิตรได้ในภายหลัง
เพื่อแก้ปัญหานี้ รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีออกกฎกระทรวงสาธารณสุข ลงในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560 เพื่อให้สถานพยาบาลดำเนินการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินที่มีอันตรายจนถึงแก่ชีวิต หรืออาจทำให้เกิดการพิการในภายหลังได้โดยเร่งด่วนตามหลักเกณฑ์ของศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติกำหนด
ผู้มีสิทธิเข้ารับการรักษาฉุกเฉินวิกฤตประกอบไปด้วย
1 ผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพทั่วหน้า (บัตรทอง)
2 ผู้มีสิทธิประกันสังคม
3 ผู้มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
ซึ่งผู้เข้ารับการรักษาสามารถดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
1 ผู้รับบริการตรวจสอบสิทธิของตนเอง
2 แจ้งโรงพยาบาลว่าขอใช้สิทธิ “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” (รองรับโรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลนอกคู่สัญญา)
3 โรงพยาบาลทำการประเมินอาการผู้ป่วยว่าเข้าข่ายหรือไม่
4 หากผลการประเมินพบว่าเข้าข่ายสามารถเข้ารับการรักษาโดยไม่ต้องสำรองจ่ายได้ใน 72 ชั่วโมง หรือเมื่อพ้นวิกฤต แต่ถ้าหากไม่อยู่ในข่ายให้ย้ายไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลคู่สัญญาของกองทุนที่มีสิทธิ หรือชำระค่ารักษาเอง
ในเบื้องต้น 6 อาการที่เข้าข่ายฉุกเฉินวิกฤตประกอบไปด้วย
1 หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ
2 หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรงหายใจติดขัดมีเสียงดัง
3 ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น
4 เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง
5 แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกพูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วนหรือชักต่อเนื่องไม่หยุด
6 อาการอื่นที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมองที่เป็นอันตรายต่อชีวิต หากพบอาการที่เข้าข่าย
หากมีข้อสงสัย โทร 1669 สายด่วน สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
สำหรับนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมี สิทธิทุกที่ (Universal Coverage for Emergency Patients; UCEP) นี้เป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ รัฐสวัสดิการ โดยรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อให้ประชาชนชาวไทยทุกคนได้มั่นใจว่าในนาทีวิกฤตของชีวิต ก็จะยังได้รับการบริการทางการแพทย์ได้อย่างทันท่วงที
#รัฐสวัสดิการ #สวัสดิการแห่งรัฐ #เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิทุกที่
#สร้างไทยไปด้วยกัน #ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
#PMOC #ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี
อ้างอิง
- สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ, “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข”, https://www.niems.go.th/1/uploadattachfile/2022/ebook/415827_20220625102853.pdf
- กระทรวงสาธารณสุข, “9 ข้อควรรู้ก่อนใช้สิทธิ UCEP”, https://pr.moph.go.th/_WEBADMIN/uploads/attfiles/UCEP.pdf
- สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, “นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ (UCEP)”, https://www.nhso.go.th/page/coverage_rights_emergency_patients