“สว.อังคณา” ผู้ยืนหยัดปกป้องหลักสิทธิมนุษยชน แม้ต้องเผชิญประเด็นร้อนชายแดนไทย

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ในห้วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา กำลังตึงเครียดจากประเด็น “สงครามเสียง” บริเวณชายแดน การที่ฝ่ายไทยเปิดเพลงและเสียงปั่นป่วนเพื่อกดดันการรุกล้ำอธิปไตย ได้กลายเป็นประเด็นที่ถูกจับตาอย่างหนัก

     โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนระดับโลก ได้ออกมาแสดงความเห็นว่าการกระทำดังกล่าว อาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิมนุษยชน และอาจทำให้ไทยเสียเปรียบในเวทีโลก ความเห็นนี้ได้สร้างแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรง นำไปสู่การตอบโต้ที่ร้อนแรงและคำถามที่พุ่งเป้าไปที่ “ความเป็นคนไทย” ของเธอ

     แต่เบื้องหลังบทบาทที่กล้าหาญและจุดยืนที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักนี้ เธอคือใคร? และอะไรคือแรงผลักดันให้เธอต้องยืนหยัดต่อสู้ในประเด็นที่สังคมไทยส่วนใหญ่อาจมองข้ามไป?

…นี่คือประวัติและเส้นทางชีวิตของ ‘อังคณา นีละไพจิตร’ สว. ผู้แบกรับมรดกแห่งความยุติธรรม..

     อังคณา นีละไพจิตร คือหนึ่งในชื่อที่โดดเด่นในวงการสิทธิมนุษยชนของไทยและสากล ด้วยประวัติชีวิตที่เริ่มต้นจากวิชาชีพพยาบาล แต่ถูกพลิกผันให้กลายเป็นนักต่อสู้ผู้ไม่ย่อท้อ หลังต้องเผชิญกับเหตุการณ์สูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต

     ข้อมูลพื้นฐานและจุดเปลี่ยนสำคัญ
อังคณา นีละไพจิตร (ชื่อเดิม : อังคณา วงศ์ราเชนทร์) เกิดเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2499 ที่กรุงเทพมหานคร และนับถือศาสนาอิสลาม เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี พยาบาลศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล

     จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอคือการสมรสกับ นายสมชาย นีละไพจิตร อดีตทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งได้หายตัวไปอย่างเป็นปริศนาและมีเงื่อนงำในปี พ.ศ. 2547 เหตุการณ์นี้เอง ที่ผลักดันให้เธอต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมให้กับสามี และกลายเป็นผู้บุกเบิกการขับเคลื่อนคดีการบังคับให้สูญหายในประเทศไทย จนเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก

     เส้นทางนักสิทธิมนุษยชนระดับสากล
หลังจากเหตุการณ์สามีหายตัวไป อังคณาได้อุทิศตนทำงานในภาคประชาสังคมอย่างเต็มตัว โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เธอได้ก่อตั้งและทำงานร่วมกับองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนหลายแห่ง เป็นทั้งนักเคลื่อนไหวที่ยืนหยัดในหลักการ และเป็น “เสียงแทนผู้ถูกลืม” ในสังคม

ความมุ่งมั่นของเธอได้รับการยอมรับระดับโลก โดยเธอเคยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง และได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ ดังนี้

กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550
รางวัลควังจูเพื่อสิทธิมนุษยชน (Gwangju Prize for Human Rights) ในปี พ.ศ. 2549
รางวัลแมกไซไซ (Ramon Magsaysay Award) ในปี พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความกล้าหาญและความเสียสละของเธอ
บทบาทในวุฒิสภา : ยืนหยัดในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

     ปัจจุบัน อังคณา ดำรงตำแหน่ง สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 โดยอยู่ในกลุ่ม “ภาคประชาสังคม” ในฐานะ สว. เธอมักแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน การเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงการคัดค้านแนวคิดที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรม เช่น การประหารชีวิตแบบถ่ายทอดสด

     แม้ต้องเผชิญกับความท้าทาย ทั้งการถูกฟ้องร้องจากบริษัทเอกชน และการถูกตั้งคำถามเรื่องความเป็นกลางทางการเมือง เธอก็ยังคงยึดมั่นในหลักการและสามารถชนะคดีความมาได้ด้วยความโปร่งใส

     “อังคณา นีละไพจิตร” จึงมิใช่เพียงนักการเมืองหรือนักเคลื่อนไหว แต่คือ มรดกแห่งความหวัง ที่เปลี่ยนความเจ็บปวดให้เป็นพลังขับเคลื่อนความยุติธรรม โดยเชื่อมั่นเสมอว่า “ความยุติธรรมคือรากฐานของสันติภาพ”

ขอบคุณ วิกิพีเดีย และ https://www.dailynews.co.th/news/5206167/?fbclid=IwY2xjawNcNCtleHRuA2FlbQIxMABicmlkETF5empNako2T2VLTWZXaEl1AR7AEFlrJHEQXvEjpyX73S7y2FPt6hiswMaMcuNKvt6ZpCCWKDhO8RZseNcr2w_aem_08lgMqfIAK7myx0HnirrDQ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่