ในห้องประชุมอันกว้างใหญ่ของกระทรวงการคลัง กรุงเทพมหานคร แสงแดดยามบ่ายสาดส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ สะท้อนเงาบนพื้นหินอ่อนขัดมัน "ดร.อานนท์ สิทธิผล" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นั่งตรงข้ามกับนักข่าวสาวไฟแรงชื่อ "พิมพ์ใจ รัตนากร" เธอจับปากกาไว้แน่น ขณะที่บันทึกเทปสัมภาษณ์กำลังหมุนวน ดร.อานนท์ ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าดูเคร่งเครียดแต่แฝงด้วยความเฉลียวฉลาด สวมแว่นตากรอบบางและสูทสีเทาเข้ม เขาเริ่มต้นการสนทนาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ราวกับกำลังเล่าเรื่องราวของพายุที่กำลังก่อตัวเหนือแผ่นดินสยาม
"คุณพิมพ์ใจครับ เศรษฐกิจของเราในตอนนี้ มันเหมือนเครื่องยนต์เก่าที่สนิมเกาะกร่อนไปตามกาลเวลา" ดร.อานนท์กล่าว ขณะที่นิ้วมือของเขากดลงบนเอกสารกองโตตรงหน้า "เราเติบโตช้าลงทุกปี สาเหตุหลักคือการขาดการลงทุนในเครื่องจักรและเทคโนโลยีสมัยใหม่มานานแสนนาน แรงงานของเราก็ขาดทักษะที่จำเป็น นี่คืออุปสรรคใหญ่ที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติหันไปมองประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ที่มีคนงานฝีมือดีกว่าเราเสียอีก"
พิมพ์ใจพยักหน้า ขณะที่เธอจดบันทึกอย่างรวดเร็ว "แล้วปัญหาอื่นๆ ล่ะคะ ท่านรัฐมนตรี? เช่น อัตราการเกิดที่ลดลง และระบบการศึกษาที่ไม่ตรงกับตลาดแรงงาน?"
ดร.อานนท์ถอนหายใจยาว "ใช่ครับ นั่นคือปัญหาที่ซ้ำเติมเข้าไปอีก เรามีประชากรเกิดใหม่น้อยลงทุกปี และเด็กๆ ที่เรียนจบมาก็ไม่มีความรู้ที่ตลาดต้องการ นักลงทุนต่างชาติบ่นกันมาก ไม่ใช่เรื่องความไม่มั่นคงทางการเมืองหรอกนะ พวกเขาเจอเรื่องแบบนี้มาบ่อย แต่ทักษะของแรงงานนี่สิ คือจุดเจ็บปวดตัวจริง ดูสิ ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามหรือเกาหลีใต้ หลังวิกฤตปี 2540 พวกเขาลงทุนหนักในวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และเทคโนโลยี จนเติบโตได้ถึง 8% ต่อปี แต่เรา? เรายังติดอยู่กับเครื่องยนต์เก่าๆ ที่ไม่ได้อัพเกรดมานาน แรงงานขาดแคลน คนเกิดน้อย ทักษะไม่ตรงยุคสมัย แม้เราจะมีแหล่งท่องเที่ยวสวยงาม แต่สุดท้าย นักลงทุนก็ไหลไปเวียดนามหมด"
บรรยากาศในห้องเริ่มหนักอึ้ง พิมพ์ใจรู้สึกถึงความกดดันที่แผ่กระจาย ดร.อานนท์หยิบกราฟขึ้นมาชี้ให้ดู "มาดูสถานการณ์ปัจจุบันกันครับ ไตรมาสแรก เราขยายตัว 3.2% ไตรมาสสอง 2.8% เฉลี่ยแล้วดูเหมือนดีที่ 3% แต่จริงๆ แล้ว มันมาจากการเร่งส่งออกก่อนที่ภาษีนำเข้าของอเมริกาจะขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงค่าภาษีแพงๆ จากนโยบายของทรัมป์ แต่ครึ่งปีหลังนี่สิ คาดว่าเศรษฐกิจจะดร็อปลงหนัก เพราะตอนนี้เราโดนภาษี 19% เข้าไปเต็มๆ ไตรมาสสาม คาดโตแค่ 1.7% และไตรมาสสี่... เหลือเพียง 0.3% เท่านั้น"
พิมพ์ใจตาโตด้วยความตกใจ "แค่ 0.3% นี่มันหมายความว่า..."
"ใช่ครับ" ดร.อานนท์ตัดบท "เศรษฐกิจกำลังดิ่งหัวลง ถ้าปล่อยไว้ มันไม่ใช่แค่ติดหล่ม แต่จะตกเหวไปเลย ประเทศเพื่อนบ้านโต 8% แต่เราเฉลี่ยแค่ 2% ก็ถือว่าดีแล้ว รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขด่วน มิฉะนั้น เราจะเข้าสู่วิกฤตที่แก้ไม่ได้"
การสัมภาษณ์จบลงด้วยความเงียบงัน พิมพ์ใจเดินออกจากกระทรวงด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เธอเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ในวันรุ่งขึ้น ชื่อว่า "เครื่องยนต์เศรษฐกิจไทย กำลังดับมอด?" บทความของเธอสร้างกระแสฮือฮา สังคมไทยตื่นตัวกับข่าวร้ายนี้ นักลงทุนต่างชาติเริ่มถอนทุน รัฐบาลถูกกดดันจากทุกฝ่าย ดร.อานนท์กลายเป็นบุคคลสาธารณะที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ บ้างว่ากล้าหาญ บ้างว่าทำให้สถานการณ์แย่ลง
หลายเดือนผ่านไป เศรษฐกิจดูเหมือนจะย่ำแย่ตามคำทำนาย บริษัทใหญ่ๆ ปิดตัวลง แรงงานตกงานเพิ่มขึ้น พิมพ์ใจติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด เธอได้รับเชิญให้สัมภาษณ์ดร.อานนท์อีกครั้ง แต่คราวนี้ ในห้องลับใต้ดินของกระทรวง ที่เต็มไปด้วยจอคอมพิวเตอร์และเอกสารลับสุดยอด
"คุณพิมพ์ใจ" ดร.อานนท์ยิ้มอย่างลึกลับ ขณะที่เปิดเอกสารแผ่นหนึ่ง "ทุกอย่างที่ผมพูดในวันนั้น มันคือส่วนหนึ่งของแผนใหญ่"
พิมพ์ใจงุนงง "แผนอะไรคะ?"
"แผนที่จะพลิกเศรษฐกิจไทยให้กลับมาแข็งแกร่ง" เขาตอบ "ผมจงใจปล่อยข้อมูลเหล่านั้นออกไป เพื่อหลอกล่อให้นักลงทุนต่างชาติถอนทุนชั่วคราว สร้างภาพว่าประเทศเรากำลังอ่อนแอ แต่จริงๆ แล้ว เราได้แอบลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยี AI และอุตสาหกรรมสีเขียว โดยร่วมมือกับพันธมิตรลับจากจีนและญี่ปุ่น แรงงานของเราไม่ได้ขาดทักษะ เรากำลังฝึกพวกเขาในโครงการลับ เพื่อสร้างกองทัพวิศวกรรุ่นใหม่ และอัตราการเกิดต่ำ? นั่นคือโอกาสที่จะนำเข้าแรงงานคุณภาพสูงจากต่างประเทศ โดยไม่ให้ใครรู้"
พิมพ์ใจอ้าปากค้าง "แล้วทำไมต้องปกปิด?"
"เพราะถ้าเปิดเผยเร็วเกินไป ประเทศเพื่อนบ้านจะเลียนแบบ และเราจะเสียความได้เปรียบ" ดร.อานนท์หัวเราะเบาๆ "ตอนนี้ นักลงทุนที่ถอนไป กำลังกลับมาด้วยข้อเสนอที่ดีกว่าเดิม เศรษฐกิจไตรมาสสี่ไม่ได้โต 0.3% แต่จริงๆ แล้ว มันพุ่งทะยานเกิน 5% ภายใต้การปกปิดข้อมูล เรากำลังจะเป็นผู้นำภูมิภาค ไม่ใช่ผู้ตามอีกต่อไป"
พิมพ์ใจยิ้มอย่างโล่งใจ แต่แล้ว เธอสังเกตเห็นเอกสารแผ่นสุดท้ายที่ดร.อานนท์ซ่อนไว้ มันคือสัญญาลับกับบริษัทข้ามชาติ ที่ให้สิทธิ์พวกเขาควบคุมทรัพยากรไทยแลกกับเงินทุน แผนของดร.อานนท์ไม่ใช่เพื่อชาติ แต่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เขาขายชาติให้ต่างชาติ เพื่อแลกกับตำแหน่งในบอร์ดบริษัทใหญ่ และข้อมูลทั้งหมดที่เขาปล่อย คือการปกปิดการทรยศที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย พิมพ์ใจรีบหนีออกมา แต่สายเกินไป... เธอถูกจับกุมในข้อหาเปิดเผยความลับรัฐ ขณะที่แผ่นดินสยามกำลังถูกกลืนกินโดยหายนะที่ซ่อนเร้นอย่างแท้จริง
นิยาย หายนะที่ซ่อนเร้น :)
"คุณพิมพ์ใจครับ เศรษฐกิจของเราในตอนนี้ มันเหมือนเครื่องยนต์เก่าที่สนิมเกาะกร่อนไปตามกาลเวลา" ดร.อานนท์กล่าว ขณะที่นิ้วมือของเขากดลงบนเอกสารกองโตตรงหน้า "เราเติบโตช้าลงทุกปี สาเหตุหลักคือการขาดการลงทุนในเครื่องจักรและเทคโนโลยีสมัยใหม่มานานแสนนาน แรงงานของเราก็ขาดทักษะที่จำเป็น นี่คืออุปสรรคใหญ่ที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติหันไปมองประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ที่มีคนงานฝีมือดีกว่าเราเสียอีก"
พิมพ์ใจพยักหน้า ขณะที่เธอจดบันทึกอย่างรวดเร็ว "แล้วปัญหาอื่นๆ ล่ะคะ ท่านรัฐมนตรี? เช่น อัตราการเกิดที่ลดลง และระบบการศึกษาที่ไม่ตรงกับตลาดแรงงาน?"
ดร.อานนท์ถอนหายใจยาว "ใช่ครับ นั่นคือปัญหาที่ซ้ำเติมเข้าไปอีก เรามีประชากรเกิดใหม่น้อยลงทุกปี และเด็กๆ ที่เรียนจบมาก็ไม่มีความรู้ที่ตลาดต้องการ นักลงทุนต่างชาติบ่นกันมาก ไม่ใช่เรื่องความไม่มั่นคงทางการเมืองหรอกนะ พวกเขาเจอเรื่องแบบนี้มาบ่อย แต่ทักษะของแรงงานนี่สิ คือจุดเจ็บปวดตัวจริง ดูสิ ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามหรือเกาหลีใต้ หลังวิกฤตปี 2540 พวกเขาลงทุนหนักในวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และเทคโนโลยี จนเติบโตได้ถึง 8% ต่อปี แต่เรา? เรายังติดอยู่กับเครื่องยนต์เก่าๆ ที่ไม่ได้อัพเกรดมานาน แรงงานขาดแคลน คนเกิดน้อย ทักษะไม่ตรงยุคสมัย แม้เราจะมีแหล่งท่องเที่ยวสวยงาม แต่สุดท้าย นักลงทุนก็ไหลไปเวียดนามหมด"
บรรยากาศในห้องเริ่มหนักอึ้ง พิมพ์ใจรู้สึกถึงความกดดันที่แผ่กระจาย ดร.อานนท์หยิบกราฟขึ้นมาชี้ให้ดู "มาดูสถานการณ์ปัจจุบันกันครับ ไตรมาสแรก เราขยายตัว 3.2% ไตรมาสสอง 2.8% เฉลี่ยแล้วดูเหมือนดีที่ 3% แต่จริงๆ แล้ว มันมาจากการเร่งส่งออกก่อนที่ภาษีนำเข้าของอเมริกาจะขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงค่าภาษีแพงๆ จากนโยบายของทรัมป์ แต่ครึ่งปีหลังนี่สิ คาดว่าเศรษฐกิจจะดร็อปลงหนัก เพราะตอนนี้เราโดนภาษี 19% เข้าไปเต็มๆ ไตรมาสสาม คาดโตแค่ 1.7% และไตรมาสสี่... เหลือเพียง 0.3% เท่านั้น"
พิมพ์ใจตาโตด้วยความตกใจ "แค่ 0.3% นี่มันหมายความว่า..."
"ใช่ครับ" ดร.อานนท์ตัดบท "เศรษฐกิจกำลังดิ่งหัวลง ถ้าปล่อยไว้ มันไม่ใช่แค่ติดหล่ม แต่จะตกเหวไปเลย ประเทศเพื่อนบ้านโต 8% แต่เราเฉลี่ยแค่ 2% ก็ถือว่าดีแล้ว รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขด่วน มิฉะนั้น เราจะเข้าสู่วิกฤตที่แก้ไม่ได้"
การสัมภาษณ์จบลงด้วยความเงียบงัน พิมพ์ใจเดินออกจากกระทรวงด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เธอเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ในวันรุ่งขึ้น ชื่อว่า "เครื่องยนต์เศรษฐกิจไทย กำลังดับมอด?" บทความของเธอสร้างกระแสฮือฮา สังคมไทยตื่นตัวกับข่าวร้ายนี้ นักลงทุนต่างชาติเริ่มถอนทุน รัฐบาลถูกกดดันจากทุกฝ่าย ดร.อานนท์กลายเป็นบุคคลสาธารณะที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ บ้างว่ากล้าหาญ บ้างว่าทำให้สถานการณ์แย่ลง
หลายเดือนผ่านไป เศรษฐกิจดูเหมือนจะย่ำแย่ตามคำทำนาย บริษัทใหญ่ๆ ปิดตัวลง แรงงานตกงานเพิ่มขึ้น พิมพ์ใจติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด เธอได้รับเชิญให้สัมภาษณ์ดร.อานนท์อีกครั้ง แต่คราวนี้ ในห้องลับใต้ดินของกระทรวง ที่เต็มไปด้วยจอคอมพิวเตอร์และเอกสารลับสุดยอด
"คุณพิมพ์ใจ" ดร.อานนท์ยิ้มอย่างลึกลับ ขณะที่เปิดเอกสารแผ่นหนึ่ง "ทุกอย่างที่ผมพูดในวันนั้น มันคือส่วนหนึ่งของแผนใหญ่"
พิมพ์ใจงุนงง "แผนอะไรคะ?"
"แผนที่จะพลิกเศรษฐกิจไทยให้กลับมาแข็งแกร่ง" เขาตอบ "ผมจงใจปล่อยข้อมูลเหล่านั้นออกไป เพื่อหลอกล่อให้นักลงทุนต่างชาติถอนทุนชั่วคราว สร้างภาพว่าประเทศเรากำลังอ่อนแอ แต่จริงๆ แล้ว เราได้แอบลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยี AI และอุตสาหกรรมสีเขียว โดยร่วมมือกับพันธมิตรลับจากจีนและญี่ปุ่น แรงงานของเราไม่ได้ขาดทักษะ เรากำลังฝึกพวกเขาในโครงการลับ เพื่อสร้างกองทัพวิศวกรรุ่นใหม่ และอัตราการเกิดต่ำ? นั่นคือโอกาสที่จะนำเข้าแรงงานคุณภาพสูงจากต่างประเทศ โดยไม่ให้ใครรู้"
พิมพ์ใจอ้าปากค้าง "แล้วทำไมต้องปกปิด?"
"เพราะถ้าเปิดเผยเร็วเกินไป ประเทศเพื่อนบ้านจะเลียนแบบ และเราจะเสียความได้เปรียบ" ดร.อานนท์หัวเราะเบาๆ "ตอนนี้ นักลงทุนที่ถอนไป กำลังกลับมาด้วยข้อเสนอที่ดีกว่าเดิม เศรษฐกิจไตรมาสสี่ไม่ได้โต 0.3% แต่จริงๆ แล้ว มันพุ่งทะยานเกิน 5% ภายใต้การปกปิดข้อมูล เรากำลังจะเป็นผู้นำภูมิภาค ไม่ใช่ผู้ตามอีกต่อไป"
พิมพ์ใจยิ้มอย่างโล่งใจ แต่แล้ว เธอสังเกตเห็นเอกสารแผ่นสุดท้ายที่ดร.อานนท์ซ่อนไว้ มันคือสัญญาลับกับบริษัทข้ามชาติ ที่ให้สิทธิ์พวกเขาควบคุมทรัพยากรไทยแลกกับเงินทุน แผนของดร.อานนท์ไม่ใช่เพื่อชาติ แต่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เขาขายชาติให้ต่างชาติ เพื่อแลกกับตำแหน่งในบอร์ดบริษัทใหญ่ และข้อมูลทั้งหมดที่เขาปล่อย คือการปกปิดการทรยศที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย พิมพ์ใจรีบหนีออกมา แต่สายเกินไป... เธอถูกจับกุมในข้อหาเปิดเผยความลับรัฐ ขณะที่แผ่นดินสยามกำลังถูกกลืนกินโดยหายนะที่ซ่อนเร้นอย่างแท้จริง