เผยข้อมูลศักยภาพย่านลาดพร้าว-พหลโยธิน ทั้งรูปแบบ-จำนวนผู้บริโภค กำลังซื้อ ที่เป็นเหตุผลให้เซ็นทรัลพัฒนาตัดสินใจทุ่มเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท ตั้งโครงการ The Central พหลโยธิน แม้จะมีเซ็นทรัลลาดพร้าวอยู่ใกล้ ๆ
https://www.prachachat.net/marketing/news-1898269
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา Chief Marketing Officer บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า ความเชื่อมั่นในโครงการ The Central พหลโยธิน จากเหตุผลหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
จุดบรรจบสองถนนสายหลัก-สองรถไฟฟ้า
ย่านลาดพร้าว-พหลโยธินเป็นจุดเชื่อมต่อการใช้ชีวิต-การทำงาน-การเดินทาง โดยปัจจุบันถนนวิภาวดีรังสิตและถนนพหลโยธินนั้น มีรถยนต์สัญจรผ่าน 337,000 คันต่อวัน ขณะเดียวกัน ยังมีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินมีผู้โดยสาร 15,600 คนต่อวัน และ BTS สายสีเขียวมีผู้โดยสาร 35,100 คนต่อวัน
อีกทั้งยังเชื่อมไปสู่สนามบินดอนเมืองที่ปัจจุบันรองรับผู้โดยสารราว 30 ล้านคนต่อปี และกำลังเตรียมขยายโครงการเพื่อเพิ่มศักยภาพตามแผนงานของรัฐ ทำให้ดึงคนไทยและต่างชาติเข้ามายังย่านลาดพร้าว-พหลโยธินมากยิ่งขึ้น
โดยบริษัทคาดว่าในอนาคตหลัง เดอะ เซ็นทรัล พหลโยธิน เปิดบริการ คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก 30%.
ฐานประชากรกว่า 2.5 ล้านคน
Catchment Area ในย่านลาดพร้าว-พหลโยธิน มีประชากรประมาณ 2.5 ล้านคน จากทั้งโครงการที่อยู่อาศัยถึง 472 โครงการ และมากกว่า 50% เป็นโครงการในระดับ Upper Segment ขึ้นไป
ในส่วนอาคารสำนักงานที่ตั้งรอบโครงการมีถึง 52 แห่ง ในจำนวนนี้ 15 แห่งเป็น Grade A Office สะท้อนถึงคุณภาพของทำเลและศักยภาพการเป็นศูนย์กลาง Workplace แห่งอนาคตของกรุงเทพฯ
ขณะเดียวกัน ขณะนี้อาคารสำนักงานต่าง ๆ มีแนวโน้มขยายตัวสู่รอบนอกของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในแนว North Corridor พหลโยธินและวิภาวดีรังสิต ดังนั้น กลุ่มคนทำงานจะเข้ามาในพื้นที่เพิ่มขึ้นและเป็นกำลังซื้อที่มหาศาล
ด้าน Quality Neighbourhood โครงการยังแวดล้อมด้วยโรงเรียนชั้นนำ 51 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นโรงเรียนอินเตอร์ 6 แห่ง, มหาวิทยาลัยชั้นนำ 9 แห่ง, และโรงแรม 41 แห่ง
กำลังซื้อสูง 2.3 เท่า แถมดีมานด์โตต่อเนื่อง
ด้านกำลังซื้อจากฐานข้อมูลอ้างอิงจากเซ็นทรัลพัฒนา พบว่าย่านนี้มีกลุ่มลูกค้า Wealth Segment กำลังซื้อสูงกว่าค่าเฉลี่ยคนกรุงเทพฯ ถึง 2.3 เท่า อีกทั้งยอดขายต่อพื้นที่ (Sales per GLA) สูงกว่าค่าเฉลี่ยศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ ถึง 45% และจำนวนผู้ใช้บริการมากกว่าศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ โดยเฉลี่ยถึง 2.19 เท่าอีกด้วย
อัตราเติบโตสูงเทียบชั้นชิดลม, สาทร, สุขุมวิท, สีลม
โดยจากข้อมูลล่าสุด พหลโยธินช่วงต้นติด Top 10 ทำเลราคาที่ดินแพงที่สุดในประเทศไทยปี’68 ด้วยราคาประเมิน 1.9 ล้านบาทต่อตารางวา อัตราการเติบโตสูงถึง 5% ซึ่งมากกว่าย่านเพลินจิต-ชิดลม, สุขุมวิท, สีลม, สาทร ตัวเลขนี้จึงการันตีถึงศักยภาพการเติบโตที่ชัดเจน
ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าและกลุ่มงานพัฒนาโครงการ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า วันนี้ย่านลาดพร้าว-พหลโยธิน ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และ “The Central พหลโยธิน” โครงการมูลค่ากว่า 21,000 ล้านบาท บนที่ดิน 49 ไร่ พื้นที่ (GBA) 457,409 ตร.ม. พร้อมด้วย Convention Hall ขนาดใหญ่กว่า 6,700 ตร.ม. นี้
จะเป็นอีกหนึ่งโครงการระดับโลกที่ต่อยอดความสำเร็จของเรา เพื่อผลักดันย่านนี้ให้เต็มศักยภาพสูงสุด และยกระดับสู่ The Next CBD แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ โดยคาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ของปี 2569
เหตุผล ทำไม CPN มั่นใจว่าย่านลาดพร้าว-พหลโยธินจะแซงเพลินจิต-สาทรได้
https://www.prachachat.net/marketing/news-1898269
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา Chief Marketing Officer บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า ความเชื่อมั่นในโครงการ The Central พหลโยธิน จากเหตุผลหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
จุดบรรจบสองถนนสายหลัก-สองรถไฟฟ้า
ย่านลาดพร้าว-พหลโยธินเป็นจุดเชื่อมต่อการใช้ชีวิต-การทำงาน-การเดินทาง โดยปัจจุบันถนนวิภาวดีรังสิตและถนนพหลโยธินนั้น มีรถยนต์สัญจรผ่าน 337,000 คันต่อวัน ขณะเดียวกัน ยังมีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินมีผู้โดยสาร 15,600 คนต่อวัน และ BTS สายสีเขียวมีผู้โดยสาร 35,100 คนต่อวัน
อีกทั้งยังเชื่อมไปสู่สนามบินดอนเมืองที่ปัจจุบันรองรับผู้โดยสารราว 30 ล้านคนต่อปี และกำลังเตรียมขยายโครงการเพื่อเพิ่มศักยภาพตามแผนงานของรัฐ ทำให้ดึงคนไทยและต่างชาติเข้ามายังย่านลาดพร้าว-พหลโยธินมากยิ่งขึ้น
โดยบริษัทคาดว่าในอนาคตหลัง เดอะ เซ็นทรัล พหลโยธิน เปิดบริการ คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก 30%.
ฐานประชากรกว่า 2.5 ล้านคน
Catchment Area ในย่านลาดพร้าว-พหลโยธิน มีประชากรประมาณ 2.5 ล้านคน จากทั้งโครงการที่อยู่อาศัยถึง 472 โครงการ และมากกว่า 50% เป็นโครงการในระดับ Upper Segment ขึ้นไป
ในส่วนอาคารสำนักงานที่ตั้งรอบโครงการมีถึง 52 แห่ง ในจำนวนนี้ 15 แห่งเป็น Grade A Office สะท้อนถึงคุณภาพของทำเลและศักยภาพการเป็นศูนย์กลาง Workplace แห่งอนาคตของกรุงเทพฯ
ขณะเดียวกัน ขณะนี้อาคารสำนักงานต่าง ๆ มีแนวโน้มขยายตัวสู่รอบนอกของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในแนว North Corridor พหลโยธินและวิภาวดีรังสิต ดังนั้น กลุ่มคนทำงานจะเข้ามาในพื้นที่เพิ่มขึ้นและเป็นกำลังซื้อที่มหาศาล
ด้าน Quality Neighbourhood โครงการยังแวดล้อมด้วยโรงเรียนชั้นนำ 51 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นโรงเรียนอินเตอร์ 6 แห่ง, มหาวิทยาลัยชั้นนำ 9 แห่ง, และโรงแรม 41 แห่ง
กำลังซื้อสูง 2.3 เท่า แถมดีมานด์โตต่อเนื่อง
ด้านกำลังซื้อจากฐานข้อมูลอ้างอิงจากเซ็นทรัลพัฒนา พบว่าย่านนี้มีกลุ่มลูกค้า Wealth Segment กำลังซื้อสูงกว่าค่าเฉลี่ยคนกรุงเทพฯ ถึง 2.3 เท่า อีกทั้งยอดขายต่อพื้นที่ (Sales per GLA) สูงกว่าค่าเฉลี่ยศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ ถึง 45% และจำนวนผู้ใช้บริการมากกว่าศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ โดยเฉลี่ยถึง 2.19 เท่าอีกด้วย
อัตราเติบโตสูงเทียบชั้นชิดลม, สาทร, สุขุมวิท, สีลม
โดยจากข้อมูลล่าสุด พหลโยธินช่วงต้นติด Top 10 ทำเลราคาที่ดินแพงที่สุดในประเทศไทยปี’68 ด้วยราคาประเมิน 1.9 ล้านบาทต่อตารางวา อัตราการเติบโตสูงถึง 5% ซึ่งมากกว่าย่านเพลินจิต-ชิดลม, สุขุมวิท, สีลม, สาทร ตัวเลขนี้จึงการันตีถึงศักยภาพการเติบโตที่ชัดเจน
ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าและกลุ่มงานพัฒนาโครงการ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า วันนี้ย่านลาดพร้าว-พหลโยธิน ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และ “The Central พหลโยธิน” โครงการมูลค่ากว่า 21,000 ล้านบาท บนที่ดิน 49 ไร่ พื้นที่ (GBA) 457,409 ตร.ม. พร้อมด้วย Convention Hall ขนาดใหญ่กว่า 6,700 ตร.ม. นี้
จะเป็นอีกหนึ่งโครงการระดับโลกที่ต่อยอดความสำเร็จของเรา เพื่อผลักดันย่านนี้ให้เต็มศักยภาพสูงสุด และยกระดับสู่ The Next CBD แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ โดยคาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ของปี 2569