"เกาหลีใต้ vs เกาหลีเหนือ" ทุกคนรู้ว่าเกลียดกัน แต่รู้กันไหมว่า "เพราะอะไร?"



เปิดประวัติศาสตร์ เกาหลีใต้ vs เกาหลีเหนือ ความขัดแย้งที่โลกรู้ แต่น้อยคนจะเข้าใจจุดเริ่มต้น


หลายคนทราบดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือเต็มไปด้วยความตึงเครียด
แต่ต้นตอของความขัดแย้งที่หยั่งรากลึกจนถึงทุกวันนี้มาจากไหน?
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดนและสงครามกลางเมืองที่สร้างบาดแผลให้กับคนทั้งชาติ

จากแผ่นดินเดียวสู่การแบ่งแยก ณ เส้นขนานที่ 38


ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 คาบสมุทรเกาหลีเคยเป็นหนึ่งเดียวกัน อยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1910
แต่หลังจากญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามในปี 1945 ชาติมหาอำนาจผู้ชนะสงครามอย่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตได้เข้ามามีบทบาทในการปลดอาวุธทหารญี่ปุ่น

ทั้งสองชาติได้ตกลงกันใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเส้นแบ่งเขตอิทธิพลชั่วคราว
โดยสหภาพโซเวียตดูแลพื้นที่ทางตอนเหนือ และสหรัฐอเมริกาดูแลพื้นที่ทางตอนใต้
การแบ่งแยกนี้เดิมมีจุดมุ่งหมายเป็นการชั่วคราว แต่ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างทุนนิยมของสหรัฐฯ และคอมมิวนิสต์ของสหภาพโซเวียตในยุคสงครามเย็น รวมถึงวิสัยทัศน์ที่แตกต่างของผู้นำทั้งสองฝ่าย เช่น ซุงมัน รี ในเกาหลีใต้ และคิม อิล-ซุง ในเกาหลีเหนือ
ทำให้การรวมชาติไม่สามารถเกิดขึ้นได้

สงครามเกาหลี: บาดแผลที่ไม่มีวันลืม

ในปี 1948 ทั้งสองฝั่งได้จัดตั้งรัฐบาลของตนเองขึ้น โดยเกาหลีใต้กลายเป็นสาธารณรัฐเกาหลี (ROK) ที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่เกาหลีเหนือกลายเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (DPRK) ซึ่งปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์

ความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้นจนกระทั่งวันที่ 25 มิถุนายน 1950 กองทัพเกาหลีเหนือ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียตและจีน ได้บุกข้ามเส้นขนานที่ 38 เข้าโจมตีเกาหลีใต้ จุดชนวนสงครามเกาหลีที่กินเวลายาวนานถึง 3 ปี สงครามครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังสหประชาชาติ (นำโดยสหรัฐฯ) ในฝั่งเกาหลีใต้ และจีนในฝั่งเกาหลีเหนือ สร้างความสูญเสียอย่างมหาศาล ทั้งทหารและพลเรือนเสียชีวิตนับล้านคน และจบลงด้วยข้อตกลงหยุดยิงในปี 1953 แต่ไม่ใช่สนธิสัญญาสันติภาพ นั่นหมายความว่าในทางเทคนิคแล้ว ทั้งสองชาติยังคงอยู่ในภาวะสงครามจนถึงปัจจุบัน


สองเส้นทางที่แตกต่างหลังสงคราม

หลังสงคราม ทั้งสองเกาหลีเดินบนเส้นทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เกาหลีใต้ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตก พัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีจนกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มั่งคั่งที่สุดในโลก มีบริษัทชั้นนำอย่าง Samsung และ Hyundai และกลายเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรม K-Pop ที่มีอิทธิพลระดับโลก

ในทางกลับกัน เกาหลีเหนือภายใต้การปกครองแบบเผด็จการของตระกูลคิมและยึดมั่นในอุดมการณ์ "จูเช" (Juche) หรือการพึ่งพาตนเอง ได้กลายเป็นรัฐที่โดดเดี่ยว การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างจริงจังตั้งแต่ทศวรรษ 1990 และการทดสอบขีปนาวุธในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้สร้างความตึงเครียดให้กับภูมิภาคและประชาคมโลก

ความพยายามสมัยใหม่และความท้าทาย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีความพยายามเพื่อลดความตึงเครียดระหว่างสองเกาหลี เช่น การประชุมสุดยอดระหว่างคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ
และมุน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ในปี 2018 รวมถึงการเจรจาระหว่างคิม จอง-อึน และโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2018-2019 อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้ายังจำกัด เนื่องจากปัญหาการคว่ำบาตรระหว่างประเทศและโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

สรุป

ความขัดแย้งระหว่างเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือไม่ได้เกิดจากความเกลียดชังของประชาชน
แต่มีจุดเริ่มต้นจากการแทรกแซงของมหาอำนาจหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดนและสงครามกลางเมืองที่น่าสลดใจ
แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 70 ปี บาดแผลจากประวัติศาสตร์ยังคงอยู่ และความหวังในการรวมชาติยังคงเป็นความฝันที่เผชิญความท้าทายจากทั้งการเมืองภายในและแรงกดดันจากนานาชาติ

แหล่งอ้างอิง
1.Council on Foreign Relations: The Korean War
2.BBC News: North Korea: What You Need to Know
3.History.com: Korean War

แหล่งที่มา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่