เจาะหุ้นกู้ Q4/68 ครบกำหนด 218,777 ล้าน เศรษฐกิจซบ จับตากลุ่ม High Yield

KEY POINTS
ไตรมาส 4 ปี 2568 มีหุ้นกู้ภาคเอกชนระยะยาวครบกำหนดชำระมูลค่ารวม 218,777 ล้านบาท

หุ้นกู้ส่วนใหญ่ 89% เป็นกลุ่ม Investment Grade แต่มีกลุ่ม High Yield ที่มีความเสี่ยงสูงอยู่ 11% คิดเป็นมูลค่า 24,381 ล้านบาท

ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ต้องจับตาหุ้นกู้กลุ่ม High Yield เป็นพิเศษ เนื่องจากมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ หรือยืดชำระหนี้หุ้นกู้

“หุ้นกู้” เป็นหนึ่งในช่องทางระดมทุนของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง “หุ้นกู้” ก็เป็นทางเลือกการลงทุนของนักลงทุน

โดยนับตั้งแต่ปี 2562-2566 มูลค่าการออกหุ้นกู้ภาคเอกชนระยะยาวแต่ละปีเกิน 1 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะในปี 2565 สูงถึง 1.2 ล้านล้านบาท ยกเว้นปี 2563 มูลค่าการออกหุ้นกู้ภาคเอกชนระยะยาว อยู่ที่ 674,558 ล้านบาท ส่งผลให้มีหุ้นกู้ภาคเอกชนระยะยาวทยอยครบกำหนดตามมูลค่าการออกหุ้นกู้ในช่วงที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ การรวบรวมข้อมูลจากสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) พบว่า หุ้นกู้ภาคเอกชนระยะยาวครบกำหนดไตรมาส 4/2568 มีมูลค่า 218,777 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 3/2568 ที่มีหุ้นกู้ระยะยาวครบกำหนด มูลค่า 195,263 ล้านบาท 

แต่หากรวมทั้งปี 2568 มีหุ้นกู้ภาคเอกชนระยะยาวครบกำหนด มูลค่ารวม 867,982 ล้านบาท ประกอบด้วย 
ไตรมาส 1/2568 ครบกำหนด 198,267 ล้านบาท 
ไตรมาส 2/2568 ครบกำหนด 255,675 ล้านบาท
ไตรมาส 3/2568 ครบกำหนด 195,263 ล้านบาท 
ไตรมาส 4/2568 ครบกำหนด 218,777 ล้านบาท

เฉพาะหุ้นกู้ครบกำหนดในไตรมาส 4/2568 แบ่งเป็นหุ้นกู้ Investment grade (กลุ่มที่มีเรติ้ง BBB- ขึ้นไป) มูลค่า 194,397 ล้านบาท คิดเป็น 89% และหุ้นกู้ High yield (กลุ่มที่มีเรตติ้งต่ำกว่า BBB- ลงไปถึงไม่มีเรตติ้ง) มูลค่า 24,381 ล้านบาท คิดเป็น 11% ของหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในไตรมาส 4/2568

เจาะลึกไปกว่านั้น หุ้นกู้เอกชนระยะยาวครบกำหนดในไตรมาส 4/2568 แบ่งตามอันดับเครดิต พบว่า 
หุ้นกู้เรตติ้ง AAA มูลค่า 29,980 ล้านบาท คิดเป็น 14% ของหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในไตรมาส 4/2568 
หุ้นกู้เรตติ้ง AA มูลค่า 25,463 ล้านบาท คิดเป็น 12% ของหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในไตรมาส 4/2568
หุ้นกู้เรตติ้ง A+ มูลค่า 32,573 ล้านบาท คิดเป็น 15% ของหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในไตรมาส 4/2568 
หุ้นกู้เรตติ้ง A มูลค่า 44,391 ล้านบาท คิดเป็น 20% ของหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในไตรมาส 4/2568 
หุ้นกู้เรตติ้ง A- มูลค่า 28,328 ล้านบาท คิดเป็น 13% ของหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในไตรมาส 4/2568 
หุ้นกู้เรตติ้ง BBB มูลค่า 33,662 ล้านบาท คิดเป็น 15% ของหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในไตรมาส 4/2568 
หุ้นกู้เรตติ้งต่ำกว่า BBB- มูลค่า 12,014 ล้านบาท คิดเป็น 5% ของหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในไตรมาส 4/2568
หุ้นกู้ไม่มีเรตติ้ง มูลค่า 12,367 ล้านบาท คิดเป็น 6% ของหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในไตรมาส 4/2568

เมื่อแบ่งตามกลุ่มอุตสากรรม พบว่า กลุ่มอุสาหกรรมที่ครบกำหนดมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 เงินทุนและหลักทรัพย์ มูลค่า 51,166 ล้านบาท คิดเป็น 23%, อันดับ 2 พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 41,970 ล้านบาท คิดเป็น 19% และอันดับ 3 วัสดุก่อสร้าง มูลค่า 28,411 ล้านบาท คิดเป็น 13% ของหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในไตรมาส 4/2568 

ขณะที่หากแบ่งเป็นรายเดือน พบว่า หุ้นกู้ครบกำหนดในเดือน ต.ค.2568 มูลค่า 77,026 ล้านบาท คิดเป็น 35% เดือน พ.ย.2568 มูลค่า 91,453 ล้านบาท คิดเป็น 42% และเดือน ธ.ค.2568 มูลค่า 50,298 ล้านบาท คิดเป็น 23% ของหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในไตรมาส 4/2568  

แม้หุ้นกู้ภาคเอกชนระยะยาวครบกำหนดในไตรมาส 4/2568 จะเป็นหุ้นกู้ Investment grade ถึง 89% โดยในจำนวนนี้เป็นหุ้นกู้ที่มีเรทติ้งค่อนข้างสูง (ตั้งแต่ A-ขึ้นไป) มีมูลค่ารวม 160,735 ล้านบาท คิดเป็น 74% ของหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในไตรมาส 4/2568 ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ หรือเลื่อนกำหนดชำระหนี้ค่อนข้างต่ำ 

แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังชะลอตัว ดังนั้น ยังคงต้องจับตาหุ้นกู้กลุ่ม High Yield ที่มีสัดส่วน 11% อาจผิดนัดชำระหนี้ หรือเลื่อนกำหนดชำระหนี้ได้


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่