ในยามที่แสงตะวันลับขอบฟ้าเหนือเมืองนราธิวาส ห้างสรรพสินค้าชื่อดังในอำเภอสุไหงโก-ลกกลายเป็นสนามรบของความโกลาหล กลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 20 คน สวมชุดดำ ปกปิดใบหน้า ถืออาวุธครบมือ บุกเข้ามาด้วยความเฉียบขาดราวกับนักรบที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เสียงปืนดังสนั่น ผู้คนในห้างแตกตื่นวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง เป้าหมายของพวกเขาคือร้านทอง “มงคลทอง” ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่ากลางห้าง
เวลา 18:19 น. กล้องวงจรปิดจับภาพกลุ่มคนร้ายแยกย้ายกันอย่างเป็นระบบ กลุ่มหนึ่งยึดป้อมยาม สั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรวมตัวที่ลานจอดรถ อีกกลุ่มบุกเข้าไปในร้านทอง ใช้ด้ามปืนทุบตู้โชว์กระจกแตกกระจาย กวาดทองคำรูปพรรณและทองแท่งน้ำหนักรวม 600 บาท มูลค่ากว่า 36 ล้านบาทลงในถุงอย่างรวดเร็ว สิบเอกบุริธาชัย ทหารหนุ่มวัย 27 ปี พยายามขัดขวาง แต่ถูกยิงบาดเจ็บที่ลานจอดรถ ส่วนนายจีรศักดิ์ พนักงานห้างวัย 30 ปี ถูกจับเป็นตัวประกันก่อนจะได้รับการปล่อยตัวในภายหลัง
เมื่อได้ทองคำ คนร้ายหลบหนีด้วยรถกระบะสองคันที่ขโมยมาจากชาวบ้าน โปรยตะปูเรือใบและวางวัตถุต้องสงสัยตามแยกต่าง ๆ เพื่อขัดขวางการติดตาม รถกระบะถูกพบทิ้งร้างในสวนปาล์มที่อำเภอแว้ง ขณะที่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายบางส่วนอาจหลบหนีข้ามแดนไปยังมาเลเซีย และการปล้นครั้งนี้อาจเป็นการระดมทุนเพื่อก่อเหตุรุนแรงของกลุ่ม BRN
พันตำรวจโท ธนกร พิทักษ์ นักสืบฝีมือฉกาจจากกองปราบปราม ถูกส่งตัวมาจากกรุงเทพฯ เพื่อรับมือคดีที่เขย่าขวัญเมืองนราธิวาส ธนกรเป็นชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แต่ภายในใจของเขากลับถูกบาดแผลจากอดีตกัดกิน เพื่อนสนิทของเขาเสียชีวิตจากเหตุระเบิดในสามจังหวัดชายแดนใต้เมื่อหลายปีก่อน คดีนี้จึงไม่ใช่แค่ภารกิจ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
ที่ห้างสรรพสินค้า ธนกรตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด เขาสังเกตเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่น่าสนใจ คนร้ายคนหนึ่งที่ยืนคุมเชิงหน้าห้างมีรอยสักรูปใบมะพร้าวที่คอ ซึ่งดูผิดแผกจากกลุ่มอื่น ธนกรจำได้ว่ารอยสักนี้เคยปรากฏในคดีเก่าเกี่ยวกับกลุ่มก่อการร้ายที่ถูกจับกุมเมื่อห้าปีก่อน แต่กลุ่มนั้นควรจะสลายไปแล้ว หรือว่านี่คือการคืนชีพของกลุ่มเก่า?
การสืบสวนนำธนกรไปยังสวนปาล์มในอำเภอแว้ง ที่นั่นเขาพบรถกระบะสองคันที่คนร้ายทิ้งไว้ ภายในรถคันหนึ่งมีสมุดบันทึกเก่า ๆ ซ่อนอยู่ใต้เบาะ หน้าสุดท้ายของสมุดมีข้อความเขียนด้วยลายมือว่า “ส่งของให้เจ้านายที่โกดังตะวันตก” ธนกรรู้สึกถึงความผิดปกติ ทำไมคนร้ายถึงทิ้งหลักฐานสำคัญเช่นนี้ไว้? เขาตัดสินใจตามรอยไปยังโกดังร้างที่ระบุในสมุด
ระหว่างทาง ธนกรได้พบกับ “ฟาติมะ” เด็กสาววัย 16 ปีจากหมู่บ้านใกล้ชายแดน เธอเล่าว่าเคยเห็นชายที่มีรอยสักใบมะพร้าวในหมู่บ้าน เขาคือ “อาซัน” อดีตช่างซ่อมรถที่หายตัวไปเมื่อสองปีก่อน ฟาติมะยอมช่วยธนกรโดยพาเขาไปยังเส้นทางลับในป่าที่อาซันเคยใช้ ธนกรเริ่มสงสัยว่าคดีนี้อาจซับซ้อนกว่าที่คิด
ในป่าที่ยากจะเข้าถึง ทีมของธนกรพบร่องรอยค่ายพักของคนร้าย พร้อมอาวุธและเสบียงที่ถูกทิ้งไว้ แต่ทันทีที่พวกเขาเข้าใกล้ ก็ถูกโจมตีโดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ซ่อนตัวอยู่ การต่อสู้ดุเดือดเกิดขึ้น ธนกรเห็นชายที่มีรอยสักใบมะพร้าว อาซัน แต่เขาหลบหนีไปได้พร้อมกับคนของเขา ธนกรพบเอกสารในค่ายที่ระบุถึง “เจ้านาย” ผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง และที่สำคัญ เอกสารระบุว่าทองคำบางส่วนถูกซ่อนไว้ในโกดังร้างในเมือง ไม่ได้ถูกส่งไปมาเลเซียทั้งหมด
ธนกรเริ่มสงสัยในเจตนาของการปล้นครั้งนี้ หากเป็นฝีมือของ BRN จริง ทำไมถึงเลือกซ่อนทองไว้ในนราธิวาส? หรือว่านี่ไม่ใช่การระดมทุนเพื่อการก่อการร้ายอย่างที่ทุกคนคิด?
ธนกรนำทีมบุกโกดังร้างตามที่ระบุในเอกสาร ที่นั่นเขาพบทองคำบางส่วนซ่อนอยู่ในลังไม้ และที่ทำให้เขาตกตะลึงคือการพบตัวประกัน นายจีรศักดิ์ พนักงานห้างที่ถูกจับตัวไป เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ดูหวาดกลัวอย่างยิ่ง เมื่อถูกสอบสวน จีรศักดิ์สารภาพว่าเขาไม่ใช่ตัวประกันโดยบังเอิญ เขาคือคนวงในที่ช่วยคนร้ายโดยการปิดกล้องวงจรปิดบางตัวในห้าง และที่สำคัญ “เจ้านาย” ไม่ใช่สมาชิก BRN แต่เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าเอง
ความจริงที่เปิดเผยทำให้ธนกรแทบไม่อยากเชื่อ เจ้าของห้างวางแผนการปล้นครั้งนี้เพื่อเรียกเงินประกันมูลค่ามหาศาล โดยจ้างกลุ่มอาชญากรให้สวมรอยเป็น BRN เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตำรวจ ทองคำที่ถูกปล้นส่วนใหญ่ถูกซ่อนไว้ในโกดังเพื่อรอการขายในตลาดมืด ส่วนที่ส่งไปมาเลเซียเป็นเพียงการสร้างภาพ
ด้วยหลักฐานจากจีรศักดิ์และเอกสารในโกดัง ธนกรนำทีมบุกจับกุมเจ้าของห้างในสำนักงานหรูของเขา พบทองคำและเงินสดซุกซ่อนอยู่ในตู้เซฟลับ การจับกุมครั้งนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วทั้งนราธิวาส กลุ่มคนร้ายที่ถูกจ้างมารับสารภาพว่าพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับ BRN แต่เป็นเพียงทหารรับจ้างที่ถูกว่าจ้างด้วยเงินก้อนโต
ธนกรยืนมองเมืองนราธิวาสจากดาดฟ้าของห้างในยามเช้า แสงตะวันสาดส่องลงมา เขารู้ว่าความโลภสามารถทำให้คนทรยศต่อความไว้วางใจได้ แม้คดีนี้จะคลี่คลาย แต่เส้นทางสู่ความสงบสุขยังคงยาวไกล
จบ
นิยาย ล่าทองใต้เงื้อมเงา :)
เวลา 18:19 น. กล้องวงจรปิดจับภาพกลุ่มคนร้ายแยกย้ายกันอย่างเป็นระบบ กลุ่มหนึ่งยึดป้อมยาม สั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรวมตัวที่ลานจอดรถ อีกกลุ่มบุกเข้าไปในร้านทอง ใช้ด้ามปืนทุบตู้โชว์กระจกแตกกระจาย กวาดทองคำรูปพรรณและทองแท่งน้ำหนักรวม 600 บาท มูลค่ากว่า 36 ล้านบาทลงในถุงอย่างรวดเร็ว สิบเอกบุริธาชัย ทหารหนุ่มวัย 27 ปี พยายามขัดขวาง แต่ถูกยิงบาดเจ็บที่ลานจอดรถ ส่วนนายจีรศักดิ์ พนักงานห้างวัย 30 ปี ถูกจับเป็นตัวประกันก่อนจะได้รับการปล่อยตัวในภายหลัง
เมื่อได้ทองคำ คนร้ายหลบหนีด้วยรถกระบะสองคันที่ขโมยมาจากชาวบ้าน โปรยตะปูเรือใบและวางวัตถุต้องสงสัยตามแยกต่าง ๆ เพื่อขัดขวางการติดตาม รถกระบะถูกพบทิ้งร้างในสวนปาล์มที่อำเภอแว้ง ขณะที่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายบางส่วนอาจหลบหนีข้ามแดนไปยังมาเลเซีย และการปล้นครั้งนี้อาจเป็นการระดมทุนเพื่อก่อเหตุรุนแรงของกลุ่ม BRN
พันตำรวจโท ธนกร พิทักษ์ นักสืบฝีมือฉกาจจากกองปราบปราม ถูกส่งตัวมาจากกรุงเทพฯ เพื่อรับมือคดีที่เขย่าขวัญเมืองนราธิวาส ธนกรเป็นชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แต่ภายในใจของเขากลับถูกบาดแผลจากอดีตกัดกิน เพื่อนสนิทของเขาเสียชีวิตจากเหตุระเบิดในสามจังหวัดชายแดนใต้เมื่อหลายปีก่อน คดีนี้จึงไม่ใช่แค่ภารกิจ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
ที่ห้างสรรพสินค้า ธนกรตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด เขาสังเกตเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่น่าสนใจ คนร้ายคนหนึ่งที่ยืนคุมเชิงหน้าห้างมีรอยสักรูปใบมะพร้าวที่คอ ซึ่งดูผิดแผกจากกลุ่มอื่น ธนกรจำได้ว่ารอยสักนี้เคยปรากฏในคดีเก่าเกี่ยวกับกลุ่มก่อการร้ายที่ถูกจับกุมเมื่อห้าปีก่อน แต่กลุ่มนั้นควรจะสลายไปแล้ว หรือว่านี่คือการคืนชีพของกลุ่มเก่า?
การสืบสวนนำธนกรไปยังสวนปาล์มในอำเภอแว้ง ที่นั่นเขาพบรถกระบะสองคันที่คนร้ายทิ้งไว้ ภายในรถคันหนึ่งมีสมุดบันทึกเก่า ๆ ซ่อนอยู่ใต้เบาะ หน้าสุดท้ายของสมุดมีข้อความเขียนด้วยลายมือว่า “ส่งของให้เจ้านายที่โกดังตะวันตก” ธนกรรู้สึกถึงความผิดปกติ ทำไมคนร้ายถึงทิ้งหลักฐานสำคัญเช่นนี้ไว้? เขาตัดสินใจตามรอยไปยังโกดังร้างที่ระบุในสมุด
ระหว่างทาง ธนกรได้พบกับ “ฟาติมะ” เด็กสาววัย 16 ปีจากหมู่บ้านใกล้ชายแดน เธอเล่าว่าเคยเห็นชายที่มีรอยสักใบมะพร้าวในหมู่บ้าน เขาคือ “อาซัน” อดีตช่างซ่อมรถที่หายตัวไปเมื่อสองปีก่อน ฟาติมะยอมช่วยธนกรโดยพาเขาไปยังเส้นทางลับในป่าที่อาซันเคยใช้ ธนกรเริ่มสงสัยว่าคดีนี้อาจซับซ้อนกว่าที่คิด
ในป่าที่ยากจะเข้าถึง ทีมของธนกรพบร่องรอยค่ายพักของคนร้าย พร้อมอาวุธและเสบียงที่ถูกทิ้งไว้ แต่ทันทีที่พวกเขาเข้าใกล้ ก็ถูกโจมตีโดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ซ่อนตัวอยู่ การต่อสู้ดุเดือดเกิดขึ้น ธนกรเห็นชายที่มีรอยสักใบมะพร้าว อาซัน แต่เขาหลบหนีไปได้พร้อมกับคนของเขา ธนกรพบเอกสารในค่ายที่ระบุถึง “เจ้านาย” ผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง และที่สำคัญ เอกสารระบุว่าทองคำบางส่วนถูกซ่อนไว้ในโกดังร้างในเมือง ไม่ได้ถูกส่งไปมาเลเซียทั้งหมด
ธนกรเริ่มสงสัยในเจตนาของการปล้นครั้งนี้ หากเป็นฝีมือของ BRN จริง ทำไมถึงเลือกซ่อนทองไว้ในนราธิวาส? หรือว่านี่ไม่ใช่การระดมทุนเพื่อการก่อการร้ายอย่างที่ทุกคนคิด?
ธนกรนำทีมบุกโกดังร้างตามที่ระบุในเอกสาร ที่นั่นเขาพบทองคำบางส่วนซ่อนอยู่ในลังไม้ และที่ทำให้เขาตกตะลึงคือการพบตัวประกัน นายจีรศักดิ์ พนักงานห้างที่ถูกจับตัวไป เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ดูหวาดกลัวอย่างยิ่ง เมื่อถูกสอบสวน จีรศักดิ์สารภาพว่าเขาไม่ใช่ตัวประกันโดยบังเอิญ เขาคือคนวงในที่ช่วยคนร้ายโดยการปิดกล้องวงจรปิดบางตัวในห้าง และที่สำคัญ “เจ้านาย” ไม่ใช่สมาชิก BRN แต่เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าเอง
ความจริงที่เปิดเผยทำให้ธนกรแทบไม่อยากเชื่อ เจ้าของห้างวางแผนการปล้นครั้งนี้เพื่อเรียกเงินประกันมูลค่ามหาศาล โดยจ้างกลุ่มอาชญากรให้สวมรอยเป็น BRN เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตำรวจ ทองคำที่ถูกปล้นส่วนใหญ่ถูกซ่อนไว้ในโกดังเพื่อรอการขายในตลาดมืด ส่วนที่ส่งไปมาเลเซียเป็นเพียงการสร้างภาพ
ด้วยหลักฐานจากจีรศักดิ์และเอกสารในโกดัง ธนกรนำทีมบุกจับกุมเจ้าของห้างในสำนักงานหรูของเขา พบทองคำและเงินสดซุกซ่อนอยู่ในตู้เซฟลับ การจับกุมครั้งนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วทั้งนราธิวาส กลุ่มคนร้ายที่ถูกจ้างมารับสารภาพว่าพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับ BRN แต่เป็นเพียงทหารรับจ้างที่ถูกว่าจ้างด้วยเงินก้อนโต
ธนกรยืนมองเมืองนราธิวาสจากดาดฟ้าของห้างในยามเช้า แสงตะวันสาดส่องลงมา เขารู้ว่าความโลภสามารถทำให้คนทรยศต่อความไว้วางใจได้ แม้คดีนี้จะคลี่คลาย แต่เส้นทางสู่ความสงบสุขยังคงยาวไกล
จบ