
.
หลายประเทศเอาจริง กับการจัดการปัญหาสแกมเมอร์ หรือองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ว่าจะเกาหลีใต้ ที่ประกาศดำเนินการทุกวิธีทาง จัดการกับการค้ามนุษย์ ลักพาตัวชาวเกาหลีในกัมพูชา หรือสหรัฐฯ เอง ที่เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้มีการยื่นร่างกฎหมายทลายกลุ่มหลอกลวงข้ามชาติ
.
ในร่างกฎหมายนี้ มีลิสต์รายชื่อบุคคลที่จับตา คว่ำบาตร และอาจะได้รับการลงโทษ ซึ่งต่างก็มีชื่อที่ปรากฎอยู่ในหน้าข่าวไทย-กัมพูชาหลายครั้ง ชื่อเหล่านี้มีใครบ้าง สหรัฐฯ จริงจังแค่ไหนกับการจัดการ แล้วไทยละ ?
.
ร่างกฎหมายนี้ อาจมีชื่อว่า ‘พระราชบัญญัติทลายกลุ่มสแกมหลอกลวงข้ามชาติ’ (Dismantle Foreign Scam Syndicates Act) ซึ่งถูกเสนอโดย สส. Jefferson Shreve จากพรรครีพับลิกัน ซึ่งเสนอให้รัฐบาลสหรัฐฯ จัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างหน่วยงาน เพื่อรื้อถอนและปิดล้อมองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ก่ออาชญากรรมหลอกลวงทางออนไลน์ต่อชาวอเมริกัน
.
ร่างกฎหมายนี้ รัฐสภาได้สรุปผลพิจารณาว่า เกิดการหลอกลวงสแกมมากขึ้น หลังช่วงโควิด 19 โดยองค์กรอาชญากรรมจีนที่ดำเนินกิจการอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ใช้วิธีการหลอกให้ลงทุนสกุลเงินดิจิทัล
.
ศูนย์หลอกลวงหรือสแกมเซนเตอร์นี้ “แพร่หลายมากที่สุดในพม่า ลาว และกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศที่ทุจริตและกดขี่ ขาดความโปร่งใส หลักนิติธรรมอ่อนแอ และไม่มีการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ และมักดำเนินการในลักษณะการร่วมทุนระหว่างองค์กรอาชญากรรมจีนและรัฐบาลเผด็จการ” ร่างกฎหมายระบุ
.
และมีเหยื่อการค้ามนุษย์หลายแสนคน ที่ถูกหลอกไปทำงาน รวมถึงเหยื่อจากการหลอกลวงออนไลน์ ที่พุ่งเป้าไปที่ชาวอเมริกัน มากขึ้นเรื่อยๆ โดยจากรายงาน กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า ชาวอเมริกันสูญเสียเงินอย่างน้อย 10,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากปฏิบัติการเหล่านี้ในปี 2567 เพียงปีเดียว
ซึ่งหากร่างกฎหมายนี้ ผ่านการพิจารณา สหรัฐฯ จะออกนโยบายปราบปรามกลุ่มอาชญากรข้ามชาติเหล่านี้ โดยจัดตั้งคณะกรรมการ และกระทรวงต่างๆ ที่จะทำหน้าที่กับองค์กรต่างๆ เช่น กดดันรัฐบาลต่างประเทศ ไปถึงสอบสวนควบคู่กับรัฐบาลจีน กำหนดบทลงโทษ และจัดทำบัญชีดำ บุคคลและประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยในร่างนี้เองก็ได้ระบุชื่อ ประเทศกัมพูชาด้วย
.
สรุปข่าว
สหรัฐฯ เสนอร่างกฎหมาย “Dismantle Foreign Scam Syndicates Act” เพื่อจัดการกลุ่มสแกมข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังพบความเสียหายกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ในปีเดียว ร่างกฎหมายชี้เป้าศูนย์สแกมใน พม่า ลาว กัมพูชา และระบุชื่อบุคคล-บริษัทที่ถูกคว่ำบาตรและจับตา
.
ปรากฎหลายรายชื่อ รวมถึงชื่อคุ้นหู ที่ถูก สส.ไทยอภิปรายถึง
.
ในร่างกฎหมายนี้ ยังมีการจัดทำรายงาน ที่มีข้อมูลทั้งความศูนย์เสียของเหยื่อ รายชื่อศูนย์สแกมเซ็นเตอร์ รวมถึงรายชื่อบุคคลต่างชาติ ที่ถูกจับตา และคว่ำบาตรโดยสหรัฐฯ ทั้งหมด 43 รายชื่อ ที่มีทั้งบุคคล และนิติบุคคล โดยหลายรายชื่อนั้นก็ปรากฎชื่อ และมักเป็นข่าวในไทย และกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็น
เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ (Benjamin Mauerberger) หรือเบน สมิธ นักธุรกิจผู้ถือหลายสัญชาติ ที่ถูก สส.รังสิมันต์ โรม อธิปรายถึงในสภา ว่ามีความเกี่ยวข้องกับทุนกัมพูชา และสแกมเมอร์ ซึ่งล่าสุด เขาได้ฟ้องร้องสส.รังสิมันต์ 100 ล้านบาท หมิ่นประมาทพาดพิงโยงสแกมเมอร์
.
ยิม เลียก (Yim Leak) นักธุรกิจชาวกัมพูชา ประธานคณะกรรมการบริษัท BIC Group บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ และลูกชายอดีตรองนายกฯ กัมพูชา ซึ่งพี่สาวได้แต่งงานกับคนในตระกูลฮุน ซึ่งในการอภิปรายของรังสิมันต์ เขาก็ได้อ้างถึงชื่อยิม เลียก และชี้ว่าธุรกิจธนาคาร BIC Bank ของยิมนั้น เป็นแหล่งซ่องสุมฟอกเงินที่มีทั้งคนกัมพูชาและคนไทย ไปใช้บริการ ทั้งยังมีความสัมพันธ์กับเบน สมิธด้วย
.
รวมไปถึงชื่อของ ก๊ก อาน สมาชิกวุฒิสภาของกัมพูชา เป็นเจ้าของคราวน์ กาสิโน (Crown Casino) ก็ปรากฎในรายงานของสหรัฐเช่นกัน โดยเขาถูกชี้ว่าเป็นบุคคลสำคัญของแก๊งสแกมเมอร์ ที่ปัจจุบันถูกออกหมายจับโดยทางการไทยในข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งชื่อนี้ก็ปรากฎในการอภิปรายของ สส.พรรคประชาชนเช่นกัน
.
นอกจากรายชื่อบุลคลแล้ว รายงานของสหรัฐฯ ยังมีชื่อกลุ่มบริษัท เช่น K99 Group หรือ Huione Group ธุรกิจทางการเงินของกัมพูชา มีสำนักงานใหญ่ อยู่ในกรุงพนมเปญ ที่ถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำการทำธุรกรรมทางการเงินไปแล้วเมื่อกลางปี เพราะมีความเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
.
รายงานฉบับนี้ ทำให้เห็นถึงความจริงจัง ในการจัดการกวาดล้างกับกลุ่มสแกมเมอร์ในสหรัฐฯ ซึ่งนำมาสู่การตั้งคำถามว่า เมื่อมีหลักฐานบางอย่างที่ตรงกับการรายงานของไทยแล้ว บ้านเรามีความจริงจังแค่ไหนในการจัดการ และด้วยมาตรการไหน เมื่อประเทศมหาอำนาจเริ่มขยับ และจริงจังแล้ว
.
ที่มาข้อมูล : US CONGRESS
.
.
ขบวนเคลื่อนไหวผู้หญิงนักปกป้องสิทธิฯ แถลงขอยืนเคียงข้าง 'อังคณา นีละไพจิตร'
https://prachatai.com/journal/2025/10/115078
.
ขบวนเคลื่อนไหวผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ เรายืนข้างความจริง หลักสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เรายืนเคียงข้าง 'อังคณา นีละไพจิตร'
.
14 ตุลาคม 2569 ขบวนเคลื่อนไหวผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ "เรายืนข้างความจริง หลักสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เรายืนเคียงข้าง 'อังคณา นีละไพจิตร'" ระบุว่าในเวลาที่ความกลัวถูกปลอมเป็นความรักชาติ และความเกลียดชังถูกแต่งให้เป็นหน้าที่พลเมือง สังคมบางส่วนกลับหันไปโจมตีสมาชิกวุฒิสภาอิสระและผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนคนหนึ่ง อังคณา นีละไพจิตร ผู้หญิงกล้าหาญที่เพียงทำหน้าที่อันซื่อสัตย์ของเธอ ตั้งคำถามต่อความไม่ชอบมาพากล ด้วยความสุจริตใจ และยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน
.
อังคณารู้ดีว่าการพูดในยามนี้คือการ “สวนกระแส” แต่เธอก็เลือกพูด เพราะเธอเชื่อในศักดิ์ศรีของความจริง แม้ในวันที่อำนาจรัฐโหดร้ายกับครอบครัวนีละไพจิตรเพียงใด เธอยังคงยืนอยู่ฝ่ายของความถูกต้อง แม้ต้องอยู่ลำพัง เธอไม่ได้พูดเพื่อตัวเอง เธอพูดเพื่อปกป้องสิทธิของเราทุกคน เพราะสิทธิมนุษยชนไม่ได้เป็นเรื่องของนักกฎหมาย เอ็นจีโอหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่มันอยู่ในลมหายใจและในชีวิตประจำวันของเราทุกคน สิทธิในการแสดงความคิดเห็นโดยไม่ถูกคุกคาม สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง สิทธิของพลเมืองที่จะตั้งคำถามต่ออำนาจรัฐ ทหาร และทุน หรือแม้กระทั่งอินฟลูเอนเซอร์ และสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องหวาดกลัวและมั่งคงปลอดภัย
.
การตั้งคำถามต่ออำนาจ คือหัวใจของประชาธิปไตย
.
การตั้งคำถามต่ออำนาจ ไม่ใช่การล้ำเส้นโดยเฉพาะอำนาจรัฐ หากคือการท้าทายอำนาจรัฐที่ละเลยความรับผิดชอบต่อประชาชน เพราะเมื่อรัฐไม่รับผิด ประชาชนมีสิทธิและหน้าที่ต้องลุกขึ้นถาม การตั้งคำถามคือรูปแบบสูงสุดของความรับผิดชอบพลเมือง และคือหนทางเดียวที่เราจะรักษาความจริง ความยุติธรรม และศักดิ์ศรีของมนุษย์ไว้ได้ เราตั้งคำถามกับอังคณา นีละไพจิตรในฐานะสมาชิกวุฒิสภาได้ แต่เราไม่สามารถสร้างความเกลียดชังได้
.
เมื่อความรักชาติถูกบิดให้กลายเป็นอาวุธ
.
เป็นเรื่องน่ายินดีที่ประชาชนตื่นตัวต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา แต่เมื่อเราตื่นตัว เราต้องถามว่า เรากำลังตื่นตัวเพื่อแก้ปัญหาด้วยสติ หรือช่วยปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือไอโอปลุกความเกลียดชัง?
.
ลัทธิชาตินิยมที่ถูกปลุกปั่นในวันนี้ กำลังสร้างวัฒนธรรมแห่งความกลัวและความเกลียดชังในใจผู้คน
.
เมื่อเราปลูกความเกลียด เราก็เก็บเกี่ยวแต่ความรุนแรง เมื่อเราหล่อเลี้ยงการแบ่งแยก เราก็ทำลายรากของความยุติธรรมและสันติภาพด้วยมือของเราเอง เราต้องถามกันอย่างตรงไปตรงมาว่า เรากำลังสร้างวัฒนธรรมแบบใดให้เติบโตในใจของเราเองหรือผู้คนในสังคม? ถ้าเราสร้างสังคมที่เติบโตบนความเกลียดชัง เราก็จะอยู่ในความเกลียดชังนั้นเอง แต่ถ้าเราปลูกวัฒนธรรมของความเข้าใจ ความยุติธรรม และความห่วงใยต่อกัน เราก็จะได้สังคมที่กล้ายืนหยัดเพื่อศักดิ์ศรีของทุกชีวิต ความรักชาติที่อาจมีคุณค่าได้ ไม่ได้วัดจากเสียงโห่ร้องของความเกลียดชัง แต่จากความกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อศักดิ์ศรีของทุกชีวิต แม้ในวันที่ชาติสั่นคลอน
.
ประเทศไทยมีพันธกรณีต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมระหว่างประเทศหลายฉบับ รวมถึงอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน (CAT) และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL) ซึ่งกำหนดให้ทุกฝ่าย
.
ต้องเคารพศักดิ์ศรีของพลเรือน และจำกัดผลกระทบของความรุนแรง เพราะแม้ในยามที่มนุษย์ต้องต่อสู้กัน
เรายังต้องไม่สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปกับความขัดแย้ง
.
บทเรียนจากรวันดา: เมื่อความมั่นคงของชาติกลืนศักดิ์ศรีมนุษย์
.
ปี 1994 ขบวนการ “ฮูตู พาวเวอร์” ในรวันดา ปลุกระดมความเกลียดชัง โดยอ้างว่าเป็น “การปกป้องชาติ” จากชนกลุ่มน้อยทุตซี ไม่ถึงร้อยวัน มีผู้ถูกสังหารกว่า 800,000 คน เพียงเพราะเกิดผิดชาติพันธุ์ รวันดา คือบทเรียนของมนุษยชาติ: ว่าความมั่นคงของรัฐไม่อาจมาก่อนความมั่นคงของชีวิต และความเงียบของโลกในเวลานั้น คือบาดแผลที่ยังไม่สมานจนทุกวันนี้ ความรักชาติที่แท้จริง ไม่อาจตั้งอยู่บนซากศพของเพื่อนมนุษย์ การปกป้องประเทศจะไร้ค่า หากไม่ปกป้องศักดิ์ศรีของทุกชีวิต
.
เสียงของผู้หญิงนักปกป้องสิทธิฯ จากทั่วประเทศ
.
“อินฟลูเอนเซอร์ไม่ควรมีอภิสิทธิ์เหนือกฎหมาย การสื่อสารที่ปลุกปั่นความคลั่งชาติเป็นภัยต่อสังคมต้องหยุดตั้งแต่ต้น”
“คนไทยหรือกัมพูชา เราคือมนุษย์เหมือนกัน ทุกคนมีสิทธิอยู่ในสันติภาพ ปลอดภัยจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติ”
“ความขัดแย้งไทย–กัมพูชา ผู้มีอำนาจทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขอย่างจริงจัง อย่าปล่อยให้ประชาชนทั้งสองประเทศต้องเกลียดชังและรับเคราะห์ จากความขัดแย้งที่เกิดจากผลประโยชน์และอำนาจของผู้ปกครองเอง”
“สงครามและความขัดแย้งนำมาซึ่งความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และไม่เกิดประโยชน์ต่อฝ่ายใด การจัดการความขัดแย้งควรมุ่งสู่การยุติอย่างสันติ โดยหลีกเลี่ยงความสูญเสียทุกรูปแบบ”
JJNY : 5in1 เปิดร่างกม.ปราบสแกม│ขบวนเคลื่อนไหวเคียงข้างอังคณา│ไอซ์เผยถูกบอทโจมตี│กกร.ห่วงพ.ร.บ.แรงงาน│หนุ่มเกาหลีใต้หาย
https://www.tnnthailand.com/tnnexclusive/214188/
.
.
.
ขบวนเคลื่อนไหวผู้หญิงนักปกป้องสิทธิฯ แถลงขอยืนเคียงข้าง 'อังคณา นีละไพจิตร'
https://prachatai.com/journal/2025/10/115078
.
ลัทธิชาตินิยมที่ถูกปลุกปั่นในวันนี้ กำลังสร้างวัฒนธรรมแห่งความกลัวและความเกลียดชังในใจผู้คน
ต้องเคารพศักดิ์ศรีของพลเรือน และจำกัดผลกระทบของความรุนแรง เพราะแม้ในยามที่มนุษย์ต้องต่อสู้กัน
เรายังต้องไม่สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปกับความขัดแย้ง